คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูเชิด รักตะบุตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2883/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการร้องขอกันส่วนที่ดิน เจ้าของรวมมีสิทธิขอให้แบ่งขายเฉพาะส่วนก่อนได้
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินครึ่งหนึ่งทางทิศเหนือเป็นส่วนสัดมาตั้งแต่ได้รับการยกให้จากบิดา เมื่อโจทก์รับจำนองที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยโจทก์ก็ทราบว่ารับจำนองเฉพาะที่ดินส่วนที่อยู่ทางทิศใต้ดังนี้ โจทก์จะบังคับคดียึดที่ดินทั้งแปลงออกขายทอดตลาดให้ผู้ร้องกันเงินครึ่งหนึ่งที่ได้จากการขายทอดตลาดมิได้ ผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะขอให้กันที่ดินส่วนทางด้านทิศเหนือของผู้ร้องออกก่อนขายทอดตลาด
กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องการร้องขอกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 มิใช่เป็นการร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 จึงเรียกค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์มิได้เมื่อศาลอุทธรณ์เรียกค่าขึ้นศาลมาไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมสั่งให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ตกภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งฯ และสิทธิยึดหน่วงใบหุ้นของตัวแทน
พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 เป็นกฎหมายพิเศษที่บัญญัติไว้เพื่อกิจการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย ์มาตรา 1129 ้เมื่อการซื้อขายหุ้นดังกล่าวได้กระทำตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งออกตามความใน มาตรา 15 (8) แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงไม่ตกเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยลูกค้าแล้ว และได้รับใบหุ้นและตราสารโอนหุ้นมาแล้ว โจทก์จะต้องเก็บรักษาไว้แทนจำเลย เพื่อส่งมอบให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระเงิน ที่โจทก์ออกทด]อง ซื้อหุ้นดังกล่าวจนครบหากจำเลยไม่ชำระแม้โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวโดยมิได้ส่งมอบและโอนหุ้นนั้นให้จำเลยเสียก่อนก็ดีหรือมิได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่จำเลยก็ดี โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง ขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าหุ้นที่โจทก์ออกทดรองแทนจำเลยไปได้เพราะแม้ต่างฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระต่อกัน แต่ก็มิใช่หนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนแต่โจทก์ ซึ่งเป็นตัวแทนมีสิทธิยึดหน่วงใบหุ้นนั้นไว้ จนกว่าโจทก์จะได้รับเงินบรรดาที่ค้างชำระเพราะเป็นตัวแทนจากจำเลยผู้เป็นตัวการ เมื่อจำเลยชำระเงินบรรดาที่ค้างชำระดังกล่าวแล้ว โจทก์ ก็จะต้องส่งมอบใบหุ้นพร้อมกับตราสารโอนหุ้นให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ตกภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งฯ และสิทธิยึดหน่วงใบหุ้นของตัวแทน
พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 เป็นกฎหมายพิเศษที่บัญญัติไว้เพื่อกิจการซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงไม่ตกอยู่ใน บังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129เมื่อการซื้อขายหุ้นดังกล่าวได้กระทำตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งออกตามความใน มาตรา 15(8) แห่ง พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงไม่ตกเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยลูกค้าแล้ว และได้รับใบหุ้นและ ตราสารโอนหุ้นมาแล้ว โจทก์จะต้องเก็บรักษาไว้แทนจำเลยเพื่อส่งมอบให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระเงิน ที่โจทก์ออกทดรอง ซื้อหุ้นดังกล่าวจนครบหากจำเลยไม่ชำระแม้โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวโดยมิได้ส่งมอบและโอนหุ้นนั้นให้ จำเลยเสียก่อนก็ดีหรือมิได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่จำเลยก็ดีโจทก์ ก็มีอำนาจฟ้อง ขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าหุ้นที่โจทก์ออกทดรองแทนจำเลยไปได้ เพราะแม้ต่างฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระต่อกัน แต่ก็ มิใช่หนี้ตาม สัญญาต่างตอบแทนแต่โจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนมีสิทธิ ยึดหน่วงใบหุ้นนั้นไว้ จนกว่าโจทก์จะได้รับเงินบรรดาที่ ค้างชำระเพราะเป็นตัวแทนจากจำเลย ผู้เป็นตัวการ เมื่อจำเลย ชำระเงินบรรดาที่ค้างชำระดังกล่าวแล้วโจทก์ ก็จะต้อง ส่งมอบใบหุ้นพร้อมกับตราสารโอนหุ้นให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการใช้กำลังเกินสมควร การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัส
ผู้เสียหายเป็นชู้กับภริยาจำเลยซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างที่ จำเลยต้องโทษจำคุกเมื่อจำเลยพ้นโทษแล้ววันใดที่จำเลยไม่อยู่บ้านผู้เสียหาย ก็มาหลับนอนกับภริยาจำเลยที่บ้านจำเลยเช้าวันเกิดเหตุในขณะที่จำเลย กำลังเดิน เข้าบ้านผู้เสียหายได้เตะต่อยจำเลยก่อนจำเลยซึ่งมีอายุมากกว่า ผู้เสียหายมากสู้ผู้เสียหายไม่ได้จึงวิ่งไป คว้ามีดมาฟันผู้เสียหายการกระทำ ของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการ ประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่จำเลย ใช้มีดทั้งด้ามและใบมีดยาว 1 ฟุต ใบมีดกว้าง 4 นิ้ว ฟันผู้เสียหาย หลายทีจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่ กายเป็นบาดแผลรวม 8 แห่ง แต่ไม่ถึงแก่ความตายบาดแผลที่สำคัญคือท้ายทอยยาว 15 เซนติเมตร ลึก 7 เซนติเมตรที่หน้าผากยาว 5 เซนติเมตรลึกถึงกะโหลกศีรษะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าและเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินเหตุและการเจตนาฆ่า กรณีชู้กับภรรยา
ผู้เสียหายเป็นชู้กับภริยาจำเลยซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างที่ จำเลยต้องโทษจำคุก เมื่อจำเลยพ้นโทษแล้ววัน ใดที่จำเลยไม่อยู่บ้านผู้เสียหาย ก็มาหลับนอนกับภริยา จำเลย ที่บ้านจำเลย เช้าวันเกิดเหตุในขณะที่จำเลยกำลังเดินเข้าบ้านผู้เสียหายได้เตะต่อยจำเลยก่อน จำเลยซึ่งมีอายุมากกว่าผู้เสียหายมากสู้ผู้เสียหายไม่ได้จึงวิ่งไป คว้ามีดมาฟันผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่จำเลย ใช้มีดทั้งด้ามและใบมีดยาว 1 ฟุต ใบมีดกว้าง 4 นิ้ว ฟันผู้เสียหายหลายทีจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายเป็นบาดแผลรวม 8 แห่ง แต่ไม่ถึงแก่ความตายบาดแผลที่สำคัญคือท้ายทอยยาว 15 เซนติเมตร ลึก 7 เซนติเมตรที่หน้าผากยาว 5 เซนติเมตรลึกถึงกะโหลกศีรษะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าและเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลายเมื่อเจตนาให้เจ้าหนี้รายหนึ่งได้เปรียบ
จำเลยที่ 2 มีหนี้สินจำนวนมาก เฉพาะที่มายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ มี119 ราย เป็นจำนวนหนี้ถึง 262 ล้าน บาท ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 รู้อยู่แล้วว่าตนเอง มีหนี้สินเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่กลับ โอนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายหนึ่งเพื่อเป็นการชำระหนี้ภายในเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ ล้มละลายย่อมถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้โอนทรัพย์สิน โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามนัยของ มาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว
การโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ในระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการ ขอให้ล้มละลายตาม มาตรา 115. ถ้าลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้โอน ทรัพย์สิน เพียงฝ่ายเดียวรู้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบ เจ้าหนี้อื่นก็เป็นการเพียงพอที่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะร้องขอให้ เพิกถอนการโอนได้แล้ว
บุคคลภายนอกแม้จะรับโอนมาโดยสุจริต และมีค่าตอบแทน แต่หากรับโอนไว้ภายหลังที่มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายแล้วย่อมไม่ได้รับ ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 116

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลายเมื่อเจตนาให้เจ้าหนี้รายหนึ่งได้เปรียบ
จำเลยที่ 2 มีหนี้สินจำนวนมาก เฉพาะที่มายื่น คำร้องขอรับชำระหนี้ มี 119 ราย เป็นจำนวนหนี้ถึง 262 ล้านบาท ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 รู้อยู่แล้วว่าตนเอง มีหนี้สินเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่กลับโอนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายหนึ่งเพื่อเป็นการชำระหนี้ภายในเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ ล้มละลาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้โอนทรัพย์สิน โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามนัยของ มาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 แล้ว
การโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ในระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการ ขอให้ล้มละลายตาม มาตรา 115 ถ้าลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้โอน ทรัพย์สิน เพียงฝ่ายเดียวรู้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบ เจ้าหนี้อื่นก็เป็นการเพียงพอที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะร้องขอให้เพิกถอนการโอนได้แล้ว
บุคคลภายนอกแม้จะรับโอนมาโดยสุจริต และมีค่าตอบแทนแต่หากรับโอนไว้ภายหลังที่มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายแล้วย่อมไม่ได้รับ ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 116

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดในสภาวะจิตบกพร่อง ศาลมีอำนาจลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65
จำเลยเคยถูกไม้นั่งร้านล้มทับศีรษะและเคยเป็นลมชักคืนเกิดเหตุจำเลยนอนไม่หลับเนื่องจากได้ยินเสียงแว่วว่าจะมี คนมาทำร้าย จึงลุกมานั่งที่ประตูทางเข้า ถือมีดปลายแหลม ไว้ป้องกันตัว และได้ยินเสียงคล้ายคนมาดึงประตูจะมาทำร้าย จึงลุกขึ้นดึงประตูไว้พร้อมกับเรียกให้คนช่วย เมื่อจำเลยแทง ผู้เสียหายแล้วจำเลยมิได้หลบหนีภริยาจำเลยพาจำเลยไปตรวจ ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ดังนี้แสดงว่าจำเลยกระทำผิด ในขณะที่มีจิตบกพร่อง แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็ปรากฏจากพยานหลักฐานของ โจทก์เอง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะยก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง กำหนดโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมาย กำหนดไว้เพียงใดก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ ควรขอแบ่งส่วนที่ดินที่ตกลงแบ่งแยกแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมิได้
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ร่วมกัน ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึดหาได้ไม่ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรวมใน โฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ชอบที่จะร้องขอ ให้ศาลแบ่งส่วนหรือกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287
หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่ 1 ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้ว จำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนนเจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมมีสิทธิร้องขอแบ่งส่วนทรัพย์สินที่ถูกยึดแทนการขัดทรัพย์
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ร่วมกัน ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึดหาได้ไม่ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรวมใน โฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ชอบที่จะร้องขอ ให้ศาลแบ่งส่วนหรือกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่1ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้วจำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนน เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
of 113