พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3956/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ขนส่งไม้แปรรูปผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
จำเลยมีไม้ยางแปรรูปและไม้แปรรูปชนิดอื่นเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 เจ้าพนักงานจับได้ขณะที่จำเลยกำลังใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกไม้ดังกล่าวอยู่ รถยนต์ของกลางย่อมเป็นยานพาหนะซึ่งได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดตามมาตรา 48 ดังกล่าว จึงเป็นทรัพย์สินที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3956/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ขนส่งไม้ผิดกฎหมาย: พิจารณาจากบทบาท 'อุปกรณ์' ในการกระทำผิด
จำเลยมีไม้ยางแปรรูปและไม้แปรรูปชนิดอื่นเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 เจ้าพนักงานจับได้ขณะที่จำเลยกำลังใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกไม้ดังกล่าวอยู่ รถยนต์ของกลางย่อมเป็นยานพาหนะซึ่งได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดตามมาตรา 48 ดังกล่าว จึงเป็นทรัพย์สินที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3733/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการโต้แย้งผลการเลือกตั้งกำนัน และการพิสูจน์ความชอบด้วยกฎหมายของการเลือกตั้ง
เมื่อผู้ร้องอ้างว่าการเลือกตั้งกำนันเป็นไปโดยมิชอบแล้ว ขอให้มีการเลือกตั้งใหม่จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายแพ่ง ผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะใช้สิทธิในทางศาลขอให้สั่งว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบ และขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 คำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยสมบูรณ์แล้ว ส่วนที่ไม่ได้ระบุว่าเจ้าพนักงานผู้ใดในหน่วยเลือกตั้งที่1 ที่ 2 ช่วยเหลือผู้สมัครหมายเลข 2 และเจ้าพนักงานผู้ใดในหน่วยเลือกตั้งที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ไม่ยินยอมให้ผู้ร้องรับรองให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนที่มีชื่อนามสกุลผิดพลาดลงคะแนนเสียงได้นั้นเป็นรายละเอียดหาจำเป็นต้องกล่าวในคำร้องไม่ คำร้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3665/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบในคดีเช็ค: โจทก์ต้องพิสูจน์ลายมือชื่อและวันเดือนปี
การนำสืบว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะมิให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คและลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้อาศัยพยานเอกสารที่จำเลยโต้แย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดเวลา 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา56เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาว่าแผนที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้ เป็นทำนองว่าการรับฟังพยานเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 219 ว.พ.พ. เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยพยานเอกสารที่จำเลยโต้แย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดเวลา 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยฎีกาว่าแผนที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้ เป็นทำนองว่าการรับฟังพยานเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่าแผนที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้ เป็นทำนองว่าการรับฟังพยานเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3556/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำกัด ห้ามอุทธรณ์ได้
ในการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 รู้เห็นหรือมีส่วนร่วมกับจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนรู้เห็นกับจำเลยที่1 เป็นการอุทธรณ์โต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ เพราะคดีมีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3540/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีพนัน: การแยกกระทงความผิดฐานเล่นการพนันหลายประเภทและการลงโทษตามกรรม
คำฟ้องของโจทก์ในข้อ ก. และ ข. ได้กล่าวบรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้งสามสิบแปดโดยชัดเจนว่า จำเลยทั้งหมดบังอาจร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์ อันเป็นการพนันตามบัญชีก.หมายเลข 23 และร่วมกันเล่นการพนันรูเล็ตอันเป็นการพนันประเภทล้อหมุน ตามบัญชีก. หมายเลข 15 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้รับอนุญาตโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันแต่ละประเภทดังกล่าวเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และจำเลยที่ 1เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันแต่ละประเภทดังกล่าวโดยจำเลยที่ 4 ถึงที่ 38เป็นผู้เข้าเล่น ซึ่งเป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอที่จะให้จำเลยทั้งหมดเข้าใจข้อหาได้ดีแม้จะเป็นการกล่าวถึงการร่วมกันเล่นการพนันสองอย่างคือการพนันไฮโลว์และรูเล็ตในเวลาเดียวกัน ก็ไม่ถือเป็นการขัดแย้งกันเพราะโจทก์อาจนำสืบได้ว่า จำเลยทั้งหมดร่วมกันเล่นการพนันดังที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยทุกคนต่างก็ให้การรับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ที่ว่านี้โดยมิได้หลงข้อต่อสู้ คำฟ้องของโจทก์ในข้อ ก. และ ข. จึงสมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
พระราชบัญญัติการพนันฯ มาตรา 12 ได้แยกความผิดของการพนันประเภทต่างๆ ไว้ตามบัญชีก.และบัญชีข. โดยการพนันแต่ละประเภทดังกล่าวเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกันประกอบกับคำฟ้องของโจทก์ก็ระบุยืนยันว่าจำเลยทั้งสามสิบแปดได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน การที่จำเลยทั้งสามสิบแปดร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์และการพนันรูเล็ตตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกันเมื่อจำเลยทุกคนให้การรับสารภาพ ศาลต้องพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ละคนทุกกรรมตามกระทงความผิด
พระราชบัญญัติการพนันฯ มาตรา 12 ได้แยกความผิดของการพนันประเภทต่างๆ ไว้ตามบัญชีก.และบัญชีข. โดยการพนันแต่ละประเภทดังกล่าวเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกันประกอบกับคำฟ้องของโจทก์ก็ระบุยืนยันว่าจำเลยทั้งสามสิบแปดได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน การที่จำเลยทั้งสามสิบแปดร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์และการพนันรูเล็ตตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกันเมื่อจำเลยทุกคนให้การรับสารภาพ ศาลต้องพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ละคนทุกกรรมตามกระทงความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3540/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกกระทงความผิดฐานเล่นการพนันหลายประเภท (ไฮโลว์, รูเล็ต) แม้เล่นพร้อมกันก็เป็นความผิดต่างกรรม
คำฟ้องของโจทก์ในข้อ ก. และ ข. ได้กล่าวบรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้งสามสิบแปดโดยชัดเจนว่า จำเลยทั้งหมดบังอาจร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์ อันเป็นการพนันตามบัญชีก.หมายเลข 23 และร่วมกันเล่นการพนันรูเล็ตอันเป็นการพนันประเภทล้อหมุน ตามบัญชีก. หมายเลข 15 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้รับอนุญาตโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันแต่ละประเภทดังกล่าวเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และจำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันแต่ละประเภทดังกล่าวโดยจำเลยที่ 4 ถึงที่ 38 เป็นผู้เข้าเล่น ซึ่งเป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอที่จะให้จำเลยทั้งหมดเข้าใจข้อหาได้ดี แม้จะเป็นการกล่าวถึงการร่วมกันเล่นการพนันสองอย่างคือการพนันไฮโลว์และรูเล็ตในเวลาเดียวกัน ก็ไม่ถือเป็นการขัดแย้งกันเพราะโจทก์อาจนำสืบได้ว่า จำเลยทั้งหมดร่วมกันเล่นการพนันดังที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยทุกคนต่างก็ให้การรับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ที่ว่านี้โดยมิได้หลงข้อต่อสู้ คำฟ้องของโจทก์ในข้อ ก. และ ข. จึงสมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
พระราชบัญญัติการพนันฯ มาตรา 12 ได้แยกความผิดของการพนันประเภทต่างๆ ไว้ตามบัญชี ก. และบัญชี ข. โดยการพนันแต่ละประเภทดังกล่าวเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน ประกอบกับคำฟ้องของโจทก์ก็ระบุยืนยันว่าจำเลยทั้งสามสิบแปดได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน การที่จำเลยทั้งสามสิบแปดร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์และการพนันรูเล็ตตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน เมื่อจำเลยทุกคนให้การรับสารภาพ ศาลต้องพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ละคนทุกกรรมตามกระทงความผิด
พระราชบัญญัติการพนันฯ มาตรา 12 ได้แยกความผิดของการพนันประเภทต่างๆ ไว้ตามบัญชี ก. และบัญชี ข. โดยการพนันแต่ละประเภทดังกล่าวเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน ประกอบกับคำฟ้องของโจทก์ก็ระบุยืนยันว่าจำเลยทั้งสามสิบแปดได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน การที่จำเลยทั้งสามสิบแปดร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์และการพนันรูเล็ตตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน เมื่อจำเลยทุกคนให้การรับสารภาพ ศาลต้องพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ละคนทุกกรรมตามกระทงความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต้องเป็นไปตามกำหนดเวลา แม้ไม่ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ได้ก็โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าว ไว้ในกฎหมายล้มละลายเท่านั้น แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดียัง อยู่ในระหว่างการพิจารณาหรือเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ก็ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเว้นแต่เจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกิน2 เดือน ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 27 และ 91 เมื่อเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและมิได้อยู่นอกราชอาณาจักร ได้ ยื่นคำขอรับชำระหนี้รายนี้เกินกำหนดเวลาตามที่กฎหมายระบุ ไว้ถึง 5 เดือนเศษจึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติ แห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ของ ลูกหนี้ที่ 2 ที่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้รายนี้นำยึด ก็ เพราะปรากฏว่าโรงงานแห่งนั้นติดการจำนองโดยลูกหนี้ที่ 2 ได้เอาจำนองไว้แก่ธนาคารมาก่อนที่จะถูกยึด เมื่อ เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดโรงงานที่ว่านี้อย่างปลอดจำนองโดยมิได้แจ้งให้ธนาคารผู้รับจำนองทราบ ย่อมเป็นการไม่ชอบ และศาลชั้นต้นคงสั่งเพิกถอนเฉพาะการ ขายทอดตลาดโรงงานดังกล่าว แต่การยึดยังมีผลอยู่ หาถูกเพิกถอนไปแต่อย่างใดไม่ จึงถือไม่ได้ว่า เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายตามนัยบทบัญญัติมาตรา 115 ที่จะให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ที่ 2 เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์รายวันและใน ราชกิจจานุเบกษาแล้วเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ก็ต้องผูกพัน ที่จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับ แต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าให้เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เกินกำหนดเวลา ดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการขยายกำหนดเวลาตามมาตรา 91 ออกไป อาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่บรรดาเจ้าหนี้อื่น และลูกหนี้ ทั้งไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ทำได้
ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ของ ลูกหนี้ที่ 2 ที่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้รายนี้นำยึด ก็ เพราะปรากฏว่าโรงงานแห่งนั้นติดการจำนองโดยลูกหนี้ที่ 2 ได้เอาจำนองไว้แก่ธนาคารมาก่อนที่จะถูกยึด เมื่อ เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดโรงงานที่ว่านี้อย่างปลอดจำนองโดยมิได้แจ้งให้ธนาคารผู้รับจำนองทราบ ย่อมเป็นการไม่ชอบ และศาลชั้นต้นคงสั่งเพิกถอนเฉพาะการ ขายทอดตลาดโรงงานดังกล่าว แต่การยึดยังมีผลอยู่ หาถูกเพิกถอนไปแต่อย่างใดไม่ จึงถือไม่ได้ว่า เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายตามนัยบทบัญญัติมาตรา 115 ที่จะให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ที่ 2 เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์รายวันและใน ราชกิจจานุเบกษาแล้วเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ก็ต้องผูกพัน ที่จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับ แต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าให้เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เกินกำหนดเวลา ดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการขยายกำหนดเวลาตามมาตรา 91 ออกไป อาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่บรรดาเจ้าหนี้อื่น และลูกหนี้ ทั้งไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ทำได้