คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูเชิด รักตะบุตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาในคดีล้มละลาย หากเกินกำหนดจะไม่มีสิทธิ
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ได้ก็โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าว ไว้ในกฎหมายล้มละลายเท่านั้น แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดียัง อยู่ในระหว่างการพิจารณา หรือเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ก็ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเว้นแต่เจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกิน2 เดือน ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 27 และ 91 เมื่อเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและมิได้อยู่นอกราชอาณาจักร ได้ ยื่นคำขอรับชำระหนี้รายนี้เกินกำหนดเวลาตามที่กฎหมายระบุ ไว้ถึง 5 เดือนเศษ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติ แห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ของ ลูกหนี้ที่ 2 ที่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้รายนี้นำยึด ก็ เพราะปรากฏว่าโรงงานแห่งนั้นติดการจำนองโดยลูกหนี้ที่ 2 ได้เอาจำนองไว้แก่ธนาคารมาก่อนที่จะถูกยึด เมื่อ เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดโรงงานที่ว่านี้อย่าง ปลอดจำนองโดยมิได้แจ้งให้ธนาคารผู้รับจำนองทราบ ย่อม เป็นการไม่ชอบ และศาลชั้นต้นคงสั่งเพิกถอนเฉพาะการ ขายทอดตลาดโรงงานดังกล่าว แต่การยึดยังมีผลอยู่ หาถูกเพิกถอนไปแต่อย่างใดไม่ จึงถือไม่ได้ว่า เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายตามนัยบทบัญญัติมาตรา 115 ที่จะให้สิทธิแก่ เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ที่ 2 เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์รายวันและใน ราชกิจจานุเบกษาแล้ว เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ก็ต้องผูกพัน ที่จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับ แต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าให้เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เกินกำหนดเวลา ดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการขยายกำหนดเวลาตามมาตรา 91 ออกไป อาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่บรรดาเจ้าหนี้อื่น และลูกหนี้ ทั้งไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจติดยาชิงทรัพย์ยิงคนตาย ศาลฎีกายืนประหารชีวิต เหตุรับสารภาพเพราะหลักฐาน ไม่ใช่สำนึกผิด
จำเลยเป็นตำรวจติดเฮโรอีน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ และยิงเข้าไปในร้านค้าทองในเวลากลางวัน ถูกคนในร้านถึงตาย ถูกจับในวันเดียวกัน และค้นได้ของกลางที่บ้านบิดาจำเลย เหตุที่จำเลยยอมรับสารภาพก็เพราะจำนนต่อหลักฐาน หาใช่เพราะสำนึกผิดและเพื่อบรรเทาผลร้ายไม่ จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224-3225/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่เบียดบังเงินค่าธรรมเนียมจากการจดทะเบียนที่ดิน ความผิดมาตรา 147 และการลงโทษกรรมเดียว
จำเลยมีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการรับโอนมรดกและการซื้อขายที่ดิน ตลอดจนมีหน้าที่เก็บเงินค่าธรรมเนียมแล้วรวบรวมส่งมอบให้เจ้าหน้าที่การเงิน การที่จำเลยรับเงินค่าธรรมเนียมไว้แล้วไม่รวบรวมส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่การเงินตามหน้าที่ แต่กลับเบียดบังเอาไว้เป็นของตน จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 กรณีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 นี้ เป็นบทบัญญัติที่เอาผิดแก่เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานที่เบียดบังเอาทรัพย์ที่ตนได้มา หรือถือเอาไว้เพื่อจัดการตามหน้าที่ มิใช่เอาผิดเฉพาะว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการหรือของรัฐเท่านั้น
การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมโดยมีเจตนาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยฐานเบียดบังเงินค่าธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224-3225/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่เบียดบังเงินค่าธรรมเนียมจดทะเบียนที่ดิน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
จำเลยมีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการรับโอนมรดกและการซื้อขายที่ดินตลอดจนมีหน้าที่เก็บเงินค่าธรรมเนียมแล้วรวบรวมส่งมอบให้เจ้าหน้าที่การเงินการที่จำเลยรับเงินค่าธรรมเนียมไว้แล้วไม่รวบรวมส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่การเงินตามหน้าที่ แต่กลับเบียดบังเอาไว้เป็นของตนจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 กรณีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 นี้เป็นบทบัญญัติที่เอาผิดแก่เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานที่เบียดบังเอาทรัพย์ที่ตนได้มา หรือถือเอาไว้เพื่อจัดการตามหน้าที่ มิใช่เอาผิดเฉพาะว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการหรือของรัฐเท่านั้น การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมโดยมีเจตนาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยฐานเบียดบังเงินค่าธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งและเรียกจำเลยร่วมต้องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับคำฟ้องแย้งและคำขอเรียกจำเลยร่วมได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และมีคำสั่งให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของจำเลยที่ 1 ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งต้องกันให้จำเลยที่ 1 ไปฟ้องโจทก์และจำเลยร่วมเป็นคดีใหม่ โดยอาศัยเหตุที่ว่าคำฟ้องแย้งและคำร้องขอให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ย่อมมีผลเป็นการเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับฟ้องแย้งและที่ให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอ้างว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถบรรทุกของโจทก์นำไปให้ อ. ลูกจ้างขับในทางการที่จ้างชนกับรถคันอื่นโดยประมาท เป็นเหตุให้รถของโจทก์พลิกคว่ำไฟไหม้เสียหาย จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งเรียกร้องเงินค่ารถบรรทุกของจำเลยที่ 1ที่ขายให้โจทก์ ค่าตัวถังรถค่าเช่าซื้อรถที่จำเลยที่ 1 ชำระให้แก่โจทก์ไปแล้ว ค่าขายซากรถที่คาดว่าจะขายได้และค่าสินไหมทดแทนซึ่งโจทก์ได้รับจากผู้รับประกันภัย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1ดังกล่าวเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำฟ้องแย้งไว้พิจารณา
เมื่อศาลไม่รับพิจารณาคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีคำฟ้องแย้งที่จะบังคับเอาแก่จำเลยร่วมเหลืออยู่ต่อไปไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1 จะร้องขอให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องแย้งและคำขอเรียกจำเลยร่วมต้องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณาหากไม่มีความเชื่อมโยง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และมีคำสั่งให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของจำเลยที่ 1 ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งต้องกันให้จำเลยที่ 1 ไปฟ้องโจทก์และจำเลยร่วมเป็นคดีใหม่ โดยอาศัยเหตุที่ว่าคำฟ้องแย้งและคำร้องขอให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ย่อมมีผลเป็นการเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับฟ้องแย้งและที่ให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอ้างว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถบรรทุกของโจทก์นำไปให้ อ. ลูกจ้างขับในทางการที่จ้างชนกับรถคันอื่นโดยประมาท เป็นเหตุให้รถของโจทก์พลิกคว่ำไฟไหม้เสียหาย จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งเรียกร้องเงินค่ารถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ที่ขายให้โจทก์ ค่าตัวถังรถค่าเช่าซื้อรถที่จำเลยที่ 1 ชำระให้แก่โจทก์ไปแล้วค่าขายซากรถที่คาดว่าจะขายได้ และค่าสินไหมทดแทนซึ่งโจทก์ได้รับจากผู้รับประกันภัย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1ดังกล่าวเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำฟ้องแย้งไว้พิจารณา
เมื่อศาลไม่รับพิจารณาคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีคำฟ้องแย้งที่จะบังคับเอาแก่จำเลยร่วมเหลืออยู่ต่อไปไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1 จะร้องขอให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2918/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงและการออกเช็คไร้มูลค่า: กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบสินค้าให้แก่จำเลยไป และในวันนั้นเอง จำเลยออกเช็คให้แก่ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่หลอกลวงไปนั้น เห็นได้ว่าการเขียนเช็คมอบให้แก่ผู้เสียหายได้กระทำในเวลาต่อเนื่องใกล้ชิดกับเวลาที่รับสินค้าไปจากผู้เสียหาย โดยมีเจตนาอย่างเดียวคือให้ได้สินค้าตามที่ต้องการจากผู้เสียหาย การออกเช็คเป็นเพียงการกระทำส่วนหนึ่งของการหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าจากผู้เสียหายเท่านั้นการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงและเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แต่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักย้ายทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี ถือเป็นการกระทำโดยตรงต่อเจ้าของทรัพย์สิน ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องอาญา
โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่คันพิพาท ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกรถดังกล่าวคืนจากจำเลยต่อศาลแพ่งพร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งยึดรถนั้นไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลแพ่งได้มีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถแท็กซี่ดังกล่าวไม่ได้ เพราะจำเลย ยักย้ายรถไปไว้ที่อื่น โจทก์ทั้งสองย่อมเสียหายโดยตรง กรณีเช่นนี้จำเลยยักย้ายรถไปไว้ที่อื่นก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึด จึงมิใช่เป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เป็นการกระทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยตรง โจทก์ทั้งสองจึงเป็น ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถ, การยักย้ายทรัพย์สินหลีกเลี่ยงการยึด, โจทก์เป็นผู้เสียหายโดยตรง, อำนาจฟ้องคดีอาญา
โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่คันพิพาท ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกรถดังกล่าวคืนจากจำเลยต่อศาลแพ่ง พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งยึดรถนั้นไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาศาลแพ่งได้มีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถแท็กซี่ดังกล่าวไม่ได้เพราะจำเลย ยักย้ายรถไปไว้ที่อื่น โจทก์ทั้งสองย่อมเสียหายโดยตรงกรณีเช่นนี้จำเลยยักย้ายรถไปไว้ที่อื่นก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึด จึงมิใช่เป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เป็นการกระทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยตรง โจทก์ทั้งสองจึงเป็น ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2825/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบุริมสิทธิของเจ้าหนี้จำนอง: เจ้าหนี้จำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้สามัญจากทรัพย์สินที่จำนอง
โจทก์ในฐานะผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องบังคับจำนองโดยตรงแต่โจทก์ก็ขอให้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองที่ยึดมาโดยปลอดจำนอง อันถือได้ว่าเป็นการขอให้บังคับชำระหนี้จำนองโดยอาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิของเจ้าหนี้จำนอง โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ผู้ร้องทั้งเก้าซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าหนี้บุริมสิทธิชอบที่จะได้รับแต่เงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์ ถ้าหากมี ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสุดท้าย
of 113