คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูเชิด รักตะบุตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3808/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกศาลไม่อาจใช้ขัดขวางการบังคับคดี เจ้าหนี้มีสิทธิยึด/อายัดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้
เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะดำเนินการบังคับคดี โดยวิธียึดหรือ อายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะยกเอาข้อตกลงที่อ้างว่าได้กระทำกันนอกศาล ซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายังปฏิเสธว่ามิได้ตกลงลดหนี้ให้เช่นนั้น มาเป็นเหตุมิให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
ในกรณีการขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนพิจารณาในชั้นบังคับคดี ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่อาจยกเอาข้อตกลงที่อ้างว่าได้กระทำกันนอกศาลดังกล่าว มาอ้างเป็นเหตุมิให้เจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นโดยการร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3808/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: ลูกหนี้ไม่อาจอ้างข้อตกลงนอกศาลขัดขวางการบังคับคดีหรือการขอเฉลี่ยทรัพย์
เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะดำเนินการบังคับคดี โดยวิธียึดหรือ อายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ ลูกหนี้ตามคำพิพากษา จะยกเอาข้อตกลงที่อ้างว่าได้กระทำกันนอกศาล ซึ่งเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษายังปฏิเสธว่ามิได้ตกลงลดหนี้ให้เช่นนั้น มาเป็นเหตุมิให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
ในกรณีการขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนพิจารณาในชั้นบังคับคดี ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่อาจยกเอาข้อตกลงที่อ้างว่าได้กระทำกันนอกศาลดังกล่าว มาอ้างเป็นเหตุมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้น โดยการร้องขอ เฉลี่ยทรัพย์ได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3807/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจากการเลิกสัญญาจ้างเหมา: การยึดทรัพย์ของผู้รับเหมาที่ไม่สมบูรณ์
การร้องขัดทรัพย์เป็นการกล่าวอ้างว่าทรัพย์สินที่ยึดมิใช่ของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง ในคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องก็ได้กล่าวไว้ชัดแล้วว่าบรรดาทรัพย์สินสิ่งก่อสร้างสัมภาระและอุปกรณ์ที่โจทก์นำยึดมิใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลย แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ส่วนข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์เหล่านั้นตกเป็นของผู้ร้องตามสัญญาจ้างทำของเป็นรายละเอียด หาจำต้องกล่าวมาในคำร้องขัดทรัพย์ไม่
ตามสัญญาจ้างเหมาทำการก่อสร้างระหว่างผู้ร้องกับจำเลยระบุให้ผู้ร้องมีสิทธิเลิกสัญญาในกรณีที่มีเหตุให้ผู้ร้องเห็นว่าจำเลยไม่สามารถจะทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาและจำเลยยอมให้สิ่งก่อสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา จนผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญาและแต่งตั้งคณะกรรมการทำการริบสิ่งก่อสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ลงบัญชีเป็นของผู้ร้องไปแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวจึงตกเป็นของผู้ร้องก่อนที่โจทก์จะไปทำการยึดโดยไม่ต้องมีการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3807/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์: กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโอนให้ผู้ร้องตามสัญญาก่อนการยึด
การร้องขัดทรัพย์เป็นการกล่าวอ้างว่าทรัพย์สินที่ยึดมิใช่ของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง ในคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องก็ได้กล่าวไว้ชัดแล้วว่าบรรดาทรัพย์สินสิ่งก่อสร้างสัมภาระและอุปกรณ์ที่โจทก์นำยึดมิใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลย แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ส่วนข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์เหล่านั้นตกเป็นของผู้ร้องตามสัญญาจ้างทำของเป็นรายละเอียด หาจำต้องกล่าวมาในคำร้องขัดทรัพย์ไม่
ตามสัญญาจ้างเหมาทำการก่อสร้างระหว่างผู้ร้องกับจำเลยระบุให้ผู้ร้องมีสิทธิเลิกสัญญาในกรณีที่มีเหตุให้ผู้ร้องเห็นว่าจำเลยไม่สามารถจะทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา และจำเลยยอมให้สิ่งก่อสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา จนผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญาและแต่งตั้งคณะกรรมการทำการริบสิ่งก่อสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ลงบัญชีเป็นของผู้ร้องไปแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวจึงตกเป็นของผู้ร้องก่อนที่โจทก์จะไปทำการยึดโดยไม่ต้องมีการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3725/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายเวลาขายฝากหลังครบกำหนดสัญญาเดิม เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496
สัญญาขายฝากที่ดินมีโฉนดทำเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2520 มีกำหนด 1 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 6 กรกฎาคม 2521 จำเลยผู้ซื้อฝากทำบันทึกไว้เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2521 และทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2521 ซึ่งเป็นวันที่ยังไม่ครบกำหนดเวลาขายฝากทั้งสองฉบับ มีใจความว่า ผู้ซื้อฝากยอมให้ผู้ขายฝากต่อสัญญาขายฝากไปอีก 1 ปี โดยรับชำระเงินไว้ 300,000 บาท เงินที่ค้างอีก 320,000 บาท ผู้ขายฝากต้องเสียดอกเบี้ยฉบับหนึ่ง และอีกฉบับหนึ่งมีใจความว่าผู้ซื้อฝากจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนแก่ผู้ขายฝากในวันที่ 6 กรกฎาคม 2522 ข้อความในเอกสารทั้งสองฉบับแสดงให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่าเป็นเรื่องที่จำเลยยอมขยายกำหนดเวลาขายฝากให้แก่โจทก์อีก 1 ปี จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 บันทึกทั้งสองฉบับดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะไม่มีผลผูกพันจำเลยที่จะต้องขายที่ดินให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินสงเคราะห์วัดหลังมรณภาพ & สิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินปลูกสร้างอาคาร
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ ผ.จดทะเบียนยกให้พระภิกษุฮ. ระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศ เมื่อพระภิกษุ ฮ. ถึงแก่มรณภาพ ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสมบัติของวัดโจทก์ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุ ฮ. ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1623
พระภิกษุ ฮ. ให้จำเลยปลูกห้องแถวอาศัยอยู่ในดินถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินใช้สิทธินั้นปลูกห้องแถวลงไว้ในที่ดินพิพาท ห้องแถวจึงไม่เป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท และยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ เมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาทแล้ว จำเลยไม่ยอมออกไป อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่ จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวเนื่อง ศาลไม่รับฟ้อง
ฟ้องกล่าวอ้างว่า เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์ปลูกเรือนอยู่อาศัย สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จึงบอกเลิกสัญญาเช่า และให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไป แต่จำเลยเพิกเฉยคงอยู่ในที่ดินโดยละเมิด ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์แจ้งว่าจะปรับปรุงการจัดผลประโยชน์ในที่ดินใหม่ เสร็จแล้วจะให้จำเลยเช่าต่อไปเป็นทำนองให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่า ดังนี้ หาใช่เรื่องเกี่ยวกันไม่ เพราะคำมั่นไม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่หมดอายุไปแล้ว หรือมูลละเมิดที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3590/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวบังคับจำนองร่วม การรับรู้ของลูกหนี้ร่วม และขอบเขตความรับผิดจำนอง
โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนองทางหนังสือพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยทุกคนตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในสัญญาจำนองด้วย การจำนองของจำเลยเป็นการจำนองร่วมกัน ดังนั้น แม้จำเลยบางคนอาจไม่ได้รับคำบอกกล่าว แต่เมื่อจำเลยอื่นได้รับทราบคำบอกกล่าวบังคับจำนองจากโจทก์แล้ว ก็มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยทุกคนย่อมต้องทราบเช่นกัน การบอกกล่าวบังคับจำนองจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3590/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวบังคับจำนองร่วมกัน แม้จำเลยบางรายไม่ได้รับแจ้งโดยตรง ก็ถือว่าทราบได้หากจำเลยอื่นทราบ
โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนองทางหนังสือพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียวแต่ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยทุกคนตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในสัญญาจำนองด้วย การจำนองของจำเลยเป็นการจำนองร่วมกัน ดังนั้น แม้จำเลยบางคนอาจไม่ได้รับคำบอกกล่าว แต่เมื่อจำเลยอื่นได้รับทราบคำบอกกล่าวบังคับจำนองจากโจทก์แล้ว ก็มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยทุกคนย่อมต้องทราบเช่นกัน การบอกกล่าวบังคับจำนองจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3550/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาทำสัญญาและการยกเลิกการประกวดข้อเสนอ
ตามประกาศระบุว่าผู้ชนะการประกวดข้อเสนอจะต้องมาทำ สัญญากับจำเลยภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากจำเลยแม้ผู้อำนวยการองค์การจำเลยจะได้ลงชื่อในหนังสือแจ้งให้โจทก์ ทราบว่าโจทก์เป็นผู้ชนะการประกวดขอให้มาทำสัญญา แต่จำเลย ก็ยังมิได้ส่ง หนังสือไปให้โจทก์ทราบ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 130 ถือไม่ได้ว่า จำเลยได้แสดงเจตนายินยอมรับว่าโจทก์เป็น ผู้ชนะประกวดราคาและให้มาทำสัญญากับจำเลยได้ ( เจ้าหน้าที่ของจำเลยส่งร่างสัญญาไปให้โจทก์ตรวจสอบก็ส่งไปในฐานะส่วนตัว มิใช่จำเลยเป็นผู้ส่ง ทั้งหลังจากโจทก์เสนอโครงการต่อจำเลยแล้ว ยังยื่นข้อเสนอเพิ่มอีกหลายข้อ จำเลยมิได้มีหนังสือตอบการที่โจทก์ จำเลยเจรจากันก็มุ่งประสงค์ที่จะทำความตกลงกันโดยละเอียดก่อนแล้วจึงทำสัญญาเป็นหนังสือ เมื่อจำเลยยังไม่แจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์เป็นผู้ชนะการประกวดราคาและยังไม่ได้ทำสัญญาเป็นหนังสือต่อกัน ตามประกาศ กรณีต้องบังคับตาม มาตรา 366 วรรคสอง สัญญาระหว่าง โจทก์จำเลยยังไม่เกิดขึ้น จำเลยมีสิทธิยกเลิกการประกวดข้อเสนอได้ ไม่เป็นการผิดสัญญาหรือละเมิดต่อโจทก์ )
of 113