พบผลลัพธ์ทั้งหมด 949 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา จำเลยรู้เห็นข้อเท็จจริงแต่เบิกความปฏิเสธ เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดต้นจากในที่เกิดเหตุของโจทก์ เมื่อผู้ใหญ่บ้านและโจทก์มาสอบถามจำเลยก็ได้บอกไปตามที่ตนรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดการที่จำเลยมาเบิกความในคดีอาญาข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ว่าในวันเกิดเหตุไม่เห็นใครเป็นคนตัดต้นจาก และเมื่อผู้ใหญ่บ้านมาสอบถาม จำเลยได้บอกไปว่าไม่เห็นนั้น จึงเป็นการเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลและข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องระบุถ้อยคำมาให้ชัดแจ้งว่าข้อที่จำเลยเบิกความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นประจักษ์พยานในคดี หากศาลเชื่อตามคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยอาจทำให้คดีของโจทก์ขาดประจักษ์พยาน โจทก์อาจได้รับความเสียหายซึ่งตามข้อความดังกล่าวย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถือไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันหนี้: แม้ตกลงไม่ขึ้นเงิน ก็ผูกพันตามกฎหมายเช็ค
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า ได้ออกเช็คให้โจทก์ถือไว้เป็นประกันในการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปมิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบพังได้ตามข้อต่อสู้ จำเลยก็หาพ้นความ รับผิดไม่ เพราะการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปและสั่งจ่ายเช็ครายพิพาทให้โจทก์ไว้เป็นประกันดังที่จำเลยต่อสู้นั้น ย่อมเป็นการออกเช็คโดยมีมูลหนี้มาจากการกู้เงินและมีเจตนาที่จะผูกพันบังคับชำระหนี้กันได้ตามกฎหมาย เช็ครายพิพาทเป็นเช็คที่ลงวันที่ อันเป็นการกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่า ให้ผู้ทรงเช็คนำไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินได้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงกับโจทก์ไว้ว่า ไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเช็คนั้น จึงขัดกับข้อความในเช็ค ทั้งจำเลยก็มิได้ต่อสู้หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งได้ออกเช็คไว้เป็นประกันนั้น ได้ระงับไปแล้วทั้งหมดหรือบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914, 989 กรณีหาใช่เป็นเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ คดีไม่มีประเด็นที่คู่ความจะต้องสืบพยานกันอีกต่อไป ศาลชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่เป็นหลักฐานผูกพัน ชำระหนี้ได้ แม้จะอ้างเป็นประกัน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยให้การว่าได้ออกเช็คให้โจทก์ถือไว้เป็นประกันในการที่จำเลยกู้เงินโจทก์มิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ ดังนี้ แม้จำเลยจะนำสืบฟังได้ตามข้อต่อสู้ จำเลยก็หาพ้นความรับผิดไม่ เพราะการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ และสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เป็นประกัน ย่อมเป็นการออกเช็คโดยมีมูลหนี้มาจากการกู้เงินและมีเจตนาที่จะผูกพันบังคับชำระหนี้กันได้ตามกฎหมาย เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ลงวันที่อันเป็นการกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่า ให้ผู้ทรงเช็คนำไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินได้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงกับโจทก์ไว้ว่าไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเงินนั้น จึงขัดกับข้อความในเช็คทั้งจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งได้ออกเช็คไว้เป็นประกันนั้น ได้ระงับไปแล้วทั้งหมดหรือบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904,989 กรณี หาใช่เป็นเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ คดีไม่มีประเด็นที่คู่ความจะต้องสืบพยานกันอีกต่อไป ศาลชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากการส่งมอบสินค้าไม่ตรงตามคุณสมบัติ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 504
จำเลยที่ 1 ส่งมอบฝ้ายปุยที่โจทก์สั่งซื้อต่ำกว่าคุณสมบัติของฝ้ายตามตัวอย่างให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา เป็นการฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกัน เนื่องจากการที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบของไม่ตรงตามตัวอย่าง ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 504 อันมีอายุความ 1 ปี นับแต่เวลาส่งมอบ กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตาม มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดอายุความ 10 ปี โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันส่งมอบฝ้ายปุยไม่ตรงตามตัวอย่าง คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าประกันจากสัญญาซื้อขายฝ้ายปุย: ฟ้องเกิน 1 ปี นับจากวันส่งมอบของไม่ตรงตามตัวอย่าง คดีขาดอายุความ
บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่5มกราคม2524จำเลยที่1ส่งมอบฝ้ายปุยงวดที่3และที่4ต่ำกว่าคุณสมบัติของฝ้ายตามตัวอย่างแต่โจทก์มาฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเมื่อวันที่30กันยายน2525ซึ่งพ้นกำหนด1ปีนับแต่วันส่งมอบฝ้ายปุยไม่ตรงตามตัวอย่างคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.พ.พ.มาตรา504เพราะกรณีนี้ถือว่าเป็นการฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันเนื่องจากจำเลยส่งมอบของไม่ตรงตามตัวอย่างไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามป.พ.พ.มาตรา164ซึ่งมีกำหนดอายุความ10ปี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกร้องค่าประกันเนื่องจากส่งมอบสินค้าไม่ตรงตามตัวอย่าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 504
จำเลยที่1ส่งมอบฝ้ายปุยที่โจทก์สั่งซื้อต่ำกว่าคุณสมบัติของฝ้ายตามตัวอย่างให้โจทก์โจทก์จึงฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเป็นการฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันเนื่องจากการที่จำเลยที่1ส่งมอบของไม่ตรงตามตัวอย่างต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา504อันมีอายุความ1ปีนับแต่เวลาส่งมอบกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามมาตรา164ซึ่งมีกำหนดอายุความ10ปีโจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อพ้นกำหนด1ปีนับแต่วันส่งมอบฝ้ายปุยไม่ตรงตามตัวอย่างคดีโจทก์จึงขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196-1197/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลแขวงยกฟ้องมิได้ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์ เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบ แม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์ เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบ แม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196-1197/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงหลังศาลแขวงยกฟ้อง: ศาลฎีกายกเพราะขัด พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงแม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบแม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิงศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลายมือชื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการพิพากษาคดีสัญญาซื้อขาย การที่โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์การชำระเงินได้ ทำให้แพ้คดี
การที่ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยและพยานที่ลงชื่อไว้ต่อหน้าศาลและที่ลงชื่อไว้ในด้านหน้าของสัญญาจะซื้อขายเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของผู้ที่ลงชื่อไว้ในด้านหลังของสัญญาจะซื้อขายแล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อที่ตรวจทั้งสองแห่งไม่ใช่เป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกันความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญจะมิได้มาเบิกความประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ก็เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา130.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายเป็นหลักฐานสำคัญในการตัดสินคดีสัญญา
การที่ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยและพยานที่ลงชื่อไว้ต่อหน้าศาลและที่ลงชื่อไว้ในด้านหน้าของสัญญาจะซื้อขายเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของผู้ที่ลงชื่อไว้ในด้านหลังของสัญญาจะซื้อขายแล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อที่ตรวจทั้งสองแห่งไม่ใช่เป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกันความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญจะมิได้มาเบิกความประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ก็เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ตามป.วิ.พ.มาตรา130.