พบผลลัพธ์ทั้งหมด 949 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีผิดสัญญาประกันตัว พนักงานสอบสวนมีอำนาจฟ้องได้ กรมตำรวจไม่ใช่คู่สัญญา
จำเลยทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 112 เมื่อจำเลยผิดสัญญา พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาได้ กรมตำรวจไม่ใช่พนักงานสอบสวนและมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยจะฟ้องเองหรือมอบอำนาจให้ฟ้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของหนังสือพิมพ์ไม่ต้องรับผิดทางอาญา หากไม่ได้กระทำการเผยแพร่ข้อความด้วยตนเอง
จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ลงตีพิมพ์ข้อความในหนังสือพิมพ์เพื่อจำหน่ายตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำของจำเลยที่ 2 ผู้เดียว การที่จะให้ จำเลยที่ 1 รับผิดในทางอาญาจะต้องได้ความว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำการอันใดอันหนึ่งซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดเพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์โดยมิได้กระทำการอันใด จะให้ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349-1351/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตถอนเงินประกันค่าเสียหายเพื่อใช้ค่าธรรมเนียมศาล เป็นคำสั่งในชั้นบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
เมื่อโจทก์ฟ้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้อง และโจทก์ได้วางเงินประกันค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่วางประกันค่าเสียหายมาชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา โดยสั่งไว้ด้วยอีกว่าให้เบิกมาปิดฤชากรในคำฟ้องฎีกาได้เมื่อคำสั่งนี้ถึงที่สุดแล้ว และจะสั่งฎีกาของโจทก์ต่อไป เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งรับฎีกาของโจทก์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นกระทำไปในชั้นดำเนินการแทนศาลฎีกาถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งของศาลฎีกา แต่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นเองโดยตรง คำสั่งดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุด คู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 โจทก์ขอรับเงินที่วางประกันค่าเสียหายคืน จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินเพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เงินส่วนที่เหลือนี้เป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้เพื่อบังคับคดีแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินจำนวนนี้ไปเพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 226
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 โจทก์ขอรับเงินที่วางประกันค่าเสียหายคืน จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินเพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เงินส่วนที่เหลือนี้เป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้เพื่อบังคับคดีแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินจำนวนนี้ไปเพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349-1351/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตถอนเงินประกันค่าเสียหายในชั้นบังคับคดีเป็นคำสั่งที่อุทธรณ์ฎีกาได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา
เมื่อโจทก์ฟ้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้อง และโจทก์ได้วางเงินประกันค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินดังกล่าวมาชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา โดยสั่งด้วยว่าให้เบิกมาปิดฤชากรในคำฟ้องฎีกาได้เมื่อคำสั่งนี้ถึงที่สุดแล้ว และจะสั่งฎีกาของโจทก์ต่อไป เห็นได้ว่ายังมิได้สั่งรับฎีกา จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นกระทำไปในชั้นดำเนินการแทนศาลฎีกาแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งของศาลฎีกา แต่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นเองโดยตรง คำสั่งดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุด คู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวโจทก์ขอรับเงินประกันค่าเสียหายที่วางศาล จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้ แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินได้เพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้เพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวโจทก์ขอรับเงินประกันค่าเสียหายที่วางศาล จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้ แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินได้เพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้เพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302-1303/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโจทก์ในการบอกเลิกสัญญาเช่าแผงค้าและการฟ้องขับไล่ แม้จำเลยอ้างความสำคัญผิดหรือถูกข่มขู่
จำเลยเช่าแผงการค้าพิพาทจากโจทก์โดยไม่มีกำหนดเวลา แม้จำเลยจะมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์ก็ดี จำเลยลงชื่อยินยอมออกจากแผงพิพาทโดยความสำคัญผิดก็ดี ก็ไม่เป็นเหตุที่จะตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยโจทก์ มีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมายที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากแผงพิพาทที่เช่า โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302-1303/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของแผงในการบอกเลิกสัญญาเช่าและการฟ้องขับไล่เมื่อผู้เช่าไม่ปฏิบัติตาม
จำเลยเช่าแผงการค้าพิพาทจากโจทก์โดยไม่มีกำหนดเวลา แม้จำเลยจะมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์ก็ดี จำเลยลงชื่อยินยอมออกจากแผงพิพาทโดยความสำคัญผิดก็ดี ก็ไม่เป็นเหตุที่จะตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลย โจทก์มีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมายที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากแผงพิพาทที่เช่า โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินภายในกำหนด 1 ปี แม้มีการแยกฟ้องคดี
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยนี้รวมกับจำเลยอื่นๆ ต่อศาลภายในกำหนด 1 ปีนับแต่เวลาที่อ้างว่าถูกจำเลยแย่งการครอบครองที่ดิน แต่ศาลมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยนี้ต่างหากกับจำเลยคนอื่นๆ คำสั่งดังกล่าวย่อมไม่ลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องนั้น. และถือไม่ได้ว่าศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์ การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้จึงเป็นกรณีสืบเนื่องมาจากฟ้องเดิมซึ่งโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในกำหนด 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครองแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินภายในกำหนด 1 ปี แม้ศาลสั่งแยกฟ้องคดี
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยนี้รวมกับจำเลยอื่น ๆ ต่อศาลภายในกำหนด 1 ปี นับแต่เวลาที่อ้างว่าถูกจำเลยแย่งการครอบครองที่ดิน แต่ศาลมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยนี้ต่างหากกับจำเลยคนอื่น ๆ คำสั่งดังกล่าวย่อมไม่ลบอ้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องนั้น. และถือไม่ได้ว่าศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์ การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้จึงเป็นกรณีสืบเนื่องมาจากฟ้องเดิมซึ่งโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในกำหนด 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครองแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหารภายใต้คำสั่ง คปท.
จำเลยที่ 2 ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลทหาร ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2519 ข้อ 1 จำเลยที่ 2 จึงอุทธรณ์มิได้ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งศาลอุทธรณ์เป็นศาลยุติธรรมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 2 ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร จำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลทหารต่อศาลอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้เจตนาฆ่า ศาลลดโทษจากความผิดร้ายแรงลงเหลือเพียงทำร้ายร่างกายไม่ถึงแก่ชีวิต
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 80, 83 เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ศาลก็ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ได้