พบผลลัพธ์ทั้งหมด 324 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถมที่ดินเพื่อจัดสรรและการระบายน้ำ การกระทำไม่ถือเป็นการละเมิดหากเกิดจากเหตุสุดวิสัย
โจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 มีที่ดินอยู่ใกล้เคียงกันโดยมีลำเหมืองสาธารณะคั่นกลาง การที่จำเลยที่ 2 ถมที่ดินของตนซึ่งเดิมมีระดับต่ำกว่าที่ดินของโจทก์ที่ 2ให้มีระดับใกล้เคียงกันย่อมเป็นสิทธิโดยชอบที่จะกระทำ ได้ แม้จำเลยที่ 2 จะถมลำเหมืองสาธารณะเป็นบางส่วนด้วย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการที่เกิดน้ำท่วมที่ดินของโจทก์ที่ 2 ซึ่งโจทก์ ที่ 1 เป็นผู้ทำประโยชน์เป็นผลโดยตรงจากการที่ฝนตกหนัก3วันติดต่อกัน การกระทำดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถมที่ดินเพื่อจัดสรรและการระบายน้ำ การกระทำไม่ถือเป็นการละเมิดหากน้ำท่วมเกิดจากปัจจัยภายนอก
โจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 มีที่ดินอยู่ใกล้เคียงกันโดยมีลำเหมืองสาธารณะคั่นกลาง การที่จำเลยที่ 2 ถมที่ดินของตนซึ่งเดิมมีระดับต่ำกว่าที่ดินของโจทก์ที่ 2 ให้มีระดับใกล้เคียงกันย่อมเป็นสิทธิโดยชอบที่จะกระทำได้ แม้จำเลยที่ 2 จะถมลำเหมืองสาธารณะเป็นบางส่วนด้วย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการที่เกิดน้ำท่วมที่ดินของโจทก์ที่ 2 ซึ่งโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ทำประโยชน์เป็นผลโดยตรงจากการที่ฝนตกหนัก 3 วันติดต่อกัน การกระทำดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของนิติบุคคลในการเช่าทรัพย์สินเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ และอำนาจฟ้องคดีสัญญาเช่า
กรมชลประทานซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของครอบครองและดูแลรักษาทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ของกรมชลประทานได้ การที่กรมชลประทานเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าในเวลาที่กรมชลประทานยังไม่จำเป็นต้องใช้ ย่อมเป็นการกระทำในการดูแลทรัพย์สินของทางราชการเอาไว้ไม่ให้ผู้อื่นแย่งการครอบครองเอาไปโดยมิชอบ โดยไม่ปรากฏว่าผิดต่อวัตถุประสงค์ของกรมชลประทาน เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญากับกรมชลประทานและเป็นผู้ปฏิบัติผิดสัญญาเช่านั้น กรมชลประทานย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรมชลประทานมีอำนาจให้เช่าที่ดินเพื่อรักษาทรัพย์สิน ไม่ผิดวัตถุประสงค์ แม้ยังมิได้ใช้ประโยชน์
กรมชลประทานซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของครอบครองและดูแลรักษาทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้ตาม วัตถุประสงค์ของกรมชลประทานได้ การที่กรมชลประทานเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าในเวลาที่กรมชลประทานยังไม่จำเป็นต้องใช้ ย่อมเป็นการกระทำในการดูแลทรัพย์สินของทางราชการเอาไว้ไม่ให้ผู้อื่นแย่งการครอบครองเอาไปโดยมิชอบโดยไม่ปรากฏว่าผิดต่อวัตถุประสงค์ของกรมชลประทาน เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญากับกรมชลประทานและเป็นผู้ปฏิบัติผิดสัญญาเช่านั้น กรมชลประทานย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกตั้งสมาคม: สถานที่จัดและผู้มีอำนาจออกหนังสือแจ้งการประชุม
การที่จำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้น ในที่ทำการของสมาคมเป็นเพราะมีเหตุจำเป็นเนื่องจากคณะกรรมการสมาคมชุดอื่นเป็นฝ่ายครอบครองอาคารที่ทำการ ของสมาคมอยู่ หากเข้าไปจัดในสถานที่นั้นอาจมีเรื่องวิวาทบาดหมางเกิดขึ้นได้ ห้องประชุมของสมาคมก็เล็กไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นที่ประชุมใหญ่ซึ่งมีจำนวนสมาชิกมาก ทั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติก็แจ้งว่า สถานที่ใด ซึ่งสมาคมเช่าไว้ก็ใช้เป็นสถานที่สำหรับทำการเลือกตั้งได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ตั้งของสมาคมเสมอไปเห็นได้ว่าข้อบังคับของสมาคมในข้อนี้ไม่ใช่เป็นข้อบังคับอันเด็ดขาด หากมีความจำเป็นหรือเพื่อความเหมาะสมก็อาจใช้สถานที่อื่นเป็นที่ทำการเลือกตั้งได้ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์และสมาชิกอื่นได้รับความเสียหาย จึงยังถือไม่ได้ว่าการเลือกตั้งไม่ชอบเพราะเหตุที่ไม่ได้จัดให้มีขึ้นในที่ทำการของสมาคม
ตามระเบียบของสมาคมระบุให้การออกหนังสือแจ้งวันนัดประชุมใหญ่แก่สมาชิกเป็นหน้าที่ของกรรมการและเลขานุการแต่เลขานุการติดธุระ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอุปนายกของสมาคมจึงทำการแทน และจำเลยที่ 1 ลงนามในหนังสือดังกล่าวในฐานะรักษาการแทนเลขานุการสมาคม จึงถือได้ว่าการออกหนังสือดังกล่าวเป็นการออกโดยเลขานุการของสมาคมตามข้อบังคับของสมาคมการเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของสมาคมแล้ว
ตามระเบียบของสมาคมระบุให้การออกหนังสือแจ้งวันนัดประชุมใหญ่แก่สมาชิกเป็นหน้าที่ของกรรมการและเลขานุการแต่เลขานุการติดธุระ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอุปนายกของสมาคมจึงทำการแทน และจำเลยที่ 1 ลงนามในหนังสือดังกล่าวในฐานะรักษาการแทนเลขานุการสมาคม จึงถือได้ว่าการออกหนังสือดังกล่าวเป็นการออกโดยเลขานุการของสมาคมตามข้อบังคับของสมาคมการเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของสมาคมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกตั้งสมาคม: การเลือกสถานที่และผู้มีอำนาจออกหนังสือแจ้งการประชุม
การที่จำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นในที่ทำการของสมาคมเป็นเพราะมีเหตุจำเป็นเนื่องจากคณะกรรมการสมาคมชุดอื่นเป็นฝ่ายครอบครองอาคารที่ทำการของสมาคมอยู่ หากเข้าไปจัดในสถานที่นั้นอาจมีเรื่องวิวาทบาดหมางเกิดขึ้นได้ ห้องประชุมของสมาคมก็เล็กไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นที่ประชุมใหญ่ซึ่งมีจำนวนสมาชิกมาก ทั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติก็แจ้งว่า สถานที่ใดซึ่งสมาคมเช่าไว้ก็ใช้เป็นสถานที่สำหรับทำการเลือกตั้งได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ตั้งของสมาคมเสมอไปเห็นได้ว่าข้อบังคับของสมาคมในข้อนี้ไม่ใช่เป็นข้อบังคับอันเด็ดขาด หากมีความจำเป็นหรือเพื่อความเหมาะสมก็อาจใช้สถานที่อื่นเป็นที่ทำการเลือกตั้งได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์และสมาชิกอื่นได้รับความเสียหาย จึงยังถือไม่ได้ว่าการเลือกตั้งไม่ชอบเพราะเหตุที่ไม่ได้จัดให้มีขึ้นในที่ทำการของสมาคม
ตามระเบียบของสมาคมระบุให้การออกหนังสือแจ้งวันนัดประชุมใหญ่แก่สมาชิกเป็นหน้าที่ของกรรมการและเลขานุการ แต่เลขานุการติดธุระ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอุปนายกของสมาคมจึงทำการแทน และจำเลยที่ 1 ลงนามในหนังสือดังกล่าวในฐานะรักษาการแทนเลขานุการสมาคม จึงถือได้ว่าการออกหนังสือดังกล่าวเป็นการออกโดยเลขานุการของสมาคมตามข้อบังคับของสมาคม การเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของสมาคมแล้ว
ตามระเบียบของสมาคมระบุให้การออกหนังสือแจ้งวันนัดประชุมใหญ่แก่สมาชิกเป็นหน้าที่ของกรรมการและเลขานุการ แต่เลขานุการติดธุระ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอุปนายกของสมาคมจึงทำการแทน และจำเลยที่ 1 ลงนามในหนังสือดังกล่าวในฐานะรักษาการแทนเลขานุการสมาคม จึงถือได้ว่าการออกหนังสือดังกล่าวเป็นการออกโดยเลขานุการของสมาคมตามข้อบังคับของสมาคม การเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของสมาคมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจของผู้ซื้อจากการขายทอดตลาด: สิทธิในการขอเพิกถอนคำสั่งห้ามทำนิติกรรมในคดีที่มิได้เป็นคู่ความ
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเป็นผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีหมายเลขแดงที่ 15111/2522 การที่เจ้าพนักงานที่ดินจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันไปในคดีที่ผู้ร้องซื้อทรัพย์มาจากการขายทอดตลาด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามทำนิติกรรมชั่วคราวเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวในคดีนี้ ซึ่งผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายทอดตลาด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ยกเลิกคำสั่งอายัดในคดีที่ไม่เกี่ยวข้อง
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเป็นผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีหมายเลขแดงที่15111/2522 การที่เจ้าพนักงานที่ดินจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันไปในคดีที่ผู้ร้องซื้อทรัพย์มาจากการขายทอดตลาด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามทำนิติกรรมชั่วคราวเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวในคดีนี้ ซึ่งผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีละเมิดเดิมถึงที่สุดแล้ว แม้ศาลฎีกาแก้ให้จำเลยอีกคนมีส่วนรับผิด ก็ฟ้องซ้ำไม่ได้
เดิมโจทก์ฟ้องบริษัท ต. เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 2 เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดโดยอ้างเหตุว่าลูกจ้างของจำเลยทั้งสองต่างขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้สามีของโจทก์ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 2 แต่ประการใด ส่วนจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ฎีกาต่อมาศาลฎีกาวินิจฉัยว่าลูกจ้างของจำเลยทั้งสองต่างประมาทด้วยกัน ให้จำเลยที่1 รับผิดเพียงครึ่งหนึ่งของค่าเสียหายทั้งหมด โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีนี้อีกเพื่อให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายอีกครึ่งหนึ่ง ดังนี้ เมื่อโจทก์จำเลยในคดีนี้กับโจทก์และจำเลยที่ 2 ในคดีเดิมเป็นคู่ความเดียวกัน ประเด็นที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้กับประเด็นในคดีเดิมก็มาจากมูลกรณีละเมิดอันเดียวกัน ทั้งคดีเดิมศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีละเมิดเดิมถึงที่สุดแล้ว การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกครั้งถือเป็นฟ้องซ้ำ
เดิมโจทก์ฟ้องบริษัท ต. เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 2 เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดโดยอ้างเหตุว่าลูกจ้างของจำเลยทั้งสองต่างขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้สามีของโจทก์ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 2 แต่ประการใด ส่วนจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ฎีกาต่อมาศาลฎีกาวินิจฉัยว่าลูกจ้างของจำเลยทั้งสองต่างประมาทด้วยกัน ให้จำเลยที่ 1 รับผิดเพียงครึ่งหนึ่งของค่าเสียหายทั้งหมด โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีนี้อีกเพื่อให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายอีกครึ่งหนึ่ง ดังนี้ เมื่อโจทก์จำเลยในคดีนี้กับโจทก์และจำเลยที่ 2 ในคดีเดิมเป็นคู่ความเดียวกัน ประเด็นที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้กับประเด็นในคดีเดิมก็มาจากมูลกรณีละเมิดอันเดียวกัน ทั้งคดีเดิมศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ