พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1523-1524/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คโดยถูกบีบบังคับและทราบถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกเช็ค ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์โดยโจทก์ทราบดีแล้วว่า ขณะที่ออกเช็คนั้นจำเลยไม่มีทางที่จะชำระเงินตามเช็คได้ และจำเลยอยู่ในภาวะที่ถูกบีบบังคับให้ต้องออกเช็คการออกเช็คของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นมิใช่ส่วนราชการ ทำให้จำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานไม่เป็นเจ้าพนักงาน จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
การแบ่งส่วนราชการภายในกรมนั้นต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เมื่อไม่เคยมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการของกรมการปกครองให้โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนราชการของกรมการปกครอง คงมีแต่คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมอบอาคารโรงพิมพ์และอุปกรณ์ทั้งสิ้นแก่กรมการปกครอง โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงหาเป็นส่วนราชการของกรมการปกครองไม่
ส่วนที่พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณฯ บัญญัติความหมายของส่วนราชการให้รวมถึงสำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐด้วยนั้นก็เพื่อประโยชน์ในการที่สำนักงบประมาณจะจัดทำและควบคุมงบประมาณแผ่นดินของส่วนราชการ แต่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เคยเสนอประมาณการรายรับรายจ่ายต่อสำนักงบประมาณ ทั้งไม่เคยมีการตั้งงบประมาณแผ่นดินไว้ดำเนินกิจการของโรงพิมพ์โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองตามความหมายของพระราชบัญญัติดังกล่าว
เมื่อความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยนั้นในเบื้องต้นผู้กระทำความผิดจะต้องเป็นเจ้าพนักงานเสียก่อนและเมื่อได้ความว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองแล้ว จำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของโรงพิมพ์โดยตำแหน่งตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงไม่เป็นเจ้าพนักงาน ไม่อาจกระทำผิดตามฟ้องโจทก์ได้
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ปัญหาว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นทรัพย์สินของกรมการปกครองหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย และที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในประเด็นอื่นที่ศาลอุทธรณ์มิได้นำมาเป็นเหตุยกฟ้องก็ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณฯ บัญญัติความหมายของส่วนราชการให้รวมถึงสำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐด้วยนั้นก็เพื่อประโยชน์ในการที่สำนักงบประมาณจะจัดทำและควบคุมงบประมาณแผ่นดินของส่วนราชการ แต่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เคยเสนอประมาณการรายรับรายจ่ายต่อสำนักงบประมาณ ทั้งไม่เคยมีการตั้งงบประมาณแผ่นดินไว้ดำเนินกิจการของโรงพิมพ์โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองตามความหมายของพระราชบัญญัติดังกล่าว
เมื่อความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยนั้นในเบื้องต้นผู้กระทำความผิดจะต้องเป็นเจ้าพนักงานเสียก่อนและเมื่อได้ความว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองแล้ว จำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของโรงพิมพ์โดยตำแหน่งตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงไม่เป็นเจ้าพนักงาน ไม่อาจกระทำผิดตามฟ้องโจทก์ได้
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ปัญหาว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นทรัพย์สินของกรมการปกครองหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย และที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในประเด็นอื่นที่ศาลอุทธรณ์มิได้นำมาเป็นเหตุยกฟ้องก็ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นมิใช่ส่วนราชการ การกระทำของจำเลยจึงไม่เข้าข่ายความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน
การแบ่งส่วนราชการภายในกรมนั้นต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อไม่เคยมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการของกรมการปกครองให้โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนราชการของกรมการปกครอง คงมีแต่คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมอบอาคารโรงพิมพ์และอุปกรณ์ทั้งสิ้นแก่กรมการปกครอง โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงหาเป็นส่วนราชการของกรมการปกครองไม่
ส่วนที่พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณฯ บัญญัติความหมายของส่วนราชการให้รวมถึงสำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐด้วยนั้น ก็เพื่อประโยชน์ในการที่สำนักงบประมาณจะจัดทำและควบคุมงบประมาณแผ่นดินของส่วนราชการ แต่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เคยเสนอประมาณการรายรับรายจ่ายต่อสำนักงบประมาณ ทั้งไม่เคยมีการตั้งงบประมาณแผ่นดินไว้ดำเนินกิจการของโรงพิมพ์โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองตามความหมายของพระราชบัญญัติดังกล่าว
เมื่อความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยนั้นในเบื้องต้นผู้กระทำความผิดจะต้องเป็นเจ้าพนักงานเสียก่อนและเมื่อได้ความว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองแล้ว จำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของโรงพิมพ์โดยตำแหน่งตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงไม่เป็นเจ้าพนักงาน ไม่อาจกระทำผิดตามฟ้องโจทก์ได้
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ปัญหาว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นทรัพย์สินของกรมการปกครองหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย และที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในประเด็นอื่นที่ศาลอุทธรณ์มิได้นำมาเป็นเหตุยกฟ้องก็ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณฯ บัญญัติความหมายของส่วนราชการให้รวมถึงสำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐด้วยนั้น ก็เพื่อประโยชน์ในการที่สำนักงบประมาณจะจัดทำและควบคุมงบประมาณแผ่นดินของส่วนราชการ แต่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เคยเสนอประมาณการรายรับรายจ่ายต่อสำนักงบประมาณ ทั้งไม่เคยมีการตั้งงบประมาณแผ่นดินไว้ดำเนินกิจการของโรงพิมพ์โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นจึงไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองตามความหมายของพระราชบัญญัติดังกล่าว
เมื่อความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยนั้นในเบื้องต้นผู้กระทำความผิดจะต้องเป็นเจ้าพนักงานเสียก่อนและเมื่อได้ความว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นไม่เป็นส่วนราชการของกรมการปกครองแล้ว จำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของโรงพิมพ์โดยตำแหน่งตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงไม่เป็นเจ้าพนักงาน ไม่อาจกระทำผิดตามฟ้องโจทก์ได้
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ปัญหาว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นทรัพย์สินของกรมการปกครองหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย และที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในประเด็นอื่นที่ศาลอุทธรณ์มิได้นำมาเป็นเหตุยกฟ้องก็ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีครอบครองลูกระเบิดขว้างของทหารพราน: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้มอบให้จำเลย
โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าทางราชการทหารไม่ได้มอบลูกระเบิดขว้างแบบเอ็ม 67 ของกลางให้จำเลยทหารพรานโจทก์จะอาศัยเหตุที่ว่าลูกระเบิดขว้างที่ทางราชการมอบให้เป็นแบบเอ็ม 26 มาเป็นข้อสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 5 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: สิทธิครอบครองของเอกชนไม่มีผลยันรัฐ
ที่ดินที่ทางราชการสงวนไว้เพื่อสร้างโรงเรียนระดับประถมศึกษาโดยครูใหญ่เป็นผู้จับจองไว้ และต่อมาได้แจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1 ในนามของศึกษาธิการอำเภอ ขณะนั้นโรงเรียนระดับประถมศึกษาสังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาได้โอนมาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์จำเลยร่วม จำเลยร่วมได้สร้างโรงเรียนในที่ดินดังกล่าวด้านทิศตะวันตก ส่วนทางด้านทิศตะวันออกอันเป็นที่ดินพิพาทเคยให้โจทก์เช่า ดังนี้ ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่ทางราชการคือจำเลยร่วมสงวนไว้สำหรับสร้างโรงเรียน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(3) (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2798-2799/2523)
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองมาและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วก็ไม่ได้สิทธิครอบครองและใช้ยันจำเลยร่วมไม่ได้
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองมาและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วก็ไม่ได้สิทธิครอบครองและใช้ยันจำเลยร่วมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ถูกสงวนไว้เพื่อสร้างโรงเรียน แม้โจทก์ครอบครองและมี น.ส.3ก. ก็ใช้สิทธิยันจำเลยร่วมไม่ได้
ที่ดินที่ทางราชการสงวนไว้เพื่อสร้างโรงเรียนระดับประถมศึกษาโดยครูใหญ่เป็นผู้จับจองไว้ และต่อมาได้แจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1ในนามของศึกษาธิการอำเภอ ขณะนั้นโรงเรียนระดับประถมศึกษาสังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาได้โอนมาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์จำเลยร่วม จำเลยร่วมได้สร้างโรงเรียนในที่ดินดังกล่าวด้านทิศตะวันตก ส่วนทางด้านทิศตะวันออกอันเป็นที่ดินพิพาทเคยให้โจทก์เช่า ดังนี้ ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่ทางราชการคือจำเลยร่วมสงวนไว้สำหรับสร้างโรงเรียน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304 (3) (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2798-2799/2523)
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองมาและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วก็ไม่ได้สิทธิครอบครองและใช้ยันจำเลยร่วมไม่ได้
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองมาและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วก็ไม่ได้สิทธิครอบครองและใช้ยันจำเลยร่วมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการกระทำผิด แต่ไม่ได้ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง
จำเลยขี่รถจักรยานยนต์พา ข. นั่งซ้อนท้ายไปยิงผู้เสียหายโดย ข. เป็นผู้ยิง แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย ดังนี้รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ของที่ใช้ร่วมในการกระทำผิดแต่เป็นเพียงพาหนะที่ใช้ในการไปมาเท่านั้น จึงไม่ใช่ของกลาง ที่จะพึงริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการกระทำผิด ไม่ถือเป็นของกลางที่ต้องริบ
จำเลยขี่รถจักรยานยนต์พา ข. นั่งซ้อนท้ายไปยิงผู้เสียหายโดย ข. เป็นผู้ยิง แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย ดังนี้รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ของที่ใช้ร่วมในการกระทำผิดแต่เป็นเพียงพาหนะที่ใช้ในการไปมาเท่านั้น จึงไม่ใช่ของกลางที่จะพึงริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลทันที ทำให้คำสั่งนั้นมีผลบังคับใช้ และจำเลยไม่สามารถสืบพยานได้
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีพยานของจำเลยก็ดี หรือสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ได้รับบัญชีพยานของจำเลยไว้แล้วก็ดี จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวนั้นเลยเพิ่งมาโต้แย้งเมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยดังนี้เป็นการโต้แย้งคำสั่งงดสืบพยานเพื่อผลในการอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226. คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับบัญชีพยานและที่สั่งเพิกถอนคำสั่งรับบัญชีพยานของจำเลยจึงยังคงมีอยู่ ซึ่งมีผลเท่ากับว่าจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานเลย กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลทันที ทำให้คำสั่งนั้นมีผลบังคับใช้ และจำเลยไม่อาจสืบพยานได้
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีพยานของจำเลยก็ดี หรือสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ได้รับบัญชีพยานของจำเลยไว้แล้วก็ดี จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวนั้นเลย เพิ่งมาโต้แย้งเมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย ดังนี้เป็นการโต้แย้งคำสั่งงดสืบพยานเพื่อผลในการอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับบัญชีพยานและที่สั่งเพิกถอนคำสั่งรับบัญชีพยานของจำเลยจึงยังคงมีอยู่ ซึ่งมีผลเท่ากับว่าจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานเลย กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบได้