คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นิยม ติวุตานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีพรรคการเมืองต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติเท่านั้น
พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 ได้กำหนดวิธีการไว้เป็นพิเศษในกรณีที่จะมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาล โดยให้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อทำความเห็นไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด และได้กำหนดไว้ด้วยว่ากรณีใดที่จะขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดได้ สิทธิในการที่จะยื่นคำร้องดังกล่าวจึงมีอยู่เฉพาะตามที่พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 กำหนดไว้เท่านั้น เมื่อสิทธิของผู้ร้องในการขอเปลี่ยนภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองหลังจากนายทะเบียนสั่งรับแจ้งหนังสือเชิญชวนแล้ว ไม่มีบทมาตราใดกำหนดให้นำคดีขึ้นสู่ศาลได้ผู้ร้องก็ไม่มีอำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยกรณีพรรคการเมืองจำกัดเฉพาะที่กฎหมายบัญญัติไว้ การขอเปลี่ยนภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองหลังรับแจ้งเชิญชวนไม่อยู่ในข่าย
พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 ได้กำหนดวิธีการไว้เป็นพิเศษในกรณีที่จะมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาล โดยให้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อทำความเห็นไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด และได้กำหนดไว้ด้วยว่ากรณีใดที่จะขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดได้ สิทธิในการที่จะยื่นคำร้องดังกล่าวจึงมีอยู่เฉพาะตามที่พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 กำหนดไว้เท่านั้น เมื่อสิทธิของผู้ร้องในการขอเปลี่ยนภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองหลังจากนายทะเบียนสั่งรับแจ้งหนังสือเชิญชวนแล้วไม่มีบทมาตราใดกำหนดให้นำคดีขึ้นสู่ศาลได้ผู้ร้องก็ไม่มีอำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การรับโอนเช็คโดยชอบ และอำนาจศาลในการงดสืบพยานที่ประวิงคดี
ร.และจำเลยที่ 2 นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยทั้งสองเป็นผู้สั่งจ่ายไปแลกเงินสดจากโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทมาในฐานะผู้รับเงินตามเช็ค จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904
จำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อในเช็ค ซึ่งเป็นตั๋วเงินประเภทหนึ่ง ย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น ตามมาตรา 900
ศาลต้องเลื่อนคดีเพราะพยานจำเลยปากหนึ่งไม่มาศาลถึง 6ครั้ง เนื่องจากพยานไม่เต็มใจมาเบิกความโดยพยานหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับหมาย พยานเคยมีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่า พยานไม่เคยเกี่ยวข้องกับจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะอ้างเป็นพยานในประเด็นข้อใด แสดงว่าพยานปากนี้อาจจะมิใช่ผู้ที่รู้ข้อเท็จจริงในคดีก็ได้ ทั้งไม่ปรากฏจากคำแถลงหรือข้อนำสืบของจำเลยว่าพยานดังกล่าวเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีที่จะนำสืบอย่างไรฉะนั้นการที่จะให้ได้ตัวพยานปากนี้มาเบิกความนอกจากจะทำให้คดีต้องล่าช้าแล้ว คำเบิกความของพยานน่าจะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีจำเลยแต่อย่างใด พยานดังกล่าวจึงเป็นพยานที่ประวิงให้ชักช้าแม้การที่ไม่ได้ตัวพยานมาเบิกความจะมิใช่ความผิดของจำเลย ศาลก็มีอำนาจที่จะงดสืบพยานเช่นว่านั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนเช็คโดยชอบ ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามตั๋วเงิน และอำนาจศาลในการงดสืบพยานที่ไม่เป็นประโยชน์
ร. และจำเลยที่ 2 นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยทั้งสองเป็นผู้สั่งจ่ายไปแลกเงินสดจากโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทมาในฐานะผู้รับเงินตามเช็ค จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904
จำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อในเช็ค ซึ่งเป็นตั๋วเงินประเภทหนึ่ง ย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น ตามมาตรา 900
ศาลต้องเลื่อนคดีเพราะพยานจำเลยปากหนึ่งไม่มาศาลถึง 6 ครั้ง เนื่องจากพยานไม่เต็มใจมาเบิกความโดยพยานหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับหมาย พยานเคยมีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่า พยานไม่เคยเกี่ยวข้องกับจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะอ้างเป็นพยานในประเด็นข้อใด แสดงว่าพยานปากนี้อาจจะมิใช่ผู้ที่รู้ข้อเท็จจริงในคดีก็ได้ ทั้งไม่ปรากฏจากคำแถลงหรือข้อนำสืบของจำเลยว่าพยานดังกล่าวเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีที่จะนำสืบอย่างไรฉะนั้นการที่จะให้ได้ตัวพยานปากนี้มาเบิกความนอกจากจะทำให้คดีต้องล่าช้าแล้ว คำเบิกความของพยานน่าจะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีจำเลยแต่อย่างใด พยานดังกล่าวจึงเป็นพยานที่ประวิงให้ชักช้าแม้การที่ไม่ได้ตัวพยานมาเบิกความจะมิใช่ความผิดของจำเลย ศาลก็มีอำนาจที่จะงดสืบพยานเช่นว่านั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งมีดทำร้ายร่างกาย: ศาลลดโทษจากเจตนาแทงเป็นความผิดลหุโทษจากการชกต่อย
การที่จำเลยกับผู้เสียหายกอดปล้ำฟัดเหวี่ยงพลิกไปพลิกมาเพื่อแย่งมีดกันนั้น อาจเป็นเหตุให้มีดที่แย่งกันซึ่งเป็นมีดปลายแหลมแทงเข้าไปที่สะบักซ้ายด้านหลังของผู้เสียหายโดยจำเลยไม่มีเจตนาแทงได้ กรณีไม่อาจสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยเหตุที่เกิดขึ้นผู้เสียหายเป็นฝ่ายที่ ท้าจำเลยให้ต่อยกันก่อน มีดที่แย่งกันก็เป็นมีดของผู้เสียหายที่ผู้เสียหายหยิบขึ้นมาเพื่อใช้แทงจำเลยก่อนฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยชกต่อยผู้เสียหาย ซึ่งเป็นความผิดตาม ป.อ. ม.391 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดสถานที่เกิดเหตุและชนิดยาพิษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้ยาพิษผสมน้ำเทลงในบ่อปลาของผู้เสียหายและระบุตำบล อำเภอ และจังหวัดที่เกิดเหตุไว้ด้วย เช่นนี้ เป็นฟ้องที่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 บัญญัติไว้และจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายชนิดของยาพิษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดยาพิษและสถานที่เกิดเหตุ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้ยาพิษผสมน้ำเทลงในบ่อปลาของผู้เสียหายและระบุตำบล อำเภอ และจังหวัดที่เกิดเหตุไว้ด้วย เช่นนี้ เป็นฟ้องที่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158. บัญญัติไว้และจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายชนิดของยาพิษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีละเมิดรวม พิจารณาตามทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละราย
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดโดยโจทก์ที่ 1 เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท โจทก์ที่ 2 เรียกค่าเสียหาย7,000 บาท ดังนี้ ถึงแม้จะฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกัน สิทธิอุทธรณ์ฎีกาก็ต้องถือตามจำนวนทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนที่ฟ้อง
of 28