พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีอาญาที่จำเลยเป็นนายทหารอยู่ในอำนาจศาลทหาร ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายทหารประจำการ กับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ซึ่งเป็นพลเรือน ต่อศาลชั้นต้นซึ่ง เป็นศาลพลเรือน กล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดในทางอาญาศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีของโจทก์มีมูล เฉพาะจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คดีถึงที่สุด เมื่อปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ว่าจำเลย ที่ 2 เป็นนายทหารประจำการตำแหน่งรองเจ้ากรมการอุตสาหกรรมทหาร จำเลยที่ 2 จึงเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารตาม พระราชบัญญัติ ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 16(1)ศาลพลเรือนจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีอาญาที่จำเลยเป็นนายทหารประจำการ ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายทหารประจำการ กับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ซึ่งเป็นพลเรือน ต่อศาลชั้นต้นซึ่ง เป็นศาลพลเรือน กล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดในทางอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีของโจทก์มีมูล เฉพาะจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คดีถึงที่สุด เมื่อปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ว่าจำเลย ที่ 2 เป็นนายทหารประจำการตำแหน่งรองเจ้ากรมการอุตสาหกรรมทหาร จำเลยที่ 2 จึงเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารตาม พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 16(1) ศาลพลเรือนจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องการได้รับเลือกตั้ง ส.ส. ต้องมาจากการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521มาตรา89, 102 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้ง และสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเริ่มแต่วันเลือกตั้ง และตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 100 บัญญัติไว้มีข้อความสำคัญว่า ผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องได้คะแนนมากที่สุด ในกรณีที่เขตเลือกตั้งใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มากกว่าหนึ่งคน ให้ผู้สมัครซึ่งมีคะแนนมากตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง แสดงว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมมีได้แต่โดยการเลือกตั้ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แม้จำเลยจะได้ประกาศต่อสาธารณชนและรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยว่าผลของการรวมคะแนน โจทก์เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้ประกาศผลการเลือกตั้งตามแบบ ส.ส.25 จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดในการรวมคะแนนให้ถูกต้องได้
หาก พ. ผู้ซึ่งจำเลยได้ประกาศผลการเลือกตั้งตามแบบ ส.ส.25 และออกหนังสือรับรองการได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามแบบ ส.ส.27 ให้นั้นเป็นผู้ซึ่งมีคะแนนน้อยกว่าโจทก์แล้ว โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ตาม มาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522
แม้จำเลยจะได้ประกาศต่อสาธารณชนและรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยว่าผลของการรวมคะแนน โจทก์เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้ประกาศผลการเลือกตั้งตามแบบ ส.ส.25 จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดในการรวมคะแนนให้ถูกต้องได้
หาก พ. ผู้ซึ่งจำเลยได้ประกาศผลการเลือกตั้งตามแบบ ส.ส.25 และออกหนังสือรับรองการได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามแบบ ส.ส.27 ให้นั้นเป็นผู้ซึ่งมีคะแนนน้อยกว่าโจทก์แล้ว โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ตาม มาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร: การประกาศผลการเลือกตั้งที่ยังไม่เป็นทางการ
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 มาตรา89,102 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้ง และสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเริ่มแต่วันเลือกตั้งและตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 100 บัญญัติไว้มีข้อความสำคัญว่า ผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องได้คะแนนมากที่สุด ในกรณีที่เขตเลือกตั้งใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มากกว่าหนึ่งคน ให้ผู้สมัครซึ่งมีคะแนนมากตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง แสดงว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมมีได้แต่โดยการเลือกตั้ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แม้จำเลยจะได้ประกาศต่อสาธารณชนและรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยว่าผลของการรวมคะแนน โจทก์เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้ประกาศผลการเลือกตั้งตามแบบ ส.ส.25 จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดในการรวมคะแนนให้ถูกต้องได้ หาก พ.ผู้ซึ่งจำเลยได้ประกาศผลการเลือกตั้งตามแบบส.ส.25 และออกหนังสือรับรองการได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามแบบ ส.ส.27 ให้นั้นเป็นผู้ซึ่งมีคะแนนน้อยกว่าโจทก์แล้ว โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ตาม มาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาฝากทรัพย์ต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินและตกลงรับฝาก หากไม่มีการส่งมอบ ไม่ถือเป็นสัญญาฝากทรัพย์
สัญญาฝากทรัพย์นั้น ผู้ฝากจะต้องส่งมอบทรัพย์สินให้แก่ ผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 ว. นำรถยนต์พิพาทเข้าไปจอดในบริเวณสยามสแควร์ โดยเป็น ผู้เลือก สถานที่จอดเองได้ใส่กุญแจล็อกคลัตช์และล็อกห้ามล้อไว้เพื่อกันขโมยล็อกประตูทุกบานและเก็บ กุญแจสวิตช์ไว้เอง ระหว่างที่รถจอดอยู่ การครอบครอง ตกอยู่ แก่ ว. โดยตลอด หากรถยนต์เพียงแต่เข้าทางประตูเข้าแล้วผ่านออกไป ทางประตูออก เมื่อไม่จอดก็ไม่ต้องเสียค่าจอดค่าบริการจอดรถ 3 บาทใช้ได้ ตลอดวัน เจ้าของรถยนต์จะนำรถยนต์ออกไปแล้วนำเข้ามาจอดใหม่อีกก็ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าบริการอีกหรือจะเคลื่อนรถยนต์ไปจอดที่แห่งใด ก็ได้ภายใน บริเวณสยามสแควร์ด้วยกันโดยไม่ต้องบอกให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ทราบ เมื่อไม่ปรากฏว่าว. ได้ส่งมอบรถยนต์พิพาทให้จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสอง ตกลงว่าจะ เก็บรักษารถยนต์พิพาทไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้ แม้จำเลย ที่ 2 จะเรียกเก็บค่าบริการจอดรถยนต์จาก ว. จำเลยทั้งสอง ก็หาใช่ผู้รับฝากรถยนต์พิพาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาฝากทรัพย์ต้องมีการส่งมอบทรัพย์และตกลงรับฝาก หากไม่มีการส่งมอบ ไม่ถือเป็นผู้รับฝาก
สัญญาฝากทรัพย์นั้น ผู้ฝากจะต้องส่งมอบทรัพย์สินให้แก่ผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 657
ว. นำรถยนต์พิพาทเข้าไปจอดในบริเวณสยามสแควร์ โดยเป็นผู้เลือก สถานที่จอดเองได้ใส่กุญแจล็อกคลัตช์และล็อกห้ามล้อไว้เพื่อกันขโมย ล็อกประตูทุกบานและเก็บ กุญแจสวิตช์ไว้เอง ระหว่างที่รถจอดอยู่ การครอบครอง ตกอยู่ แก่ ว. โดยตลอด หากรถยนต์เพียงแต่เข้าทางประตูเข้าแล้วผ่านออกไปทางประตูออก เมื่อไม่จอดก็ไม่ต้องเสียค่าจอดค่าบริการจอดรถ 3 บาทใช้ได้ตลอดวันเจ้าของรถยนต์จะนำรถยนต์ออกไปแล้วนำเข้ามาจอดใหม่อีกก็ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าบริการอีก หรือจะเคลื่อนรถยนต์ไปจอดที่แห่งใด ก็ได้ภายใน บริเวณสยามสแควร์ด้วยกันโดยไม่ต้องบอกให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ทราบเมื่อไม่ปรากฏว่าว. ได้ส่งมอบรถยนต์พิพาทให้จำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสอง ตกลงว่าจะ เก็บรักษารถยนต์พิพาทไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้ แม้จำเลย ที่ 2 จะเรียกเก็บค่าบริการจอดรถยนต์จาก ว. จำเลยทั้งสอง ก็หาใช่ผู้รับฝากรถยนต์พิพาทไม่
ว. นำรถยนต์พิพาทเข้าไปจอดในบริเวณสยามสแควร์ โดยเป็นผู้เลือก สถานที่จอดเองได้ใส่กุญแจล็อกคลัตช์และล็อกห้ามล้อไว้เพื่อกันขโมย ล็อกประตูทุกบานและเก็บ กุญแจสวิตช์ไว้เอง ระหว่างที่รถจอดอยู่ การครอบครอง ตกอยู่ แก่ ว. โดยตลอด หากรถยนต์เพียงแต่เข้าทางประตูเข้าแล้วผ่านออกไปทางประตูออก เมื่อไม่จอดก็ไม่ต้องเสียค่าจอดค่าบริการจอดรถ 3 บาทใช้ได้ตลอดวันเจ้าของรถยนต์จะนำรถยนต์ออกไปแล้วนำเข้ามาจอดใหม่อีกก็ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าบริการอีก หรือจะเคลื่อนรถยนต์ไปจอดที่แห่งใด ก็ได้ภายใน บริเวณสยามสแควร์ด้วยกันโดยไม่ต้องบอกให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ทราบเมื่อไม่ปรากฏว่าว. ได้ส่งมอบรถยนต์พิพาทให้จำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสอง ตกลงว่าจะ เก็บรักษารถยนต์พิพาทไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้ แม้จำเลย ที่ 2 จะเรียกเก็บค่าบริการจอดรถยนต์จาก ว. จำเลยทั้งสอง ก็หาใช่ผู้รับฝากรถยนต์พิพาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีที่ดินพิพาท: การพิจารณาความเป็นเจ้าของที่ดินก่อนวินิจฉัยละเมิด และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ ได้รับความเสียหายต้องสูญเสียที่ดินของโจทก์ไป จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ มิใช่ของโจทก์ และจำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์แม้จำเลยจะมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ว่าที่ดิน เป็นของจำเลย และตามคำฟ้องของโจทก์มิได้มีคำขอที่จะ บังคับแก่ที่ดินที่พิพาท แต่การที่จะพิจารณาว่าจำเลย กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ก็จะต้องพิจารณาด้วยว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ อันเป็นการพิจารณาถึงความเป็นอยู่แห่งอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์และฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ที่อันเป็นสาธารณประโยชน์อยู่ในอำนาจดูแลปกปักรักษาของนายอำเภอท้องที่ แม้โจทก์จะมีชื่อเป็นผู้ครอบครองและทำ ประโยชน์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อนายอำเภอโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะและดำเนินการที่จะเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ ก็ชอบที่โจทก์จะฟ้องร้องนายอำเภอเพื่อขอให้ระงับการกระทำอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เพราะโจทก์จะเสียสิทธิในที่พิพาทหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะหรือไม่ มิใช่อยู่ที่การกระทำของจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับที่อันเป็นสาธารณประโยชน์และถึงหากจำเลยจะมาช่วยเหลือในการรังวัดปักหลักเขตด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2527)
ที่อันเป็นสาธารณประโยชน์อยู่ในอำนาจดูแลปกปักรักษาของนายอำเภอท้องที่ แม้โจทก์จะมีชื่อเป็นผู้ครอบครองและทำ ประโยชน์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อนายอำเภอโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะและดำเนินการที่จะเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ ก็ชอบที่โจทก์จะฟ้องร้องนายอำเภอเพื่อขอให้ระงับการกระทำอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เพราะโจทก์จะเสียสิทธิในที่พิพาทหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะหรือไม่ มิใช่อยู่ที่การกระทำของจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับที่อันเป็นสาธารณประโยชน์และถึงหากจำเลยจะมาช่วยเหลือในการรังวัดปักหลักเขตด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดเครื่องหมายการค้า: การลอกเลียนแบบลักษณะสำคัญของเครื่องหมายการค้าผู้อื่นจนเกิดความเข้าใจผิด
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปตัวการ์ตูนทรงกระบอกรูปขวดมีหมวก ตา ปาก มือ เท้าและลำตัว ซึ่งดัดแปลงมาจากขวดของน้ำมันพืชกุ๊ก ส่วนเครื่องหมายค้าของจำเลยเป็นรูปตุ๊กตาประดิษฐ์ มีหมวก ตา ปาก มือ เท้าและลำตัวมือขวา ถือตะหลิวหงายขึ้น ทรงลำตัวเป็นรูปทรงกระบอก โดยจำเลยลอกเลียนเอาจุดเด่นของรูปตัวการ์ตูนที่ประดิษฐ์ขึ้นของโจทก์ไปดัดแปลงบางส่วน เมื่อพิจารณารวมทั้งเครื่องหมายจะ เห็นความเหมือนหรือคล้ายกันของเครื่องหมายทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด ถือได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปใช้ ทำให้สาธารณชนเสื่อมความเชื่อถือในสินค้าของโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้นำสืบให้เห็นว่าได้รับความเสียหาย ศาลย่อมวินิจฉัยค่าเสียหายให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความ ร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดเครื่องหมายการค้า: การลอกเลียนรูปภาพตัวการ์ตูนจนเกิดความสับสนแก่สาธารณชน
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปตัวการ์ตูนทรงกระบอกรูปขวดมีหมวก ตา ปาก มือ เท้าและลำตัว ซึ่งดัดแปลงมาจากขวดของน้ำมันพืชกุ๊ก ส่วนเครื่องหมายค้าของจำเลยเป็นรูปตุ๊กตาประดิษฐ์มีหมวก ตา ปาก มือ เท้าและลำตัวมือขวาถือตะหลิวหงายขึ้น ทรงลำตัวเป็นรูปทรงกระบอก โดยจำเลยลอกเลียนเอาจุดเด่นของรูปตัวการ์ตูนที่ประดิษฐ์ขึ้นของโจทก์ไปดัดแปลงบางส่วน เมื่อพิจารณารวมทั้งเครื่องหมายจะเห็นความเหมือนหรือคล้ายกันของเครื่องหมายทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด ถือได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปใช้ ทำให้สาธารณชนเสื่อมความเชื่อถือในสินค้าของโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้นำสืบให้เห็นว่าได้รับความเสียหาย ศาลย่อมวินิจฉัยค่าเสียหายให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปใช้ ทำให้สาธารณชนเสื่อมความเชื่อถือในสินค้าของโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้นำสืบให้เห็นว่าได้รับความเสียหาย ศาลย่อมวินิจฉัยค่าเสียหายให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยชอบที่จำเลยไม่ได้รับจริง และสิทธิในการยื่นคำขอพิจารณาใหม่
ระหว่างโจทก์ฟ้องหย่า โจทก์จำเลยอยู่ด้วยกันที่บ้านพักตำรวจซึ่งในอาคารเดียวมีผู้อยู่อาศัยหลายครอบครัวจำเลยต้องออกจากบ้านไปทำงานทุกวัน แม้เจ้าพนักงานศาลจะปิดหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยาน และคำบังคับไว้ที่บ้านพัก ซึ่งถือได้ว่าเป็นการส่งโดยชอบ แต่ตามความจริงอาจเป็นได้ว่าจำเลยไม่ได้รับเพราะมีคนแอบยักย้ายเอกสารที่ปิดไว้ไปเสีย โจทก์ก็ไม่เคยบอกให้จำเลยทราบ ดังนี้ ถือว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยมีสิทธิยื่นคำขอได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลงเมื่อทราบเรื่องจากการตรวจดูสำนวนคดีที่ศาล