พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งประเด็นสืบพยานต่างศาลและการไม่โต้แย้งสิทธิในการซักค้านพยาน ทำให้การพิจารณาชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลที่พิจารณาคดีจะส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลอื่น จำเลยแถลงว่าจะไม่ตามประเด็นไป และหลังจากนั้นจนถึงวันที่สืบพยานประเด็น จำเลยมิได้แถลงว่าจำเลยหรือทนายจำเลยกลับใจจะขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาและซักค้านพยานโจทก์ ดังนั้นการที่ศาลที่ได้รับแต่งตั้งให้สืบพยานหลักฐานแทนเลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานประเด็นไปและสืบพยานในวันดังกล่าวโดยมิได้แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยทราบ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ติดตามการสืบพยานหลักฐานและการไม่แถลงเจตนาติดตาม ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลที่พิจารณาคดีจะส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลอื่น จำเลยแถลงว่าจะไม่ตามประเด็นไป และหลังจากนั้นจนถึงวันที่สืบพยานประเด็น จำเลยมิได้แถลงว่าจำเลยหรือทนายจำเลยกลับใจจะขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาและซักค้านพยานโจทก์ดังนั้นการที่ศาลที่ได้รับแต่งตั้งให้สืบพยานหลักฐานแทนเลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานประเด็นไปและสืบพยานในวันดังกล่าวโดยมิได้แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยทราบ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจำเลยและการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับข้อพิพาทที่ดิน
ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์ขยายเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจำเลยไปอีก 10 วัน และโจทก์ได้นำเงินดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องที่ดินและเงินกู้ การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียม และการรับฎีกา
ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์ขยายเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจำเลยไปอีก 10 วัน และโจทก์ได้นำเงินดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเช็คโดยสุจริตก่อนกำหนด ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริต แม้ไม่มีเงินในบัญชี
จำเลยสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็ค สืบเนื่องมาจากเหตุที่ ศ. มิได้นำเงินที่ขายลดไปให้จำเลยและมิได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าได้นำเช็คไปขายลดให้แก่ผู้ใดหรือไม่ เป็นการกระทำโดยสุจริตตามสิทธิที่จำเลยจะพึงกระทำได้
เมื่อจำเลยสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คก่อนที่เช็คจะถึงกำหนดโดยสุจริต การที่จำเลยไม่นำเงินเข้าบัญชีธนาคารให้มีจำนวนพอจ่ายตามเช็ค จึงเป็นการที่จำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
เมื่อจำเลยสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คก่อนที่เช็คจะถึงกำหนดโดยสุจริต การที่จำเลยไม่นำเงินเข้าบัญชีธนาคารให้มีจำนวนพอจ่ายตามเช็ค จึงเป็นการที่จำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างประกาศคณะปฏิวัติผิดพลาด ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษตามประกาศที่ถูกต้องได้ แม้มีการอ้างผิดพลาดเล็กน้อย
การกระทำทั้งหลายของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง เป็นความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 คำขอท้ายฟ้องโจทก์ก็ได้อ้างบทมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดว่า ข้อ 56 และ 83 แต่แทนที่จะอ้างประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 กลับอ้างประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 56 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ซึ่งความจริงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 56 เป็นกฎหมายลงวันที่ 25 มกราคม 2515 และมีบทมาตราเพียง 6 ข้อเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า โจทก์ระบุหมายเลขประกาศของคณะปฏิวัติผิดไป เป็นเรื่องผิดพลาดเล็กน้อย มิใช่เป็นเรื่องโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ศาลก็มีอำนาจลงโทษตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 56 และ 83 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเหนือกว่า น.ส.3 ที่ดินมือเปล่า ผู้ซื้อไม่อาจอ้างสิทธิเหนือผู้ครอบครองเดิม
หนังสือรับรองการทำประโยชน์มิใช่หลักฐานที่แสดงว่าผู้มีชื่อในหนังสือ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นในทางทะเบียนเช่นเดียวกับโฉนดที่ดิน ฉะนั้นโจทก์ผู้ซื้อที่ดินจึงไม่อาจอ้าง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299 มาใช้ยันกับสิทธิของจำเลยผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพิกัดอัตราอากรขาเข้า: ทีวีแมสค์เป็นส่วนประกอบของตู้โทรทัศน์ ทำให้ต้องเสียอากรตามอัตราที่สูงกว่า
ทีวีแมสค์ที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรและชำระภาษีอากรไว้แล้วนั้นมีลักษณะเป็นกรอบใช้ปิดช่องโหว่ระหว่างตู้โทรทัศน์ด้านหน้ากับหลอดภาพโทรทัศน์มีน๊อตขันติดกับตู้โทรทัศน์เพื่อกันมิให้หลุด ทั้งยังเป็นเครื่องป้องกันไฟฟ้าดูดผู้ดูหรือผู้ใช้โทรทัศน์เช่นเดียวกับฝาตู้โทรทัศน์ทุกด้าน จึงเป็นส่วนประกอบของตู้โทรทัศน์อันจะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ 85.15ข.(4)(ก)ร้อยละ 50
การฟ้องคดีเรียกเงินภาษีอากรที่ขาดเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิดแห่งของและอัตราอากรขาเข้ามีอายุความ 10 ปี ในกรณีเช่นนี้ไม่ต้องให้อธิบดีกรมศุลกากรบันทึกความเห็นถึงเหตุที่จะฟ้องคดีเสียก่อนดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 102 อีก เพราะมิใช่เป็นเรื่องที่จะฟ้องผู้กระทำผิดในทางอาญา
การฟ้องคดีเรียกเงินภาษีอากรที่ขาดเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิดแห่งของและอัตราอากรขาเข้ามีอายุความ 10 ปี ในกรณีเช่นนี้ไม่ต้องให้อธิบดีกรมศุลกากรบันทึกความเห็นถึงเหตุที่จะฟ้องคดีเสียก่อนดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 102 อีก เพราะมิใช่เป็นเรื่องที่จะฟ้องผู้กระทำผิดในทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพิกัดอัตราอากรขาเข้าสำหรับ 'ทีวี แมสค์' และอายุความการฟ้องเรียกภาษีอากรค้างชำระ
ทีวีแมสค์ที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรและชำระภาษีอากรไว้แล้วนั้นมีลักษณะเป็นกรอบใช้ปิดช่องโหว่ระหว่างตู้โทรทัศน์ด้านหน้ากับหลอดภาพโทรทัศน์มีน๊อตขันติดกับตู้โทรทัศน์เพื่อกันมิให้หลุดทั้งยังเป็นเครื่องป้องกันไฟฟ้าดูดผู้ดูหรือผู้ใช้โทรทัศน์เช่นเดียวกับฝาตู้โทรทัศน์ทุกด้าน จึงเป็นส่วนประกอบของตู้โทรทัศน์อันจะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ 85.15ข.(4)(ก)ร้อยละ 50
การฟ้องคดีเรียกเงินภาษีอากรที่ขาดเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิดแห่งของและอัตราอากรขาเข้ามีอายุความ 10 ปี ในกรณีเช่นนี้ไม่ต้องให้อธิบดีกรมศุลกากรบันทึกความเห็นถึงเหตุที่จะฟ้องคดีเสียก่อนดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2469 มาตรา 102 อีก เพราะมิใช่เป็นเรื่องที่จะฟ้องผู้กระทำผิดในทางอาญา
การฟ้องคดีเรียกเงินภาษีอากรที่ขาดเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิดแห่งของและอัตราอากรขาเข้ามีอายุความ 10 ปี ในกรณีเช่นนี้ไม่ต้องให้อธิบดีกรมศุลกากรบันทึกความเห็นถึงเหตุที่จะฟ้องคดีเสียก่อนดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2469 มาตรา 102 อีก เพราะมิใช่เป็นเรื่องที่จะฟ้องผู้กระทำผิดในทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาในคดีอาญาต่อคดีแพ่ง และการพิจารณาคดีเมื่อพยานหลักฐานยังไม่พอพิพากษา
คดีก่อนพนักงานอัยการฟ้องนายโหมดผู้ที่โจทก์มอบให้ดูแลที่พิพาทแทนโจทก์ในข้อหาบุกรุก คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่า นายโหมดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 คำพิพากษาดังกล่าวที่ว่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
คำแถลงร่วมของคู่ความที่ว่า "ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยโดยคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าว (คดีก่อน) มาประกอบการพิจารณาพิพากษาในสำนวนนี้ด้วย" นั้น คู่ความหาได้ตกลงกันให้ศาลนำข้อเท็จจริงที่รับฟังโดยคำพิพากษาคดีก่อนมาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้โดยคู่ความไม่สืบพยานไม่ เพียงแต่ให้นำมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาในคดีนี้ด้วยเท่านั้น เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วกับคำแถลงร่วมดังกล่าว ยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ ชอบที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
คำแถลงร่วมของคู่ความที่ว่า "ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยโดยคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าว (คดีก่อน) มาประกอบการพิจารณาพิพากษาในสำนวนนี้ด้วย" นั้น คู่ความหาได้ตกลงกันให้ศาลนำข้อเท็จจริงที่รับฟังโดยคำพิพากษาคดีก่อนมาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้โดยคู่ความไม่สืบพยานไม่ เพียงแต่ให้นำมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาในคดีนี้ด้วยเท่านั้น เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วกับคำแถลงร่วมดังกล่าว ยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ ชอบที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่