คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดำรง แจ่มสุธี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาในคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การนำข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาอาญามาพิจารณาในคดีแพ่งโดยไม่ผูกพันคู่ความ
คดีก่อนพนักงานอัยการฟ้องนายโหมดผู้ที่โจทก์มอบให้ดูแลที่พิพาทแทนโจทก์ในข้อหาบุกรุก คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่า นายโหมดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362คำพิพากษาดังกล่าวที่ว่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
คำแถลงร่วมของคู่ความที่ว่า 'ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยโดยคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าว (คดีก่อน)มาประกอบการพิจารณาพิพากษาในสำนวนนี้ด้วย'นั้น คู่ความหาได้ตกลงกันให้ศาลนำข้อเท็จจริงที่รับฟังโดยคำพิพากษาคดีก่อนมาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้โดยคู่ความไม่สืบพยานไม่ เพียงแต่ให้นำมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาในคดีนี้ด้วยเท่านั้น เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วกับคำแถลงร่วมดังกล่าว ยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ ชอบที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดมาตรา 162 ต้องเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับรองเอกสาร การกระทำส่วนตัวจึงไม่ผิด
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ผู้กระทำจะต้องเป็นเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสารจึงจะถือว่าได้กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยเป็นตำรวจประจำที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองอำเภอเมืองนราธิวาส มีหน้าที่เขียนประจำวัน มิได้มีหน้าที่เกี่ยวกับหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวเข้าเมือง ดังนั้นถึงแม้จำเลยจะจดข้อความรับรองลงในหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตว่าคนต่างด้าวดังกล่าวถูกศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยก็กระทำเป็นส่วนตัวของจำเลยเองโดยไม่มีหน้าที่ ไม่ใช่กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 162

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานต้องมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเอกสารโดยตรง จึงจะมีความผิดตามมาตรา 162
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ผู้กระทำจะต้องเป็นเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสารจึงจะถือว่าได้กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยเป็นตำรวจประจำที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองอำเภอเมืองนราธิวาส มีหน้าที่เขียนประจำวัน มิได้มีหน้าที่เกี่ยวกับหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวเข้าเมือง ดังนั้นถึงแม้จำเลยจะจดข้อความรับรองลงในหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตว่าคนต่างด้าวดังกล่าวถูกศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยก็กระทำเป็นส่วนตัวของจำเลยเองโดยไม่มีหน้าที่ ไม่ใช่กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 162

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีติดตามทรัพย์สินจากการยักยอกของลูกจ้าง และผลกระทบต่อผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ไว้ต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ยักยอกเงินและทรัพย์สินของโจทก์ไป ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยที่ 1 ผู้ไม่มีสิทธิยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนี้เว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ เมื่อคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ยังไม่ขาดอายุความ ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ต่อสู้ว่าคดี ของโจทก์ขาดอายุความ จึงฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีติดตามทรัพย์จากลูกจ้างยักยอกและการค้ำประกันสัญญา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ไว้ต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ยักยอกเงินและทรัพย์สินของโจทก์ไป ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่1 เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยที่ 1 ผู้ไม่มีสิทธิยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนี้เว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ เมื่อคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ยังไม่ขาดอายุความ ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ต่อสู้ว่าคดี ของโจทก์ขาดอายุความ จึงฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองและการซื้อที่ดินโดยไม่สุจริตของผู้ซื้อสืบจากผู้ครอบครองเดิม
พ. และ ม. ตกลงแบ่งที่ดินในโฉนดที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันออกเป็นสัดส่วน ต่างไม่รุกล้ำกัน ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตอนกลางที่พ.ครอบครองมาแต่เดิม เมื่อพ.ตายโจทก์บุตรพ. ได้ครอบครองต่อมาเกิน 10 ปี โดย ม. กับบุตรมิได้เข้าเกี่ยวข้อง ม. ยกที่ดินส่วนของตนให้นาย ม. ซึ่งเป็นบุตรจำเลยซึ่งเป็นบุตรสะใภ้ ม. และบ้านอยู่ห่างที่พิพาท 4 เส้นเศษเชื่อว่ารู้ถึงการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ จำเลยซื้อที่ดินจากนาย ม.จึงถือไม่ได้ว่าซื้อโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต การได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทของโจทก์โดยทางครอบครอง แม้ยังมิได้จดทะเบียนก็ใช้ยันจำเลยได้จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ. ม.1299 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาคำอุทธรณ์ให้คู่ความที่ไม่ใช่จำเลยอุทธรณ์ เป็นเหตุให้ศาลอุทธรณ์ไม่ปฏิบัติตามวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกแล้วผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องนั้น ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและพิจารณาต่อมาเฉพาะคดีเกี่ยวกับผู้จัดการมรดกยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งผู้รองที่ 1ที่ 2 ยื่นคำแถลงคัดค้าน ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ซึ่งมิได้เป็นผู้คัดค้านจึงมิใช่คู่ความในคดีเกี่ยวกับคำร้องนี้เมื่อผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้จัดการมรดกลาออกจากตำแหน่งได้ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 จึงมิใช่จำเลยอุทธรณ์ แต่ผู้จัดการมรดกเท่านั้นที่เป็นจำเลยอุทธรณ์ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ของผู้ร้องแก่ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 โดยมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้จัดการมรดก และศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีมาโดยมิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนนั้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการพิจารณา ตามมาตรา 247ประกอบด้วยมาตรา 243(2) ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้จัดการมรดกแล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความที่ไม่ถูกต้อง และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกแล้วผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องนั้น ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและพิจารณาต่อมาเฉพาะคดีเกี่ยวกับผู้จัดการมรดกยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งผู้รองที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำแถลงคัดค้าน ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ซึ่งมิได้เป็นผู้คัดค้านจึงมิใช่คู่ความในคดีเกี่ยวกับคำร้องนี้ เมื่อผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้จัดการมรดกลาออกจากตำแหน่งได้ ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 จึงมิใช่จำเลยอุทธรณ์ แต่ผู้จัดการมรดกเท่านั้นที่เป็นจำเลยอุทธรณ์ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ของผู้ร้องแก่ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 โดยมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้จัดการมรดก และศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีมาโดยมิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนนั้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการพิจารณา ตามมาตรา 247 ประกอบด้วยมาตรา 243(2) ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้จัดการมรดกแล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกบริษัทโดยผลของกฎหมายและการตั้งผู้ชำระบัญชี
นายทะเบียนบริษัทขีดชื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ออกเสียจากทะเบียน และออกแจ้งความโฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้วบริษัทจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นอันเลิกกันตั้งแต่วันที่โฆษณาแจ้งความดังกล่าว ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1246 (5) ซึ่งเป็นกรณีที่บริษัทเลิกโดยผลของกฎหมาย ไม่มีความจำเป็นต้องสืบพยานถึงเหตุที่จะให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 และเมื่อไม่ปรากฏว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าหนี้ของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1246(6) บริษัทจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจกลับคืนขึ้นทะเบียนได้
เมื่อบริษัทจำเลยที่ 1 เลิกกันโดยไม่มีผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 วรรคสอง ถ้าศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีอำนาจตั้งเจ้าพนักงานกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ชำระบัญชีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บริษัทเลิกโดยผลของกฎหมาย: การตั้งผู้ชำระบัญชีเมื่อไม่มีผู้ชำระบัญชีเดิม
นายทะเบียนบริษัทขีดชื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ออกเสียจากทะเบียน และออกแจ้งความโฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้วบริษัทจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นอันเลิกกันตั้งแต่วันที่โฆษณาแจ้งความดังกล่าวตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1246(5)ซึ่งเป็นกรณีที่บริษัทเลิกโดยผลของกฎหมายไม่มีความจำเป็นต้องสืบพยานถึงเหตุที่จะให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 และเมื่อไม่ปรากฏว่าบริษัทจำเลยที่ 1ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าหนี้ของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1246(6)บริษัทจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจกลับคืนขึ้นทะเบียนได้
เมื่อบริษัทจำเลยที่ 1 เลิกกันโดยไม่มีผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 วรรคสอง ถ้าศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีอำนาจตั้งเจ้าพนักงานกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ชำระบัญชีได้
of 13