คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วีระ ทรัพยไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 285 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องและการบุกรุกเพื่อทำร้าย ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวและกรรมหลังตามบทกฎหมาย
จำเลยทั้งสามทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันตามฟ้องข้อ ก.เสร็จสิ้นแล้ว เป็นความผิดกรรมแรก ต่อมาจำเลยที่ 3 ถือชะแลงเหล็กเป็นอาวุธบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และการทำร้ายซึ่งกันและกันของจำเลยทั้งสามตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งเป็นกรรมหลัง ซึ่งในกรรมหลังนี้ การบุกรุกของจำเลยที่ 3 ก็โดยมีเจตนาจะเข้าไปทำร้ายและได้ทำร้ายจำเลยที่ 1 การกระทำความผิดตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 3 รับอันตรายสาหัสตามฟ้องข้อ ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิซื้อขายที่ดิน การบอกกล่าวหนี้ และยินยอมของลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ล. เจ้าของที่ดินทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่ ม. โดย ให้ผ่อนชำระราคาต่อมา ม. โอนสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ ก. โดย ล. ยินยอม แล้ว ก. โอนขายสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ ว.อีกทอดหนึ่ง ในการโอนขายสิทธิกันระหว่างก. กับ ว. นั้น ได้ทำหนังสือสัญญาโอนกันตามเอกสารหมาย จ.2 ต่อหน้า ล. และจำเลย จำเลยในฐานะตัวแทนของ ล. ได้ลงชื่อเป็นพยานในเอกสารหมาย จ.2 ด้วย เมื่อ ว. รับโอนสิทธิมาแล้วก็ได้ผ่อนชำระราคาที่ดินต่อจากผู้จะซื้อคนก่อน ๆ ให้แก่จำเลย จำเลยก็รับชำระและออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ ว. ดังนี้ถือได้ว่าเอกสารหมาย จ.2 เป็นหนังสือบอกกล่าวการโอนหนี้ไปยัง ล.ลูกหนี้และล. ได้ยินยอมด้วยในการโอนหนี้รายนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 แล้ว จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ล. ต้องผูกพันตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิซื้อขายที่ดินและการบอกกล่าวการโอนหนี้ การยินยอมของลูกหนี้ทำให้ผู้โอนสิทธิผูกพันตามสัญญา
ล. เจ้าของที่ดินทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่ ม. โดย ให้ผ่อนชำระราคาต่อมา ม. โอนสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ก.โดย ล.ยินยอม แล้ว ก.โอนขายสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ ว.อีกทอดหนึ่ง ในการโอนขายสิทธิกันระหว่าง ก. กับ ว. นั้น ได้ทำหนังสือสัญญาโอนกันตามเอกสารหมายจ.2ต่อหน้า ล. และจำเลย จำเลยในฐานะตัวแทนของ ล. ได้ลงชื่อเป็นพยานในเอกสารหมายจ.2ด้วย เมื่อ ว. รับโอนสิทธิมาแล้วก็ได้ผ่อนชำระราคาที่ดินต่อจากผู้จะซื้อคนก่อนๆให้แก่จำเลยจำเลยก็รับชำระและออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ ว. ดังนี้ถือได้ว่าเอกสารหมายจ.2เป็น หนังสือบอกกล่าวการโอนหนี้ไปยัง ล. ลูกหนี้และล. ได้ ยินยอมด้วยในการโอนหนี้รายนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 แล้ว จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ล. ต้องผูกพันตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ร่วมขนส่งในความเสียหายของสินค้า การพิสูจน์ความเสียหายและขอบเขตความรับผิด
จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัท ซ. ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมสายการเดินเรือต่างๆรวมทั้งเรือ อ. ของบริษัท บ.ผู้ขนส่งสินค้ารายพิพาทด้วย เมื่อเรือจะเข้าท่าเรือกรุงเทพจำเลยเป็นผู้แจ้งให้บริษัท ย. เจ้าของสินค้าผู้รับตราส่งทราบ บริษัท ย. นำใบตราส่งมาชำระค่าระวางสินค้าแก่จำเลย และจำเลยออกใบรับมอบของหรือใบปล่อยสินค้าให้ไปรับสินค้า และจำเลยติดต่อขออนุญาตเช่าเครื่องมือขนถ่ายสินค้าจากการท่าเรือฯด้วย หน้าที่ดังกล่าวจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ต้องถือว่าการขนส่งสินค้ารายพิพาทจำเลยเป็นผู้ร่วมขนส่งด้วยคนหนึ่ง โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยมีนิติสัมพันธ์กับบริษัท บ. หรือไม่ จำเลยซึ่งเป็นผู้ร่วมขนส่งจึงต้องรับผิดร่วมกันในความเสียหายทั้งหมดของสินค้ารายพิพาทด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและตัวผู้รับผิด แม้มีการสอบสวนภายในก็ไม่หยุดนับ
ข้อเท็จจริงได้ความจากการนำสืบของโจทก์ว่า รถยนต์โจทก์ถูกรถยนต์จำเลยที่ 2 ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทชนได้รับความเสียหายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2518 ต่อมาวันที่ 29 สิงหาคม 2518 นาย น.ข้าราชการในสังกัดกรมโจทก์ และได้รับมอบหมายจากกรมโจทก์ให้เดินทางไปสังเกตการณ์และสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์คันของโจทก์ถูกชน นาย น.ได้ทำบันทึกรายงานแจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังปรากฏตามรายงานข้อ 7 ในบันทึกเอกสารหมายจ.5 ว่า "กระผมได้ไปพบเจ้าของรถบรรทุก ร. น.00562และตัวแทนบริษัทธนกิจประกันภัยจำกัด(นายธัญญะเอื้ออารี) เพื่อเรียกร้องการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทประกันภัยได้ตกลงเป็นหลักการไว้ว่ายินดีจะชดใช้ ค่าเสียหายโดยจะซ่อมแซม รถยนต์แลนด์โรเวอร์ก.ท.ฬ.-1021ให้อยู่ในสภาพเดิม" นายภักดีลุศนันท์ อธิบดีกรมโจทก์ ในขณะนั้นได้มีบันทึกสั่งการไว้ในท้ายบันทึกรายงานดังกล่าว ลงวันที่ 2 กันยายน 2518 ว่า 1. การตกลงกับบริษัทประกันภัยและเจ้าของรถบรรทุกต้องมีลายลักษณ์อักษร 2. ทำรายงานไปกระทรวงการคลัง 3. ตั้งกรรมการสอบ ผู้รับผิดชอบทางแพ่งตามระเบียบซึ่งต่อมานาง ฉ.ประธานกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งตามที่กรมโจทก์ตั้ง ขึ้นก็ได้ทำรายงานความเห็นต่ออธิบดีกรมโจทก์ ดังปรากฏตามบันทึกข้อความเอกสารหมายจ.6หน้าที่ 3 ความว่าเห็นว่ารถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ร.น.00562 เป็นฝ่ายผิด ซึ่งเจ้าของรถยนต์ดังกล่าวจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมโจทก์แต่เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2518 และรู้ตัวผู้ที่จะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2518 ฉะนั้นการที่จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ร.น.00562 นั้น ขาดอายุความ แล้ว จากข้อเท็จจริงตามที่ได้ความดังกล่าวเห็นว่า กรมโจทก์โดยอธิบดีในขณะนั้นได้รู้ถึงการกระทำละเมิดและรู้ตัว ผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งได้แก่จำเลยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2518ตามที่อธิบดีกรมโจทก์ในขณะนั้นได้ เขียนบันทึกสั่งการไว้ท้ายบันทึกรายงานตามเอกสารหมายจ.5 ซึ่งแม้แต่นางฉ.ประธานกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งที่โจทก์แต่งตั้งขึ้นก็ยังให้ความเห็นว่าคดีขาดอายุความแล้ว ดังนี้ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2522 ซึ่งเป็นเวลาพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวจำเลยผู้ต้องรับผิดดังกล่าว คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้ต้องรับผิด
ข้อเท็จจริงได้ความจากการนำสืบของโจทก์ว่า รถยนต์โจทก์ถูกรถยนต์จำเลยที่ 2 ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทชนได้รับความเสียหายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2518 ต่อมาวันที่ 29 สิงหาคม 2518 นาย น.ข้าราชการในสังกัดกรมโจทก์ และได้รับมอบหมายจากกรมโจทก์ให้เดินทางไปสังเกตการณ์และสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์คันของโจทก์ถูกชน นาย น.ได้ทำบันทึกรายงานแจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังปรากฏตามรายงานข้อ 7 ในบันทึกเอกสารหมายจ.5 ว่า "กระผมได้ไปพบเจ้าของรถบรรทุก ร. น. 00562 และตัวแทนบริษัทธนกิจประกันภัย จำกัด (นายธัญญะ เอื้ออารี) เพื่อเรียกร้องการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทประกันภัยได้ตกลงเป็นหลักการไว้ว่ายินดีจะชดใช้ ค่าเสียหายโดยจะซ่อมแซม รถยนต์แลนด์โรเวอร์ ก.ท.ฬ.- 1021 ให้อยู่ในสภาพเดิม " นายภักดี ลุศนันท์ อธิบดีกรมโจทก์ในขณะนั้นได้มีบันทึกสั่งการไว้ในท้ายบันทึกรายงานดังกล่าว ลงวันที่ 2 กันยายน 2518 ว่า 1. การตกลงกับบริษัทประกันภัยและเจ้าของรถบรรทุกต้องมีลายลักษณ์อักษร 2. ทำรายงานไปกระทรวงการคลัง 3. ตั้งกรรมการสอบ ผู้รับผิดชอบทางแพ่งตามระเบียบซึ่งต่อมานาง ฉ.ประธานกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งตามที่กรมโจทก์ตั้ง ขึ้นก็ได้ทำรายงานความเห็นต่ออธิบดีกรมโจทก์ ดังปรากฏตามบันทึกข้อความเอกสารหมายจ.6หน้าที่ 3 ความว่าเห็นว่ารถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ร.น.00562 เป็นฝ่ายผิดซึ่งเจ้าของรถยนต์ดังกล่าวจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมโจทก์แต่เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2518 และรู้ตัวผู้ที่จะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2518 ฉะนั้นการที่จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนร.น.00562 นั้น ขาดอายุความ แล้ว
จากข้อเท็จจริงตามที่ได้ความดังกล่าวเห็นว่า กรมโจทก์โดยอธิบดีในขณะนั้นได้รู้ถึงการกระทำละเมิดและรู้ตัว ผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งได้แก่จำเลยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2518ตามที่อธิบดีกรมโจทก์ในขณะนั้นได้ เขียนบันทึกสั่งการไว้ท้ายบันทึกรายงานตามเอกสารหมายจ.5 ซึ่งแม้แต่นางฉ.ประธานกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งที่โจทก์แต่งตั้งขึ้นก็ยังให้ความเห็นว่าคดีขาดอายุความแล้ว ดังนี้ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2522 ซึ่งเป็นเวลาพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวจำเลยผู้ต้องรับผิดดังกล่าว คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้จากการซื้อขายฝาก: สิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการแสวงหาหลักฐาน และข้อยกเว้นมาตรา 94 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคล ในกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงที่จะนำสืบว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก ซึ่งหมายเฉพาะในกรณีที่ฟ้องร้องให้บังคับหรือไม่บังคับระหว่างคู่สัญญาตามสัญญาขายฝาก แต่กรณีระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญาขายฝาก หากแต่เป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน(ประเมินภาษี) ของรัฐไม่เชื่อว่าโจทก์จะไม่มีกำไรในการรับซื้อฝาก เพราะเป็นการผิดวิสัยของผู้มีอาชีพในการซื้อขายที่ดิน จำเลยจึงย่อมมีสิทธิที่จะแสวงหาหลักฐาน เมื่อได้ความจริงก็ย่อมมีอำนาจที่จะประเมินให้โจทก์เสียภาษีใหม่ได้ และย่อมมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบในศาลว่าผู้ขายฝากที่ดินให้แก่โจทก์นั้น ได้รับเงินไม่เต็มตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝากได้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี: สิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม และข้อยกเว้นมาตรา 94 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลในกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงที่จะนำสืบว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก ซึ่งหมายเฉพาะ ในกรณีที่ฟ้องร้องให้บังคับหรือไม่บังคับระหว่างคู่สัญญาตามสัญญาขายฝาก แต่กรณีระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญาขายฝาก หากแต่เป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน(ประเมินภาษี) ของรัฐไม่เชื่อว่าโจทก์จะไม่มีกำไรในการรับซื้อฝาก เพราะเป็นการผิดวิสัยของผู้มีอาชีพในการซื้อขายที่ดิน จำเลยจึงย่อมมีสิทธิที่จะแสวงหาหลักฐาน เมื่อได้ความจริงก็ย่อมมีอำนาจที่จะประเมินให้โจทก์เสียภาษีใหม่ได้ และย่อมมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบในศาลว่าผู้ขายฝากที่ดินให้แก่โจทก์นั้น ได้รับเงินไม่เต็มตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝากได้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701-1703/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และขอบเขตการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเหตุละเมิด
บิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีอำนาจฟ้องนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับลูกจ้างชดใช้ค่าเสียหายในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้าง กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นได้
โจทก์ที่ 3 เป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์รถยนต์ของบุตรคันที่ ถูกชนโดยละเมิด โจทก์ที่ 3 ฟ้องเรียกค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคาของรถ โดยไม่ปรากฏว่าได้ซ่อมรถและจ่ายเงินไปจริงหรือไม่ โจทก์ที่ 3 มีอำนาจฟ้องเฉพาะเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อมเท่านั้น
คำฟ้องของโจทก์ในคดีส่วนอาญาที่จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องบรรยายว่า ผู้ตายซึ่งขับขี่รถยนต์อีกคันหนึ่งมีส่วนในการ ประมาทด้วย ข้อเท็จจริง ในคดีส่วนแพ่งคงมีผลให้ผูกพันและถือตามเฉพาะในส่วนที่ว่า จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทเท่านั้นแต่หาต้องผูกพันถึงผู้ตาย ซึ่งขับรถอีกคันหนึ่งและไม่ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยไม่ ผู้ตายขับรถโดยประมาทหรือไม่ ต้องถือตามที่นำสืบกันในคดีส่วนแพ่ง
จำเลยที่ 1 ลูกจ้างขับรถของจำเลยที่ 2 เมาสุราขับรถของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างชนรถยนต์คันอื่นโดยละเมิด จำเลยที่ 2 มีหน้าที่ จะต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 นั้นด้วย
ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ 2 ขอดอกเบี้ยเฉพาะจากเงินค่าใช้จ่ายในการทำศพบุตรของโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 จึงชอบจะได้ดอกเบี้ยจากเงิน ค่าใช้จ่ายในการทำศพจำนวน 4,000 บาทเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้ จำเลยทั้งสองใช้ดอกเบี้ยจากเงินค่าขาดไร้อุปการะมาด้วยจึงมิชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1278/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย เพื่อให้มีผลสมบูรณ์ แม้มีการทำสัญญาให้แล้ว
จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทที่ถูกยึดและได้ทำ สัญญายกให้แก่ผู้ร้องแต่การยกให้ซึ่งที่ดินอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525ประกอบกับมาตรา 456 จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อปรากฏว่ายังไม่ได้มีการจดทะเบียนการยกให้ ที่ดินพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้สั่งปล่อยที่ดินพิพาท
of 29