คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วีระ ทรัพยไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 285 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องโต้แย้งความไม่ถูกต้องของคำสั่งศาล การขาดนัดพิจารณาเป็นประเด็นความสงบเรียบร้อย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์อ้างเหตุแต่เพียงว่าทนายโจทก์เจ็บป่วยไม่สามารถมาศาลได้เท่านั้น ไม่ได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร จึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ประเด็นข้อนี้เป็นประเด็นในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องโต้แย้งความไม่ถูกต้องของคำสั่งศาล การอ้างเหตุเจ็บป่วยทนายโจทก์ไม่เพียงพอ
คำขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์อ้างเหตุแต่เพียงว่าทนายโจทก์เจ็บป่วยไม่สามารถมาศาลได้เท่านั้นไม่ได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร จึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ประเด็นข้อนี้เป็นประเด็นในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายถ่านสังเคราะห์, การผิดสัญญา, ค่าเสียหาย, และการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
การทิ้งฟ้อง กฎหมายไม่ได้บังคับให้จำต้องจำหน่ายคดีเสมอไป แม้โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายใน 7 วัน แต่เมื่อโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์มาให้ศาลแพ่งจัดการให้ ศาลชั้นต้นซึ่งถือว่าทำการแทนศาลอุทธรณ์ ก็สั่งว่าจัดการให้ แล้วต่อมาศาลอุทธรณ์ก็มิได้จำหน่ายคดี ของโจทก์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 133 ให้อำนาจไว้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีของโจทก์ต่อมาจึงถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบ
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิซื้อถ่านสังเคราะห์จากบริษัท ด.จำกัด จำเลยทำสัญญาขอรับโอนสิทธิการซื้อถ่านสังเคราะห์จากโจทก์โดยให้ค่าตอบแทนสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง จึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยผิดสัญญาโจทก์ชอบที่จะบังคับตามสัญญาได้ และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่หรือไม่
ข้อสัญญาที่ว่าหากจำเลยไม่ชำระค่าตอบแทนให้เสร็จในกำหนดตามสัญญาถือว่าสัญญาสิ้นผลบังคับ และจำเลยยินยอมชดใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ ดังนั้นเมื่อจำเลยผิดสัญญาจำเลยจะอ้างสิทธิรับซื้อถ่านสังเคราะห์ในนามโจทก์ต่อไปไม่ได้ กับต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่กำหนดไว้เป็นเบี้ยปรับ และสัญญาดังกล่าวมิใช่สัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะสำเร็จหรือไม่สุดแต่ใจลูกหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายถ่านสังเคราะห์: การผิดสัญญา, ค่าเสียหาย, และการแปลงหนี้
การทิ้งฟ้อง กฎหมายไม่ได้บังคับให้จำต้องจำหน่ายคดีเสมอไป แม้โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายใน 7 วัน แต่เมื่อโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์มาให้ศาลแพ่งจัดการให้ ศาลชั้นต้นซึ่งถือว่าทำการแทนศาลอุทธรณ์ ก็สั่งว่าจัดการให้ แล้วต่อมาศาลอุทธรณ์ก็มิได้จำหน่ายคดีของโจทก์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 133 ให้อำนาจไว้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีของโจทก์ต่อมาจึงถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบ
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิซื้อถ่านสังเคราะห์จากบริษัท ด. จำกัด จำเลยทำสัญญาขอรับโอนสิทธิการซื้อถ่านสังเคราะห์จากโจทก์โดยให้ค่าตอบแทนสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่งจึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยผิดสัญญาโจทก์ชอบที่จะบังคับตามสัญญาได้ และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่หรือไม่
ข้อสัญญาที่ว่าหากจำเลยไม่ชำระค่าตอบแทนให้เสร็จในกำหนดตามสัญญาถือว่าสัญญาสิ้นผลบังคับ และจำเลยยินยอมชดใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ ดังนั้นเมื่อจำเลยผิดสัญญาจำเลยจะอ้างสิทธิรับซื้อถ่านสังเคราะห์ในนามโจทก์ต่อไปไม่ได้ กับต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่กำหนดไว้เป็นเบี้ยปรับ และสัญญาดังกล่าวมิใช่สัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะสำเร็จหรือไม่สุดแต่ใจลูกหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 774/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียก/หมายนัดที่ถูกต้อง แม้ชื่อจำเลยในฟ้องผิดพลาดเล็กน้อย ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ/พิจารณาโดยจงใจ
แม้ในคำฟ้องและหมายเรียกจะระบุว่าจำเลยชื่อนางสุดจารีย์ โลกะวิทย์ โดยจำเลยชื่อนางสุจารีโลกะวิทย์ ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะเป็นเพียงการสะกดการันต์ผิดพลาดเล็กน้อย และที่บ้านจำเลยไม่มีบุคคลอื่นที่มีชื่อว่านางสุดจารีย์อันจะทำให้เข้าใจผิดไปได้ และปรากฏด้วยว่าการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การเป็นเพราะจำเลยหาเหตุที่ฟ้องของโจทก์สะกดการันต์ชื่อจำเลยไม่ถูกต้องการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้จึงถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยจงใจ เมื่อปรากฏต่อมาว่าเจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายนัดกำหนดวันสืบพยานไว้ที่บ้านจำเลย จึงต้องถือว่าได้มีการส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วเช่นเดียวกัน การที่จำเลยไม่ มาศาลจึงถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ย่อมไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 774/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียก/หมายนัดโดยมีชื่อจำเลยผิดพลาดเล็กน้อย ไม่ทำให้ฟ้องเสีย และการขาดนัดยื่นคำให้การ/ไม่มาศาลถือเป็นการจงใจ
แม้ในคำฟ้องและหมายเรียกจะระบุว่าจำเลยชื่อนางสุดจารีย์ โลกะวิทย์ โดยจำเลยชื่อนางสุจารี โลกะวิทย์ ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะเป็นเพียงการสะกดการันต์ผิดพลาดเล็กน้อยและที่บ้านจำเลยไม่มีบุคคลอื่นที่มีชื่อว่านางสุดจารีย์อันจะทำให้เข้าใจผิดไปได้ และปรากฏด้วยว่าการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การเป็นเพราะจำเลยหาเหตุที่ฟ้องของโจทก์สะกดการันต์ชื่อจำเลยไม่ถูกต้อง การที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้จึงถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยจงใจ เมื่อปรากฏต่อมาว่าเจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายนัดกำหนดวันสืบพยานไว้ที่บ้านจำเลย จึงต้องถือว่าได้มีการส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วเช่นเดียวกัน การที่จำเลยไม่มาศาลจึงถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ย่อมไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพโดยสมัครใจเป็นเหตุบรรเทาโทษ แม้ขาดพยานหลักฐานอื่น ศาลลดโทษได้
ขณะเกิดเหตุไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยกระทำผิด พนักงานสอบสวนคงมีแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเท่านั้น ข้อเท็จจริงอันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยก็อาศัยจากคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลย ดังนั้น การที่จำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุม สอบสวน จนถึงชั้นพิจารณาของศาล จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหรือของโจทก์ คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาล ถือได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ มีเหตุอันควรปรานี ชอบที่ศาลจะลดโทษให้แก่จำเลยได้
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 มาด้วยเมื่อศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย และตามมาตรา 54 ให้ศาลเพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดจากผลที่เพิ่มแล้วนั้น เมื่อศาลเพิ่มโทษจำเลยมิได้เพราะเป็นโทษประหารชีวิต จึงคงลดโทษให้จำเลยสถานเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ไม่ได้เกิดจากหลักฐาน ย่อมเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ ศาลลดโทษประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต
ขณะเกิดเหตุไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดพนักงานสอบสวนคงมีแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเท่านั้นข้อเท็จจริงอันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยก็อาศัยจากคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยดังนั้น การที่จำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุม สอบสวน จนถึงชั้นพิจารณาของศาล จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหรือของโจทก์ คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาล ถือได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ มีเหตุอันควรปรานี ชอบที่ศาลจะลดโทษให้แก่จำเลยได้
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92มาด้วยเมื่อศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย และตามมาตรา54 ให้ศาลเพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดจากผลที่เพิ่มแล้วนั้นเมื่อศาลเพิ่มโทษจำเลยมิได้เพราะเป็นโทษประหารชีวิตจึงคงลดโทษให้จำเลยสถานเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลออกหมายจับ vs. การปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ: คดีฟ้องผู้พิพากษา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 169 ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจได้ตามควรว่า กรณีใดควรจะออกหมายเรียกกรณีใดควรจะออกหมายจับ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คและเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว การที่ผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจออกหมายจับโจทก์ตามคำแถลงของโจทก์ในคดีนั้น จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบตามอำนาจที่จะกระทำได้ ไม่มีทางที่จะฟังได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแต่อย่างใด กรณีไม่มีความจำเป็นจะต้องสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้เพื่อทำการไต่สวนมูลฟ้องก่อน
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 196 ที่ว่าจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้เท่าเวลาที่จะถามคำให้การ และรู้ตัวว่าเป็นใครและที่อยู่ของเขาว่าอยู่ที่ไหนนั้น เป็นบทบัญญัติในเรื่องการควบคุมตัวผู้ต้องหา ไม่ใช่บทบัญญัติที่ห้ามศาลมิให้ออกหมายจับเพื่อให้ได้ตัวจำเลยมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 169

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลออกหมายจับและการใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษาในคดีอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 169 ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจได้ตามควรว่า กรณีใดควรจะออกหมายเรียก กรณีใดควรจะออกหมายจับ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค และเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว การที่ผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจออกหมายจับโจทก์ตามคำแถลงของโจทก์ในคดีนั้น จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบตามอำนาจที่จะกระทำได้ ไม่มีทางที่จะฟังได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแต่อย่างใด กรณีไม่มีความจำเป็นจะต้องสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้เพื่อทำการไต่สวนมูลฟ้องก่อน
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 196 ที่ว่าจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้เท่าเวลาที่จะถามคำให้การ และรู้ตัวว่าเป็นใครและที่อยู่ของเขาว่าอยู่ที่ไหนนั้น เป็นบทบัญญัติในเรื่องการควบคุมตัวผู้ต้องหา ไม่ใช่บทบัญญัติที่ห้ามศาลมิให้ออกหมายจับเพื่อให้ได้ตัวจำเลยมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 169
of 29