พบผลลัพธ์ทั้งหมด 285 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์โดยตรง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า ซ. ยื่นคำร้องต่อโจทก์ซึ่งรับราชการเป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอ ขอรับเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยโดยอ้างว่าสามีตนได้ช่วยเหลือทางราชการถูกคนร้ายยิงตาย ในการสอบสวนคำร้องดังกล่าว ซ. และพยานอีก 3 คนต่างให้การต่อโจทก์ว่า ซ. ได้สมรสกับสามีก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทางราชการจึงได้จ่ายเงินสงเคราะห์ให้ ซ. ไป ต่อมาปรากฏว่าถ้อยคำที่ ซ. กับพวกให้การต่อโจทก์นั้นเป็นความเท็จนายอำเภอจึงร้องทุกข์ต่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่ ซ. กับพวกในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่จับกุมและดำเนินคดีแก่ ซ. และพวก และเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่ง ฟ้อง ซ. กับพวกจำเลยก็ไม่จับตัว ซ. กับพวกส่งให้พนักงานอัยการ ดังนี้ การกระทำของจำเลยแม้จะเป็นความจริงก็เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์โดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,165 และ189 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนไม่กระทบสิทธิโจทก์โดยตรง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า ซ.ยื่นคำร้องต่อโจทก์ซึ่งรับราชการเป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอ ขอรับเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยโดยอ้างว่าสามีตนได้ช่วยเหลือทางราชการถูกคนร้ายยิงตาย ในการสอบสวนคำร้องดังกล่าว ซ.และพยานอีก3คนต่างให้การต่อโจทก์ว่าซ.ได้สมรสกับสามีก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทางราชการจึงได้จ่ายเงินสงเคราะห์ให้ ซ.ไปต่อมาปรากฏว่าถ้อยคำที่ซ.กับพวกให้การต่อโจทก์นั้นเป็นความเท็จนายอำเภอจึงร้องทุกข์ต่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่ ซ. กับพวกในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่จับกุมและดำเนินคดีแก่ ซ.และพวกและเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องซ.กับพวก จำเลยก็ไม่จับตัว ซ.กับพวกส่งให้พนักงานอัยการ ดังนี้ การกระทำของจำเลยแม้จะเป็นความจริงก็เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์โดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,165 และ189 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจของผู้ชำระบัญชีในการทำสัญญาดูแลรักษาสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนที่เลิกแล้ว และผลต่อฐานะคู่สัญญา
ในกรณีที่มีการเลิกห้างหุ้นส่วนและอยู่ในระหว่าง ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้มีหน้าที่จัดการดำเนินงานแทนห้างหุ้นส่วนย่อมได้แก่ผู้ชำระบัญชี การนำเอาทรัพย์สินของห้างฯ ไปทำสัญญามอบหมายให้โจทก์ดูแลรักษาไว้ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะของผู้ชำระบัญชีการที่ผู้ชำระบัญชีให้โจทก์และจำเลยโดยตัวแทนได้ร่วมลงชื่อในบันทึกการมอบทรัพย์สินของห้างฯ ให้โจทก์เป็นผู้ดูแลรักษาเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีด้วยความรอบคอบเพื่อให้หุ้นส่วนทุกคนได้มีส่วนรับรู้ในการมอบทรัพย์สินของห้างฯ ให้โจทก์ดูแลรักษา เป็นการป้องกันมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนเรียกร้องเอาผิดต่อผู้ชำระบัญชีเป็นส่วนตัว หากมีการเสียหายเกิดขึ้นในภายหลัง จึงหามีผลให้จำเลยตกอยู่ในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์ที่จะให้สิทธิแก่โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอาค่าดูแลรักษาทรัพย์สินของห้างฯ จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจของผู้ชำระบัญชีในการทำสัญญาดูแลทรัพย์สินหลังเลิกห้างหุ้นส่วน และผลต่อฐานะคู่สัญญา
ในกรณีที่มีการเลิกห้างหุ้นส่วนและอยู่ในระหว่างชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้มีหน้าที่จัดการดำเนินงานแทนห้างหุ้นส่วนย่อมได้แก่ผู้ชำระบัญชี การนำเอาทรัพย์สินของห้าง ฯ ไปทำสัญญามอบหมายให้โจทก์ดูแลรักษาไว้ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะของผู้ชำระบัญชี การที่ผู้ชำระบัญชีให้โจทก์และจำเลยโดยตัวแทนได้ร่วมลงชื่อในบันทึกการมอบทรัพย์สินของห้าง ฯ ให้โจทก์เป็นผู้ดูแลรักษา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีด้วยความรอบคอบ เพื่อให้หุ้นส่วนทุกคนได้มีส่วนรับรู้ในการมอบทรัพย์สินของห้าง ฯ ให้โจทก์ดูแลรักษา เป็นการป้องกันมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนเรียกร้องเอาผิดต่อผู้ชำระบัญชีเป็นส่วนตัว หากมีการเสียหายเกิดขึ้นในภายหลัง จึงหามีผลให้จำเลยตกอยู่ในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์ที่จะให้สิทธิแก่โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอาค่าดูแลรักษาทรัพย์สินของห้าง ฯ จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุคคลภายนอกคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา สิทธิควรระงับในคดีที่ตนเป็นโจทก์
คู่ความในชั้นบังคับคดีคือโจทก์จำเลยและผู้ร้องต. เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาในคดีและอุทธรณ์ฎีกาในคดีนี้ได้ สิทธิของ ต. มีอยู่อย่างไรควรไปว่ากล่าวกันในคดีที่ ต. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยแม้ ศาลล่างรับวินิจฉัยให้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย: การจ่ายค่าสินไหมทดแทนเมื่อรถถูกยึด ไม่ใช่ความเสียหายจากลักทรัพย์
โจทก์รับประกันภัยรถยนต์จากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ 1 เพราะจำเลยแจ้งว่ารถถูกลักไป เมื่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรยึดรถนั้นเนื่องจากมีผู้นำไปขนสินค้าหลบหนีภาษี ซึ่งตามกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์จะใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อเกิดวินาศภัยแก่รถยนต์สูญหายไปเนื่องจากถูกคนร้ายลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ฉะนั้นจำเลยที่ 1 จึงต้องคืนเงินค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาก่อสร้าง, ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา, และการคืนเงินภาษีการค้าที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยทำเฟอร์นิเจอร์ ต่อมาเกิดเพลิงไหม้โรงงานของจำเลย จำเลยจึงมีหนังสือถึงโจทก์ขอทำเฟอร์นิเจอร์เพียงบางรายการและขอต่ออายุสัญญาออกไป โจทก์เรียกจำเลยและผู้รับจ้างรายอื่นมาประชุมแล้วตกลงให้จำเลยทำงานตามที่ขอและให้ผู้รับจ้างรายอื่นทำงานส่วนที่จำเลยขอไม่ทำ เมื่อจำเลยทำงานเสร็จโจทก์ก็ยอมรับมอบแต่โดยดี พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ถือได้ว่าโจทก์ จำเลย ตกลงเลิกสัญญาฉบับเดิมแล้ว
ค่าจ้างทนายความให้ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ผิดสัญญา มิใช่ค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากผลที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาว่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยโดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
จำเลยรับจ้างทำเฟอร์นิเจอร์ให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำเลยจึงไม่ต้องชำระภาษีการค้าในส่วนนี้ให้แก่ทางราชการ แต่ต้องใช้ให้แก่โจทก์
ค่าจ้างทนายความให้ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ผิดสัญญา มิใช่ค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากผลที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาว่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยโดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
จำเลยรับจ้างทำเฟอร์นิเจอร์ให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำเลยจึงไม่ต้องชำระภาษีการค้าในส่วนนี้ให้แก่ทางราชการ แต่ต้องใช้ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตกลงเลิกสัญญาและการชำระหนี้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการคืนเงินภาษีการค้าที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยทำเฟอร์นิเจอร์ ต่อมาเกิดเพลิงไหม้โรงงานของจำเลย จำเลยจึงมีหนังสือถึงโจทก์ขอทำเฟอร์นิเจอร์เพียงบางรายการและขอต่ออายุสัญญาออกไป โจทก์เรียกจำเลยและผู้รับจ้างรายอื่นมาประชุมแล้วตกลงให้จำเลยทำงานตามที่ขอและให้ผู้รับจ้างรายอื่นทำงานส่วนที่จำเลยขอไม่ทำ เมื่อจำเลยทำงานเสร็จโจทก์ก็ยอมรับมอบแต่โดยดี พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ถือได้ว่าโจทก์จำเลย ตกลงเลิกสัญญาฉบับเดิมแล้ว
ค่าจ้างทนายความให้ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ผิดสัญญา มิใช่ค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากผลที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาว่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยโดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
จำเลยรับจ้างทำเฟอร์นิเจอร์ให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำเลยจึงไม่ต้องชำระภาษีการค้าในส่วนนี้ให้แก่ทางราชการ แต่ต้องใช้ให้แก่โจทก์
ค่าจ้างทนายความให้ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ผิดสัญญา มิใช่ค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากผลที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาว่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยโดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
จำเลยรับจ้างทำเฟอร์นิเจอร์ให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำเลยจึงไม่ต้องชำระภาษีการค้าในส่วนนี้ให้แก่ทางราชการ แต่ต้องใช้ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา: ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจสั่งคุ้มครองก่อนพิจารณาพิพากษาคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์ แม้โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ถ้าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับฟ้องของโจทก์ คดีก็ต้องกลับไปสู่ศาลชั้นต้นที่จะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไป ศาลอุทธรณ์ยังไม่อาจสั่งหรือพิพากษาให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองก่อนพิพากษาต่อศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่อาจมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3936/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืนและการบังคับตามสัญญาค้ำประกัน: คดีไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ว่าได้ยักยอกเอาเงินค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัว เป็นการฟ้องคดีเพื่อติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มิใช่มีอายุความ 1 ปีในฐานะละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 โจทก์ฟ้องให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีสิทธิฟ้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ