คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วีระ ทรัพยไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 285 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3936/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกคืนทรัพย์สิน (ยักยอก) และความรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ว่าได้ยักยอกเอาเงินค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัว เป็นการฟ้องคดีเพื่อติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มิใช่มีอายุความ 1 ปีในฐานะละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 โจทก์ฟ้องให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีสิทธิฟ้องได้ภายใน 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3913/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่เป็นไปตามรูปแบบ – ไม่ระบุประเด็นข้อโต้แย้งและขาดการยื่นภายในกำหนด
ฎีกาของจำเลยมีใจความเพียงว่า ขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยังวินิจฉัยคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและความเป็นจริงอยู่หลายประเด็น จำเลยยังไม่สามารถนำเอกสารคำให้การพยานโจทก์ มาเสนอศาลได้ ขอทำฎีกาย่อเพื่อขอขยายเวลาอีก 60 วัน ไม่ได้ระบุ ข้อเท็จจริงโดยย่อว่าประเด็นใดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร จึงไม่เป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3913/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่เป็นไปตามรูปแบบ – ขาดการระบุประเด็นข้อพิพาทที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อน
ฎีกาของจำเลยมีใจความเพียงว่า ขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยังวินิจฉัยคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและความเป็นจริงอยู่หลายประเด็น จำเลยยังไม่สามารถนำเอกสารคำให้การพยานโจทก์ มาเสนอศาลได้ ขอทำฎีกาย่อเพื่อขอขยายเวลาอีก 60 วัน ไม่ได้ระบุ ข้อเท็จจริงโดยย่อว่าประเด็นใดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร จึงไม่เป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความยังไม่สมบูรณ์เป็นสัญญาเช่า หากขาดรายละเอียดสำคัญ เช่น ระยะเวลาและอัตราค่าเช่า
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ว่า หากครบสัญญาเช่าแล้วโจทก์จะให้จำเลยเป็นผู้เช่าต่อเป็นรายแรก ไม่อาจตีความว่าเป็นสัญญาเช่า เพราะไม่มีรายละเอียดในเรื่องกำหนดระยะเวลาเช่าและอัตราค่าเช่า ซึ่งถือเป็นสารสำคัญของสัญญาเช่าทรัพย์ แสดงว่าโจทก์จำเลยจะต้องตกลงกันในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อยังไม่มีการตกลงกันก็ต้องถือว่ายังไม่มีสัญญาต่อกัน จำเลยจะขอให้บังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าทรัพย์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3632/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานสัญญาซื้อขายและผลของการประนีประนอมยอมความ
เมื่อจำเลยได้ตกลงขายข้าวโพดให้แก่โจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศแล้ว จำเลยได้มีหนังสือถึงกรมการค้าต่างประเทศขออนุมัติการขายข้าวโพดรายนี้ ซึ่งหนังสือของจำเลยดังกล่าวมีลายมือชื่อของผู้จัดการบริษัทจำเลยและมีข้อความเกี่ยวกับการตกลงซื้อขายข้าวโพดรายพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยถือได้ว่าหนังสือของจำเลยดังกล่าว เป็นหลักฐานแห่งการซื้อขายข้าวโพดรายนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 แล้ว
ข้อตกลงระหว่างตัวแทนของโจทก์กับจำเลยเกี่ยวกับจำนวน ค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชดใช้ให้แก่โจทก์ในกรณีที่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งข้าวโพดให้โจทก์นั้นมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อของตัวแทนของฝ่ายนั้น จึงจะยกขึ้นต่อสู้คดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3632/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานสัญญาซื้อขาย, สัญญาประนีประนอมยอมความ, การชำระหนี้ และสิทธิในการฟ้องร้องตามสัญญา
เมื่อจำเลยได้ตกลงขายข้าวโพดให้แก่โจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศแล้ว จำเลยได้มีหนังสือถึงกรมการค้าต่างประเทศขออนุมัติการขายข้าวโพดรายนี้ ซึ่งหนังสือของจำเลยดังกล่าวมีลายมือชื่อของผู้จัดการบริษัทจำเลยและมีข้อความเกี่ยวกับการตกลงซื้อขายข้าวโพดรายพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยถือได้ว่าหนังสือของจำเลยดังกล่าว เป็นหลักฐานแห่งการซื้อขายข้าวโพดรายนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา456 วรรค 2 แล้ว
ข้อตกลงระหว่างตัวแทนของโจทก์กับจำเลยเกี่ยวกับจำนวน ค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชดใช้ให้แก่โจทก์ในกรณีที่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งข้าวโพดให้โจทก์นั้นมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อของตัวแทนของฝ่ายนั้น จึงจะยกขึ้นต่อสู้คดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3589/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งเอกสารตามคำสั่งศาลและการแก้ไขคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลมีอำนาจสอบถามและแก้ไขได้
การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกจากโจทก์เพื่อให้จำเลยตรวจดูก่อนจำเลยยื่นคำให้การนั้นชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่อนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงเรื่องใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 124
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3589/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งเอกสารตามคำสั่งศาล & อำนาจแก้ไขคำสั่งที่ไม่ถูกต้องของศาลชั้นต้น
การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกจากโจทก์เพื่อให้จำเลยตรวจดูก่อนจำเลยยื่นคำให้การนั้น ชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่อนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงเรื่องใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 124
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3525/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอม: การทำสะพานไม้เพิ่มภาระเกินสมควรต่อเจ้าของที่ดิน
การที่โจทก์ขอทำสะพานไม้สูงประมาณ 1 ฟุต เพื่อเป็นทางเดินบนที่ดินอันเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว เมื่อทางภารจำยอมดังกล่าวไม่ได้อยู่แนวขอบที่ดิน หากแต่เป็นทางที่แบ่งที่ดินของจำเลยออกเป็นสองส่วนอย่างชัดแจ้งจำเลยย่อมไม่ได้รับความสะดวกจากการใช้ที่ดินตามปกติ การทำสะพานไม้ดังกล่าวนับว่าเป็นภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3491/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องอาญาเมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย
ลูกจ้างซึ่งถูกเลิกจ้างอันเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ มาตรา 121 ย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) มีสิทธิฟ้องนายจ้างให้รับผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 158 ได้ เมื่อได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ กำหนดไว้แล้ว
of 29