คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วีระ ทรัพยไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 285 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3491/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: สิทธิผู้เสียหายในการฟ้องอาญาหลังคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
ลูกจ้างซึ่งถูกเลิกจ้างอันเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ มาตรา 121 ย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)มีสิทธิฟ้องนายจ้างให้รับผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 158 ได้ เมื่อได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ กำหนดไว้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความ 'ไม่ชำระค่าเช่านา' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา และสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่า
คำว่า 'ไม่ชำระค่าเช่านา' ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 32(1) นั้นมีความหมายรวมถึงการไม่ชำระค่าเช่าแต่บางส่วนด้วย เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่านาเป็นข้าวเปลือกตามที่ตกลงกันให้โจทก์ในปี พ.ศ.2521 ส่วนในปี พ.ศ.2522 จำเลยชำระให้โจทก์เพียงส่วนหนึ่งไม่ครบถ้วนตามที่ตกลง ถือได้ว่าจำเลยไม่ชำระค่าเช่านาให้โจทก์รวมกันเป็นเวลา 2 ปี และไม่ปรากฏว่าคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำอำเภอผ่อนผันให้จำเลยโจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกการเช่านากับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความ 'ไม่ชำระค่าเช่านา' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา และสิทธิบอกเลิกสัญญา
คำว่า 'ไม่ชำระค่าเช่านา' ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 32(1) นั้นมีความหมายรวมถึงการไม่ชำระค่าเช่าแต่บางส่วนด้วย เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่านาเป็นข้าวเปลือกตามที่ตกลงกันให้โจทก์ในปี พ.ศ.2521 ส่วนในปี พ.ศ.2522 จำเลยชำระให้โจทก์เพียงส่วนหนึ่งไม่ครบถ้วนตามที่ตกลง ถือได้ว่าจำเลยไม่ชำระค่าเช่านาให้โจทก์รวมกันเป็นเวลา 2 ปี และไม่ปรากฏว่าคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำอำเภอผ่อนผันให้จำเลย โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกการเช่านากับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3440/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิไล่เบี้ยผู้รับประกัน (อาวัล) ในเช็คพิพาทจากการเล่นแชร์และการชำระเงินให้ลูกวง
จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จำเลยที่ 2 ได้นำเช็คพิพาทไปให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าวงแชร์ในการที่จำเลยที่ 1 ประมูลแชร์ได้โจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปมอบให้แก่ลูกวงที่ยังประมูลแชร์ไม่ได้ ต่อมาเมื่อลูกวงที่รับเช็คพิพาทไว้นั้นประมูลแชร์ได้แล้ว นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่ลูกวงตามข้อตกลงเล่นแชร์กัน เมื่อโจทก์ชำระเงินแก่ลูกวงและรับเช็คคืนมา โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกัน(อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3420/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาซื้อขาย, เอกสารไม่สมบูรณ์, การขัดแย้งกันในคำให้การ และผลกระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลให้การว่าไม่เคยมอบหมายให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนดำเนินการขายลดเช็คแก่โจทก์จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำสัญญาโดยพลการ ส่วนจำเลยที่2 กลับต่อสู้ว่าไม่เคยนำเช็คมาขายให้โจทก์ แต่ถ้าทำก็ทำในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 จึงเป็นการขัดกันเองอยู่ในตัว
โจทก์ฟ้องคดีตามสัญญาซื้อขายซึ่งจำเลยนำเช็คมาทำสัญญาขายลดให้โจทก์ มิได้ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย ในฐานะผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังจึงมีอายุความ 10 ปี
สัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างเป็นการค้ำประกันในวงเงิน150,000 บาท และ 1,500,000 บาท ซึ่งตามประมวลรัษฎากรจะต้องปิดอากรแสตมป์ฉบับละ 10 บาท เมื่อปิดอากรแสตมป์เพียงฉบับละ 5 บาท จึงถือได้ว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้และเป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3420/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาซื้อขาย, การขัดกันในคำให้การของจำเลย, และการไม่สมบูรณ์ของเอกสารค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลให้การว่าไม่เคยมอบหมายให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนดำเนินการขายลดเช็คแก่โจทก์จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำสัญญาโดยพลการ ส่วนจำเลยที่ 2 กลับต่อสู้ว่าไม่เคยนำเช็คมาขายให้โจทก์ แต่ถ้าทำก็ทำในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 จึงเป็นการขัดกันเองอยู่ในตัว
โจทก์ฟ้องคดีตามสัญญาซื้อขายซึ่งจำเลยนำเช็คมาทำสัญญาขายลดให้โจทก์ มิได้ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย ในฐานะผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังจึงมีอายุความ 10 ปี
สัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างเป็นการค้ำประกันในวงเงิน 150,000 บาท และ 1,500,000 บาท ซึ่งตามประมวลรัษฎากรจะต้องปิดอากรแสตมป์ฉบับละ 10 บาท เมื่อปิดอากรแสตมป์เพียงฉบับละ 5 บาท จึงถือได้ว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้และเป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานรับเงินเกินค่าบริการ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจดและต่อทะเบียนยานพาหนะเก็บรักษาเงินค่าภาษียานพาหนะและค่าแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ ได้รับเงินที่ผู้มาต่อทะเบียนมอบให้ด้วยความสมัครใจเป็นค่าบริการ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เพราะเงินดังกล่าวใช้เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา ทั้งไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาลด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157 อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานรับเงินเกินค่าบริการ ไม่เป็นความผิดฐานเรียกรับผลประโยชน์
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจดและต่อทะเบียนยานพาหนะเก็บรักษาเงินค่าภาษียานพาหนะและค่าแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ ได้รับเงินที่ผู้มาต่อทะเบียนมอบให้ด้วยความสมัครใจเป็นค่าบริการการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เพราะเงินดังกล่าวใช้เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา ทั้งไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาลด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3404/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับรถแซงทางด้านซ้ายที่ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก เนื่องจากลักษณะถนนและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ถนนเกิดเหตุมีทางเดินรถสองทางคือทางไปและทางกลับ แต่ไม่มีช่องเดินรถ ทางเดินรถแต่ละทางกว้างขนาดรถยนต์แล่นเรียงไปได้ 3 คัน เช่นนี้ การที่จำเลยขับรถอยู่ชิดขอบทางด้านซ้ายโดยมีรถอีกคันหนึ่งขับไปทางทิศเดียวกันและอยู่ด้านขวา แต่มิได้แล่นตามหลังกันมาและรถยนต์คันดังกล่าวขับเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงทางแยก จึงเกิดชนกับรถยนต์ที่จำเลยขับ ถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถยนต์แซงทางด้านซ้าย อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3404/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับรถในช่องทางปกติ ไม่ถือเป็นการแซง แม้จะเกิดชนขณะที่รถคันอื่นเลี้ยว
ถนนเกิดเหตุมีทางเดินรถสองทางคือทางไปและทางกลับ แต่ไม่มีช่องเดินรถ ทางเดินรถแต่ละทางกว้างขนาดรถยนต์แล่นเรียงไปได้ 3 คัน เช่นนี้ การที่จำเลยขับรถอยู่ชิดขอบทางด้านซ้ายโดยมีรถอีกคันหนึ่งขับไปทางทิศเดียวกันและอยู่ด้านขวา แต่มิได้แล่นตามหลังกันมาและรถยนต์คันดังกล่าวขับเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงทางแยก จึงเกิดชนกับรถยนต์ที่จำเลยขับ ถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถยนต์แซงทางด้านซ้าย อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฯ
of 29