คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วีระ ทรัพยไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 285 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อและตั๋วสัญญาใช้เงินที่เป็นโมฆะเนื่องจากเจตนาลวงเพื่อป้องกันบุคคลภายนอก
จำเลยได้นำรถยนต์ของจำเลยไปขายให้แก่โจทก์ โจทก์ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเท่ากับราคารถยนต์แก่จำเลยและโจทก์จำเลยได้ทำ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์กันไว้ โดยโจทก์ยึดตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นไว้ และมีข้อตกลงกันว่า จำเลยไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อ เมื่อครบกำหนดตาม สัญญาเช่าซื้อโจทก์จะต้องโอนรถยนต์กลับคืนให้จำเลย และตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นอันถูกยกเลิกไปโดยถือว่าต่างฝ่ายไม่ต้องชำระหรือรับเงินส่วนที่ต่างกัน เป็นการป้องกันมิให้บุคคลภายนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว ดังนี้ การทำสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมีลักษณะเป็นการแสดง เจตนาลวงด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งสัญญาเช่าซื้อและตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับระหว่างโจทก์จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อและการแสดงเจตนาลวงเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้ สัญญาเป็นโมฆะ
จำเลยได้นำรถยนต์ของจำเลยไปขายให้แก่โจทก์ โจทก์ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเท่ากับราคารถยนต์แก่จำเลย และโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กันไว้ โดยโจทก์ยึดตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นไว้ และมีข้อตกลงกันว่า จำเลยไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าซื้อโจทก์จะต้องโอนรถยนต์กลับคืนให้จำเลย และตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นอันถูกยกเลิกไป โดยถือว่าต่างฝ่ายไม่ต้องชำระหรือรับเงินส่วนที่ต่างกัน เป็นการป้องกันมิให้บุคคลภายนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว ดังนี้ การทำสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมีลักษณะเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง สัญญาเช่าซื้อและตั๋วสัญญาใช้เงินจึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับระหว่างโจทก์จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือการฆ่าผู้อื่น: การวิ่งนำหลบหนีหลังก่อเหตุ ไม่ถึงขั้นร่วมมือฆ่า แต่เป็นความช่วยเหลือ
ผู้ประสงค์จะฆ่าผู้ตายติดต่อกับจำเลยที่ 3 ให้หาคนมายิงผู้ตายจำเลยที่ 3 เป็นผู้ติดต่อพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาพบผู้ว่าจ้าง และได้รับมอบปืน 2 กระบอกจากผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 วันเกิดเหตุผู้ว่าจ้างพาจำเลยทั้งสามมาดูตัวผู้ตายกับพวกจนจำได้ ตอนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายจำเลยที่ 3 ยืนอยู่คนละฝั่งถนนโดยจำเลยที่ 3 มีมีดปลายแหลมติดตัวเพียง 1 เล่มเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายแล้วจำเลยที่ 3 เป็นผู้วิ่งนำพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนี ดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 3 ยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมมือในขณะกระทำความผิดหรือเป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ เพราะไม่จำเป็นที่จำเลยที่ 3 จะต้องมาคอยชี้หรือให้สัญญาณให้ยิง และคงจะไม่เข้าช่วยเหลือซ้ำเติมหรือทำอันตรายแก่ผู้ตายอีกเพราะไม่มีอาวุธปืน การที่จำเลยที่ 3 อยู่ในที่เกิดเหตุก็เพียงคอยวิ่งนำหน้าพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนีไปในเส้นทางที่ตนชำนาญเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการฆ่าผู้ตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 86 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือการฆ่าผู้อื่น: การกระทำที่เข้าข่ายช่วยเหลือแต่ไม่ถึงขั้นร่วมกระทำความผิด
ผู้ประสงค์จะฆ่าผู้ตายติดต่อกับจำเลยที่ 3 ให้หาคนมายิงผู้ตาย จำเลยที่ 3 เป็นผู้ติดต่อพาจำเลยที่ 1ที่ 2 มาพบผู้ว่าจ้าง และได้รับมอบปืน 2 กระบอกจากผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 วันเกิดเหตุผู้ว่าจ้างพาจำเลยทั้งสามมาดูตัวผู้ตายกับพวกจนจำได้ ตอนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายจำเลยที่ 3 ยืนอยู่คนละฝั่งถนนโดยจำเลยที่ 3 มีมีดปลายแหลมติดตัวเพียง 1 เล่มเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายแล้วจำเลยที่ 3 เป็นผู้วิ่งนำพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนี ดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 3 ยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมมือในขณะกระทำความผิดหรือเป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ เพราะไม่จำเป็นที่จำเลยที่ 3 จะต้องมาคอยชี้หรือให้สัญญาณให้ยิง และคงจะไม่เข้าช่วยเหลือซ้ำเติมหรือทำอันตรายแก่ผู้ตายอีกเพราะไม่มีอาวุธปืน การที่จำเลยที่ 3อยู่ในที่เกิดเหตุก็เพียงคอยวิ่งนำหน้าพาจำเลยที่ 1ที่ 2 หลบหนีไปในเส้นทางที่ตนชำนาญเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการฆ่าผู้ตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 86เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะและการกระทำเกินเลย: การพิจารณาความชอบธรรมในการป้องกันตัวและการลงโทษ
จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน ผู้ตายกับพวกเล่นการพนันแล้วทะเลาะกันส่งเสียงดังในยามวิกาลจำเลยซึ่งอยู่บ้านใกล้ชิดติดกันย่อมมีความชอบธรรมที่จะไปขอร้องให้เบาๆลงหรือเลิกเล่นการพนัน แต่ผู้ตายกลับด่าว่าจำเลย แล้วเกิดชกต่อยกัน เมื่อมีคนมาห้ามและจำเลยกับผู้ตาย ยุติกันไปแล้ว แต่ผู้ตายหาได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้น ไม่ กลับ เข้าไปในบ้านหยิบขวดมาตีศีรษะจำเลยจนโลหิตไหล ฉะนั้นการที่จำเลยไปหยิบปืนในบ้านออกมายิงผู้ตาย จึงเป็นการบันดาลโทสะแต่ที่จำเลยยิง ศ. ด้วยแม้คนทั้งสองจะเป็นบุตรภริยาของผู้ตายและอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายก็ตามแต่คนทั้งสองก็มิได้ร่วมทำร้ายจำเลยด้วย การที่จำเลยยิง ว.และศ. ถึงแก่ความตายในขณะนั้นเป็นแต่เพียงจำเลย กระทำไปโดยอารมณ์ร้อนแรงชั่วแล่น ซึ่งไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะและการกระทำเกินเลย: การพิจารณาความผิดฐานฆ่าเมื่อถูกทำร้ายก่อนและการยิงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน ผู้ตายกับพวกเล่นการพนันแล้วทะเลาะกันส่งเสียงดังในยามวิกาล จำเลยซึ่งอยู่บ้านใกล้ชิดติดกันย่อมมีความชอบธรรมที่จะไปขอร้องให้เบา ๆ ลงหรือเลิกเล่นการพนัน แต่ผู้ตายกลับด่าว่าจำเลยแล้วเกิดชกต่อยกัน เมื่อมีคนมาห้ามและจำเลยกับผู้ตายยุติกันไปแล้ว แต่ผู้ตายหาได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้นไม่ กลับเข้าไปในบ้านหยิบขวดมาตีศีรษะจำเลยจนโลหิตไหลฉะนั้นการที่จำเลยไปหยิบปืนในบ้านออกมายิงผู้ตายจึงเป็นการบันดาลโทสะ แต่ที่จำเลยยิง ว.และศ. ด้วยแม้คนทั้งสองจะเป็นบุตรภริยาของผู้ตายและอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายก็ตาม แต่คนทั้งสองก็มิได้ร่วมทำร้ายจำเลยด้วย การที่จำเลยยิง ว. และ ศ. ถึงแก่ความตายในขณะนั้นเป็นแต่เพียงจำเลยกระทำไปโดยอารมณ์ร้อนแรงชั่วแล่น ซึ่งไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดสองกรรมจากวัตถุระเบิดทำการประมง: ใช้วัตถุระเบิดและครอบครองปลาเพื่อการค้า ต้องเรียงกระทง
ความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดทำการจับปลาและความผิดฐานมีปลาที่ได้จากการใช้วัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองเพื่อการค้ากฎหมายบัญญัติไว้คนละมาตรากัน และแยกการกระทำออกได้เป็นสองตอนต่างกรรมต่างวาระกัน แม้จะเป็นการกระทำต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ตาม ต้องถือว่าเป็นการกระทำผิดสองกรรมจะต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานใช้วัตถุระเบิดจับปลาและการครอบครองปลาที่ได้จากการกระทำผิด ต้องเรียงกระทงลงโทษตามกฎหมาย
ความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดทำการจับปลา และความผิดฐานมีปลาที่ได้จากการใช้วัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า กฎหมายบัญญัติไว้คนละมาตรากัน และแยกการกระทำออกได้เป็นสองตอนต่างกรรมต่างวาระกัน แม้จะเป็นการกระทำต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ตาม ต้องถือว่าเป็นการกระทำผิดสองกรรม จะต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกโดยมิชอบ ทายาทมีสิทธิเพิกถอนได้ แม้การโอนจะอ้างเพื่อแบ่งปัน
คำฟ้องของโจทก์กล่าวโดยชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช. ตามคำสั่งศาล สมคบกับจำเลยที่ 2 ทำนิติกรรมโอนทรัพย์มรดกส่วนของโจทก์มาเป็นของจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวแล้วจดทะเบียนโอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม ขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว แม้จะกล่าวว่าเป็นการฉ้อฉล ก็หาได้ทำให้สาระสำคัญของคำฟ้องเสียไปไม่ และโจทก์ไม่จำต้องกล่าวซ้ำอีกว่าจำเลยที่ 2 ใช้วิธีการฉ้อฉลอย่างไร การที่จำเลยที่ 1 ผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์มรดกทั้งหมดมาเป็นของตนผู้เดียว ย่อมเป็นการกระทำที่ผิดหน้าที่ของผู้จัดการมรดก เป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจ โจทก์ซึ่งเป็นทายาทย่อมมีสิทธิที่จะขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3786/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการทำร้ายร่างกาย: ความผิดของผู้ยุยงส่งเสริมและผู้ลงมือ
จำเลยทั้งสองและผู้เสียหายมีบ้านอยู่ใกล้กัน ที่จำเลยที่ 1 เข้าไปฟันผู้เสียหายจำเลยที่ 2 ก็มิได้มีส่วนร่วมทำร้ายผู้เสียหายด้วย การที่จำเลยที่ 2 พูดยุยงส่งเสริมจำเลยที่ 1 ว่า เอาไอ้น้อย เอาให้ตาย โดยไม่ได้ช่วยทำอะไร การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
of 29