คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิพัฒน์ จักรางกูร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 234 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3495/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างอย่างร้ายแรง กรณีสูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามสูบซึ่งอาจก่อให้เกิดอัคคีภัย
โรงงานผลิตกล่องกระดาษของจำเลยเคยถูกไฟไหม้เสียหายนับล้านบาทจำเลยจึงมีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงาน และได้วางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้อย่างเข้มแข็ง จัดให้มีเครื่องดับเพลิงและป้ายห้ามสูบบุหรี่ทั่วบริเวณโรงงาน โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างยืนสูบบุหรี่ข้าง ๆ กองกล่องกระดาษซึ่งมีกล่องกระดาษเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยา แม้จดทะเบียนสมรสและหย่าภายหลัง
ผู้ร้องและจำเลยเป็นสามีภริยากันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 แต่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันในปี พ.ศ. 2518 และจดทะเบียนหย่ากันในปี พ.ศ. 2520 ขณะแต่งงานกันต่างฝ่ายต่างไม่มีทรัพย์สิน ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างที่ผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินด้วยกันก่อนจดทะเบียนสมรสจึงเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องกับจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันซึ่งผู้ร้องกับจำเลยมีกรรมสิทธิ์รวม แม้ภายหลับผู้ร้องกับจำเลยได้จดทะเบียนสมรสและหย่าขาดจากกันโดยไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวเป็นอย่างอื่น ทรัพย์สินนั้นจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยจากการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินที่ได้มาขณะอยู่กินฉันสามีภริยาก่อนจดทะเบียนสมรส แม้หย่าแล้วก็ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวม
ทรัพย์สินพิพาทได้มาระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินกันฉันสามีภริยาก่อนจดทะเบียนสมรส ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องกับจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้ร้องกับจำเลยจึงมีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินพิพาท แม้ภายหลังผู้ร้อง กับจำเลยจดทะเบียนสมรสและหย่าขาดจากกันโดยไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินพิพาทเป็นอย่างอื่น ทรัพย์สินที่พิพาทจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินพิพาทจากการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431-3433/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขืนใจเรียกทรัพย์หลายกรรมต่างกัน ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาแยกการกระทำเป็นหลายกรรม
จำเลยทั้งสองกับพวกพากันไปที่บ้านของ ว. โดยอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม พกปืนบ้าง ถือกิ่งพืชกระท่อมบ้าง และกล่าวหา ว. ว่ามีพืชกระท่อมผิดกฎหมายจะจับกุมและทำบันทึกการจับกุม แล้วพูดว่า หากไม่ต้องการถูกจับกุมให้เสียเงิน ว. ไม่มีพืชกระท่อมแต่มีความกลัวต่อการข่มขู่ของจำเลยจึงยอมจ่ายเงินให้จำเลยไปแล้วจำเลยที่ 1 ก็พกปืนโดยมีจำเลยที่ 2 ถือพืชใบกระท่อมไปที่บ้านของ ท.และบ้านของส.ข่มขู่เรียกเอาเงินจากท.และส. โดยวิธีการทำนองเดียวกัน แล้วเรียกให้ ท.และส. ไปหาเงินมาส่งมอบให้จำเลยที่บ้านของว. เมื่อได้เงินแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็กลับไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทั้งสามยอมให้เงินที่จำเลยกระทำไป แม้จะใช้วิธีการอย่างเดียวกันแต่จำเลยได้กระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ต่างสถานที่ และต่างเวลากัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำของตนเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431-3433/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจเอาทรัพย์, กรรมต่างกัน, เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ
จำเลยทั้งสองกับพวกพากันไปที่บ้านของ ว. โดยอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม พกปืนบ้าง ถือกิ่งพืชกระท่อมบ้าง และกล่าวหา ว. ว่ามีพืชกระท่อมผิดกฎหมายจะจับกุมและทำบันทึกการจับกุม แล้วพูดว่า หากไม่ต้องการถูกจับกุมให้เสียเงิน ว.ไม่มีพืชกระท่อมแต่มีความกลัวต่อการข่มขู่ของจำเลยจึงยอมจ่ายเงินให้จำเลยไปแล้วจำเลยที่ 1 ก็พกปืนโดยมีจำเลยที่ 2 ถือพืชใบกระท่อมไปที่บ้านของ ท. และบ้านของ ส. ข่มขู่เรียกเอาเงินจาก ท. และ ส. โดยวิธีการทำนองเดียวกัน แล้วเรียกให้ ท. และ ส. ไปหาเงินมาส่งมอบให้จำเลยที่บ้านของ ว. เมื่อได้เงินแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็กลับไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทั้งสามยอมให้เงินที่จำเลยกระทำไป แม้จะใช้วิธีการอย่างเดียวกันแต่จำเลยได้กระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ต่างสถานที่ และต่างเวลากัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำของตนเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3041/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การใหม่ที่มิได้ยกขึ้นในศาลล่าง เป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
ในวันนัดพิจารณาศาลแรงงานได้บันทึกคำให้การของจำเลยและกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้ว ต่อมาจำเลยยื่นคำให้การเป็นหนังสือศาลแรงงานสั่งว่า "จำเลยเคยให้การด้วยวาจาไว้แล้ว รวมสำนวนไว้ สำเนาให้โจทก์" ดังนี้ ไม่เป็นการแสดงว่าศาลแรงงานได้มีคำสั่งรับคำให้การเป็นหนังสือไว้แทนคำให้การที่บันทึกไว้เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3041/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การทางวาจาและการยื่นคำให้การเป็นหนังสือ ศาลต้องรับคำให้การใหม่หากยังไม่ได้มีคำสั่งรับคำให้การเดิม
ในวันนัดพิจารณาศาลแรงงานได้บันทึกคำให้การของจำเลยและกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้ว ต่อมาจำเลยยื่นคำให้การเป็นหนังสือ ศาลแรงงานสั่งว่า "จำเลยเคยให้การด้วยวาจาไว้แล้ว รวมสำนวนไว้ สำเนาให้โจทก์" ดังนี้ ไม่เป็นการแสดงว่าศาลแรงงานได้มีคำสั่งรับคำให้การเป็นหนังสือไว้แทนคำให้การที่บันทึกไว้เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างไม่มีสิทธิยึดหน่วงค่าจ้างและเงินสงเคราะห์ค้างจ่ายของลูกจ้าง แม้มีคดีความอื่น
ค่าจ้างและเงินสงเคราะห์รายเดือนที่นายจ้างค้างจ่ายแก่ลูกจ้าง เป็นเพียงหนี้ที่นายจ้างจะต้องชำระแก่ลูกจ้าง หาใช่เป็นทรัพย์สินของลูกจ้างที่นายจ้างครองอยู่และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่นายจ้างเกี่ยวด้วยทรัพย์สินนั้นแต่อย่างใดไม่ นายจ้างจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างไม่มีสิทธิยึดหน่วงค่าจ้างและเงินสงเคราะห์รายเดือนค้างจ่ายของลูกจ้าง แม้มีคดีความอื่น
ค่าจ้างและเงินสงเคราะห์รายเดือนที่นายจ้างค้างจ่ายแก่ลูกจ้าง เป็นเพียงหนี้ที่นายจ้างจะต้องชำระแก่ลูกจ้าง หาใช่เป็นทรัพย์สินของลูกจ้างที่นายจ้างครองอยู่และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่นายจ้างเกี่ยวด้วยทรัพย์สินนั้นแต่อย่างใดไม่ นายจ้างจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทดลองงานเกิน 180 วัน การยินยอมของลูกจ้าง และสิทธิในการเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 46 วรรคสุดท้ายเป็นเพียงข้อยกเว้นว่า ถ้านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างประจำที่นายจ้างแจ้งให้ทราบเป็นหนังสือแต่แรกว่าให้ทดลองปฏิบัติงานในระยะเวลาไม่เกิน 180 วันแล้วนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยมิใช่เป็นเรื่องห้ามมิให้ทดลองปฏิบัติงานเกิน 180 วัน ดังนั้นการที่นายจ้างให้ลูกจ้างทดลองปฏิบัติงาน 120 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วนายจ้างจึงมีสิทธิที่จะมีคำสั่งให้ลูกจ้างทดลองปฏิบัติงานอีก 60 วันได้ และการที่นายจ้างให้ลูกจ้างทดลองปฏิบัติงานต่อไปอีกนั้นแม้ลูกจ้างจะมีบันทึกข้องใจในคำสั่งนี้ แต่ลูกจ้างก็ยังคงทำงานต่อไปกับนายจ้างอีก จึงถือได้ว่าลูกจ้างยินยอมตามคำสั่งดังกล่าวแล้ว ลูกจ้างจึงยังคงมีฐานะเป็นลูกจ้างประจำที่ทดลองปฏิบัติงานอยู่ และเมื่อปรากฏว่าในระหว่างที่ทดลองปฏิบัติงาน ผลงานของลูกจ้างไม่เป็นที่พอใจของนายจ้างนายจ้างย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแต่เนื่องจากนายจ้างไม่ได้เลิกจ้างลูกจ้างภายในกำหนดระยะเวลาที่แจ้งไว้แต่แรก จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
of 24