คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสนอ ศรนิยม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 540 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยค้ำจุน: ข้อยกเว้นความรับผิดเนื่องจากผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตใช้บังคับได้
ความรับผิดของจำเลยที่ 3 ที่มีต่อโจทก์ เกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนระหว่างจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยกับจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาดังกล่าว จำเลยที่ 3 ย่อมยกเงื่อนไข ข้อยกเว้น และข้อจำกัดความรับผิดของตนที่กำหนดไว้ในสัญญาขึ้นต่อสู้กับโจทก์ได้ เว้นแต่เงื่อนไขข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจะขัดต่อกฎหมาย
ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองถึงความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ ใช้บังคับได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 และยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ได้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัย กรณีผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต และผลกระทบต่อความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อบุคคลภายนอก
ความรับผิดของจำเลยที่3ที่มีต่อโจทก์เกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนระหว่างจำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยกับจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่3ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่1ที่2โดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาดังกล่าวจำเลยที่3ย่อมยกเงื่อนไขข้อยกเว้นและข้อจำกัดความรับผิดของตนที่กำหนดไว้ในสัญญาขึ้นต่อสู้กับโจทก์ได้เว้นแต่เงื่อนไขข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจะขัดต่อกฎหมาย ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่3ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองถึงความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใดๆใช้บังคับได้เมื่อจำเลยที่1ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยที่3จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยที่2และยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ได้จำเลยที่3ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุอันสมควร และผลกระทบต่อการนำสืบพยานหลักฐานในศาล
การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้น ทนายจำเลย เป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เอง และตาม คำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าวได้อ้างเหตุว่าติดว่าความ ในคดีอื่น ซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้ เป็นทนายความ ดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐาน ได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจ นำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และผลกระทบต่อการนำพยานหลักฐานเข้าสืบ
มาตรา40,87,88วรรคแรก,90 การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้นทนายจำเลยเป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เองและตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าวได้อ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีอื่นซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้เป็นทนายความดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใดเว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา88และ90ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามมาตรา88จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีมูลเหตุ และผลของการไม่ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล
การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้น ทนายจำเลยเป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เอง และตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าว ได้อ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีอื่น ซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้เป็นทนายความ ดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการไต่สวนเหตุผล ศาลต้องพิจารณาเหตุผลการขาดนัดก่อนมีคำพิพากษา
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนแต่มีคำสั่งว่า ให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตาม บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายก คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้อง ของโจทก์ แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนมีคำสั่งตัดสิน
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนแต่มีคำสั่งว่าให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์ แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลต้องไต่สวนเพื่อวินิจฉัยเหตุผลที่แท้จริง
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา1วันโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณาดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา205วรรคสองให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนแต่มีคำสั่งว่าให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร การกระทำโดยบังเอิญและเหลือวิสัย
การที่เด็กชาย ส.อายุ10ปีใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชายธ.อายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดา ของเด็กชาย ส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่า เด็กชาย ส. จะกระทำเช่นนั้น เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัย ที่บิดามารดาของเด็กชายส.จะใช้ความระมัดระวังได้ บิดามารดาของเด็กชายส.จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของ เด็กชายส.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร: เหตุสุดวิสัยและความสามารถในการคาดการณ์
การที่เด็กชาย ส. อายุ 10 ปี ใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชาย ธ.อายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดาของเด็กชาย ส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่า เด็กชาย ส. จะกระทำเช่นนั้น เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัยที่บิดามารดาของเด็กชาย ส.จะใช้ความระมัดระวังได้ บิดามารดาของเด็กชาย ส. จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของเด็กชาย ส.
of 54