พบผลลัพธ์ทั้งหมด 540 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถบริเวณสี่แยกไม่มีสัญญาณไฟ ผู้ถึงก่อนมีสิทธิก่อน
สี่แยกที่เกิดเหตุไม่มีสัญญาณไฟจราจร และรถของจำเลยกับรถของ ป. แล่นมาคนละทางแล้วชนกันตรงบริเวณสี่แยก ปรากฏว่ารถของ ป. แล่นมาถึงสี่แยกก่อน จำเลยจึงจะต้องหยุดหรือชะลอรถของจำเลยแล้วปล่อยให้รถของ ป.ผ่านไปก่อน แต่จำเลยกลับขับรถต่อไปจนเกิดเหตุชนกันขึ้น ดังนี้ ถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649-2660/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินของรัฐ: การครอบครองก่อน/หลังประมวลกฎหมายที่ดิน และการขอออก น.ส.3ก.
ที่พิพาทเป็นที่ดินของรัฐ อันบุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทภายหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับแล้ว จึงมิใช่ผู้ได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่พิพาทก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และการยึดถือครอบครองของโจทก์ก็มิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการยึดถือครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายแม้โจทก์จะแย่งการครอบครองที่พิพาทจากจำเลยเกินกว่า 1 ปีแล้ว และคงอยู่ตลอดมาจนถึงวันฟ้องก็เป็นการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและหามีสิทธิที่จะขอห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินและขอให้จำเลยถอนคำขอที่ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออก น.ส.3 ก ได้ เพราะจำเลยมีสิทธิที่จะกระทำได้โดยชอบ เนื่องจากถือได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้จำเลยครอบครองที่พิพาทได้แล้ว เพียงแต่อยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อออกหลักฐานเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินให้จำเลยเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649-2660/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินของรัฐ: การเข้าครอบครองหลัง พ.ร.บ.ที่ดินใช้บังคับ และการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ที่พิพาทเป็นที่ดินของรัฐ อันบุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทภายหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับแล้ว จึงมิใช่ผู้ได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่พิพาทก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และการยึดถือครอบครองของโจทก์ก็มิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการยึดถือครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายแม้โจทก์จะแย่งการครอบครองที่พิพาทจากจำเลยเกินกว่า 1 ปีแล้ว และคงอยู่ตลอดมาจนถึงวันฟ้องก็ เป็นการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและหามีสิทธิที่จะขอห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินและขอให้จำเลยถอนคำขอที่ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออก น.ส.3 ก ได้ เพราะจำเลยมีสิทธิที่จะกระทำได้โดยชอบ เนื่องจากถือได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้จำเลยครอบครองที่พิพาทได้แล้ว เพียงแต่อยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อออกหลักฐานเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินให้จำเลยเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การใช้อุบายหลอกลวงเพื่อเอื้อต่อการกระทำความผิด
จำเลยกับพวกนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปขอรับจ้างบรรทุกถั่วเขียวของผู้เสียหายเพื่อส่งให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย แล้วเอาถั่วเขียวดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตน กับพวก ดังนี้ เป็นการใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การใช้อุบายหลอกลวงเพื่อเอื้อต่อการกระทำผิด
จำเลยกับพวกนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปขอรับจ้างบรรทุกถั่วเขียวของผู้เสียหายเพื่อส่งให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย แล้วเอาถั่วเขียวดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนกับพวก ดังนี้ เป็นการใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าซื้อรถยนต์และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องขอคืนรถเพื่อประโยชน์จำเลยที่ 3 ศาลไม่เห็นด้วย
เดิมรถยนต์ของกลางเป็นของ น. น.ได้กู้เงินจากผู้ร้องโดยโอนรถของกลางให้ผู้ร้องและทำสัญญาเช่าซื้อรถนั้นจากผู้ร้องกำหนดราคาเช่าซื้อ 70,800 บาท แบ่งชำระเป็นรายเดือนรวม 12เดือน ๆ ละ 5,900 บาท น. ขาดส่งค่าเช่าซื้องวดแรก 3-4 เดือนจึงขายหสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อรถของกลางให้แก่จำเลยที่ 3และได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ จำเลยที่ 3 ส่งค่าเช่าซื้อตลอดมาได้ 11 งวด คงค้างงวดสุดท้าย ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ชำระเงินค่าเช่าซื้อผิดนัดทุกงวด แม้งวดสุดท้ายจะผิดนัด ก็เชื่อได้ว่าเมื่อจำเลยที่ 3 ชำระเงินงวดสุดท้ายผู้ร้องก็จะต้องโอนทะเบียนรถให้แก่จำเลยที่ 3 แน่ พฤติการณ์ที่ผู้ร้องขอคืนของกลางก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 3 เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จะคืนรถยนต์ของกลางให้ผู้ร้องหาชอบไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าซื้อและการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อไม่สามารถเรียกร้องคืนรถได้
เดิม รถยนต์ของกลางเป็นของ น. น. ได้กู้เงินจากผู้ร้องโดยโอนรถของกลางให้ผู้ร้องและทำสัญญาเช่าซื้อรถนั้นจากผู้ร้องกำหนดราคาเช่าซื้อ 70,800 บาท แบ่งชำระเป็นรายเดือนรวม 12เดือน ๆ ละ 5,900 บาท น. ขาดส่งค่าเช่าซื้องวดแรก 3-4 เดือนจึงขายสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อรถของกลางให้แก่จำเลยที่ 3 และได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ จำเลยที่ 3 ส่งค่าเช่าซื้อตลอดมาได้ 11 งวดคงค้างงวดสุดท้าย ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ชำระเงินค่าเช่าซื้อผิดนัดทุกงวด แม้งวดสุดท้ายจะผิดนัด ก็เชื่อ ได้ว่าเมื่อจำเลยที่ 3ชำระเงินงวดสุดท้ายผู้ร้องก็จะต้องโอนทะเบียนรถให้แก่จำเลยที่ 3 แน่ พฤติการณ์ที่ผู้ร้องขอคืนของกลางก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 3 เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จะคืนรถยนต์ของกลางให้ผู้ร้องหาชอบไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะค่าจ้างที่ตกลงกัน, การวินิจฉัยประเด็นนอกเหนือคำให้การของจำเลยไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าจ้างว่าความ จำเลยให้การว่าตกลงค่าจ้างไม่ถึงจำนวนตามฟ้อง โดยมิได้ให้การต่อสู้ว่า ได้ชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์ไปบางส่วน จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบในข้อนี้ ศาลวินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินบางส่วนตามที่จำเลยนำสืบ เป็นการนอกประเด็น จึงไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการชำระค่าจ้างว่าความนอกประเด็นฟ้อง, การวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินเลยขอบเขตที่จำเลยต่อสู้
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าจ้างว่าความ จำเลยให้การว่าตกลงค่าจ้างไม่ถึงจำนวนตามฟ้อง โดยมิได้ให้การต่อสู้ว่า ได้ชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์ไปบางส่วน จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบในข้อนี้ ศาลวินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินบางส่วนตามที่จำเลยนำสืบ เป็นการนอกประเด็น จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ค่าสินค้าผ่านตัวแทนที่ไม่ได้รับมอบฉันทะสมบูรณ์ ทำให้การชำระหนี้ไม่ผูกพันเจ้าหนี้
ปัญหาที่ว่า ควรให้โจทก์อ้างและสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์พยานจำเลยหรือไม่ หลังจากสืบพยานของทั้งสองฝ่ายไปแล้วนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตให้ตามคำขอหรือไม่
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าสินค้าที่จำเลยรับไปขายแล้วไม่ส่งคืนโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยส่งเงินค่าสินค้าที่จะต้องส่งคืนและสินค้าที่ยังค้างอยู่แก่บริษัท อ. ซึ่งเป็นไปตามสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัท อ. เมื่อตามสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อความให้บริษัท อ. มีอำนาจรับเงินหรือสินค้าคืนแทนโจทก์ กลับมีข้อความแสดงออกทำนองว่า ถ้าจะให้มีอำนาจเช่นนั้นจะต้องมีใบมอบฉันทะจากโจทก์อีกชั้นหนึ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าบริษัท อ. มีเอกสารเป็นใบมอบฉันทะจากโจทก์ให้รับเงินหรือสินค้าคืนจากจำเลย การรับเงินหรือสินค้าซึ่งบริษัท อ. รับมาจากจำเลยจึงไม่สมบูรณ์ ไม่ผูกพันโจทก์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าสินค้าที่จำเลยรับไปขายแล้วไม่ส่งคืนโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยส่งเงินค่าสินค้าที่จะต้องส่งคืนและสินค้าที่ยังค้างอยู่แก่บริษัท อ. ซึ่งเป็นไปตามสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัท อ. เมื่อตามสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อความให้บริษัท อ. มีอำนาจรับเงินหรือสินค้าคืนแทนโจทก์ กลับมีข้อความแสดงออกทำนองว่า ถ้าจะให้มีอำนาจเช่นนั้นจะต้องมีใบมอบฉันทะจากโจทก์อีกชั้นหนึ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าบริษัท อ. มีเอกสารเป็นใบมอบฉันทะจากโจทก์ให้รับเงินหรือสินค้าคืนจากจำเลย การรับเงินหรือสินค้าซึ่งบริษัท อ. รับมาจากจำเลยจึงไม่สมบูรณ์ ไม่ผูกพันโจทก์