พบผลลัพธ์ทั้งหมด 540 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะจากเหตุข่มเหงจิตใจ: สามีพบเห็นภรรยานอนกับผู้อื่น
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภรรยามาประมาณ 11 ปี มีบุตรชาย1 คน อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ก่อนเกิดเหตุประมาณ 7 เดือน ผู้ตายไปทำเหมืองพลอยที่จังหวัดตราด ส่วนจำเลยไม่ได้ไปอยู่ด้วยแต่ไปที่เหมืองเป็นครั้งคราว วันเกิดเหตุจำเลยไปถึงบ้านผู้ตายที่เหมืองเมื่อเวลาประมาณ 21 นาฬิกา เห็นบ้านพักปิดจึงแอบดูตามช่องประตูไม้บ้านพัก เห็นผู้ตายกับผู้หญิงนอนเปลือยกายกันอยู่ในห้องสองต่อสอง เมื่อจำเลยเคาะประตู ผู้หญิงคนนั้นได้ตะโกนถามว่าเคาะทำไม ตามพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมกระทบกระเทือนจิตใจของจำเลยผู้เป็นภรรยาอย่างมาก เมื่อผู้ตายเปิดประตูห้องออกมา จำเลยก็ใช้อาวุธปืนที่นำติดตัวไปยิงผู้ตายทันที 3 นัด ผู้ตายถึงแก่ความตาย ย่อมเป็นกรณีที่จำเลยได้กระทำลงไปด้วยอารมณ์หึงหวงและโกรธแค้น ในขณะที่ยังไม่สามารถควบคุมสติและระงับอารมณ์โกรธได้ ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงทางด้านจิตใจด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบหนี้จากการกู้เบิกเงินเกินบัญชีและการแบ่งปันผลกำไรจากกิจการโรงสี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นส่วนทำการค้าข้าวเปลือก ข้าวสารกับผู้ตายเพื่อแบ่งปันกำไรกัน ผู้ตายลงทุนด้วยโรงสี โจทก์ลงทุนด้วยเงินสด โดยโจทก์ได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้แก่ธนาคารแล้วขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อโจทก์ได้รับสมุดเช็คจากธนาคารแล้ว โจทก์ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งหมดมอบให้ผู้ตายไปกรอกจำนวนเงินและวันที่สั่งจ่ายเอง เพื่อใช้ซื้อข้าวเปลือกมาสี เมื่อขายข้าวที่สีได้แล้วผู้ตายนำเงินฝากเข้าบัญชีของโจทก์ ต่อมาผู้ตายถึงแก่ความตายก่อนที่จะแบ่งปันผลกำไรกัน โจทก์เป็นหนี้ธนาคารอยู่ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและโจทก์ถูกธนาคารฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเป็นคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยแบ่งปันผลกำไรและใช้ทุนเท่าจำนวนที่โจทก์ถูกธนาคารฟ้องเรียกคืนให้แก่โจทก์ ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนทำการค้าข้าวเปลือกข้าวสารกับผู้ตายตามฟ้อง แต่ฟังได้ว่าผู้ตายได้ขอให้โจทก์ช่วยหาเงินมาให้ผู้ตายเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการโรงสีของผู้ตายด้วยการกู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ผู้ตายใช้เช็คของโจทก์เพื่อประโยชน์ในกิจการโรงสีของผู้ตาย ทำให้โจทก์เป็นหนี้ธนาคารตามจำนวนในฟ้อง ซึ่งเข้าใจได้โดยปริยายว่าผู้ตายต้องชำระหนี้นั้นแก่ธนาคารแทนโจทก์ มิฉะนั้นโจทก์ก็ต้องรับผิดชำระแก่ธนาคาร เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นข้อที่โจทก์ได้บรรยายมาในคำฟ้องแล้ว ทั้งได้มีคำขอให้จำเลยชำระเงินเท่าจำนวนที่โจทก์ถูกธนาคารฟ้องด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในหนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อกิจการของผู้อื่น และการแบ่งปันผลกำไรที่ตกลงกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นส่วนทำการค้าข้าวเปลือก ข้าวสารกับผู้ตายเพื่อแบ่งปันกำไรกัน ผู้ตายลงทุนด้วยโรงสี โจทก์ลงทุนด้วยเงินสด โดยโจทก์ได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้แก่ธนาคารแล้ว ขอ กู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อโจทก์ได้รับสมุดเช็คจากธนาคารแล้ว โจทก์ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งหมดมอบให้ผู้ตายไปกรอกจำนวนเงินและวันที่สั่งจ่ายเองเพื่อใช้ซื้อข้าวเปลือกมาสี เมื่อขายข้าวที่สีได้แล้วผู้ตายนำเงินฝากเข้าบัญชีของโจทก์ ต่อมาผู้ตายถึง แก่ความตายก่อนที่จะแบ่งปันผลกำไรกัน โจทก์เป็นหนี้ ธนาคารอยู่ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและโจทก์ถูกธนาคารฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเป็นคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยแบ่งปันผลกำไรและใช้ทุนเท่าจำนวนที่โจทก์ถูกธนาคารฟ้องเรียกคืนให้แก่โจทก์ ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าเป็นหุ้นส่วนทำการค้าข้าวเปลือกข้าวสารกับผู้ตายตามฟ้อง แต่ ฟังได้ว่าผู้ตายได้ขอให้โจทก์ช่วยหาเงินมาให้ผู้ตายเป็น เงินทุนหมุนเวียนในกิจการโรงสีของผู้ตายด้วยการ กู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ผู้ตายใช้เช็คของโจทก์เพื่อประโยชน์ในกิจการโรงสีของผู้ตาย ทำให้โจทก์เป็นหนี้ธนาคารตามจำนวนในฟ้อง ซึ่งเข้าใจได้โดยปริยายว่าผู้ตายต้อง ชำระหนี้นั้นแก่ธนาคารแทนโจทก์ มิฉะนั้นโจทก์ก็ต้อง รับผิดชำระแก่ธนาคาร เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นข้อที่โจทก์ได้บรรยายมาในคำฟ้องแล้ว ทั้งได้มีคำขอ ให้จำเลยชำระเงินเท่าจำนวนที่โจทก์ถูกธนาคารฟ้องด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาจำกัดเฉพาะสิ่งที่ระบุในคำพิพากษา ศาลสั่งชดใช้ค่าเสียหายเมื่อบังคับคดีไม่ได้มิได้
ศาลพิพากษาตามคำขอของโจทก์ว่า ให้จำเลยยอมรับการไถ่ถอนที่ดินทั้งสองแปลงตามฟ้องในราคา 64,000 บาท จากโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแทนเพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับได้เนื่องจากจำเลยโอนที่ดินให้แก่บุตรแล้ว จึงเป็นการบังคับจำเลยนอกเหนือจากคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งเช่นนั้น
บทบัญญัติมาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นเรื่องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาลหรือโดยทางเจ้าพนักงานของศาล มิได้หมายความว่า ถ้าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ใช้ค่าเสียหายแทนทั้งที่มิได้พิพากษาเช่นนั้น ซึ่งเป็นการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา
บทบัญญัติมาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นเรื่องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาลหรือโดยทางเจ้าพนักงานของศาล มิได้หมายความว่า ถ้าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ใช้ค่าเสียหายแทนทั้งที่มิได้พิพากษาเช่นนั้น ซึ่งเป็นการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ ห้ามสั่งชดใช้ค่าเสียหายหากคำพิพากษาไม่ได้ระบุไว้
ศาลพิพากษาตามคำขอของโจทก์ว่า ให้จำเลยยอมรับการไถ่ถอนที่ดินทั้งสองแปลงตามฟ้องในราคา 64,000 บาทจากโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแทนเพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับได้เนื่องจากจำเลยโอนที่ดินให้แก่บุตรแล้ว จึงเป็นการบังคับจำเลยนอกเหนือจากคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งเช่นนั้น
บทบัญญัติมาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นเรื่องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาลหรือโดยทางเจ้าพนักงานของศาล มิได้หมายความว่า ถ้าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ใช้ค่าเสียหายแทนทั้งที่มิได้พิพากษาเช่นนั้น ซึ่งเป็นการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา
บทบัญญัติมาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นเรื่องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาลหรือโดยทางเจ้าพนักงานของศาล มิได้หมายความว่า ถ้าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ใช้ค่าเสียหายแทนทั้งที่มิได้พิพากษาเช่นนั้น ซึ่งเป็นการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2338/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยในการขนส่งสินค้า: การปล้นทรัพย์โดยคาดหมายไม่ได้ ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
ผู้ขับรถยนต์จำเลยบรรทุกสินค้าของโจทก์ได้จอดรถเพื่อตรวจสภาพยางใกล้สถานีบริการน้ำมันมิใช่ที่เปลี่ยว การที่คนร้ายหลายคนมีอาวุธปืนและมีดจู่โจมบังคับคนขับรถและคนประจำรถจับมัดไว้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันไม่อาจพึงคาดหมายได้ เป็นการสุดวิสัยที่จะอาจป้องกันได้ ถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 617
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย และการพิเคราะห์พยานหลักฐานเพื่อยืนยันเหตุการณ์
จำเลยใช้ไม้เหลี่ยมขนาด 4 คูณ 2 นิ้ว ยาวประมาณ 50 ซ.ม. ตีผู้ตายเพียง 1 ทีที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ โดยจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าสามารถทำให้ถึงตายได้ เมื่อกะโหลกศีรษะแตกเละ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายทันที แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้ผิดกฎหมาย: จำเลยเพียงรับจ้างขนไม้ ไม่ได้มีเจตนาครอบครอง จึงไม่มีความผิด
จำเลยรับจ้างขนไม้แปรรูปของกลางให้ ส. และขณะเกิดเหตุจำเลยร่วมกับ ส. ขนไม้แปรรูปจากรถยนต์ของจำเลยที่ใช้รับจ้างขนไม้การที่ ส. เจ้าของไม้นั่งมาในรถและควบคุมไม้มาด้วยตนเองโดยที่ ส. ไม่มีเจตนาสละการครอบครองไม้ให้จำเลยหรือให้จำเลยครอบครองด้วย และจำเลยก็ไม่มีเจตนาครอบครองไม้นั้น ถือว่าส. ครอบครองไม้ดังกล่าวแต่ผู้เดียว จำเลยไม่มีส่วนร่วมในการครอบครอง จึงไม่มีความผิดร่วมกับ ส. ฐานมีไม้ไว้ในครอบครองเมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยรู้อยู่ว่า ไม้ของกลางเป็นไม้ที่ผิดกฎหมายก็จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูป: จำเลยเพียงรับจ้างขนไม้ ไม่ได้ครอบครองหรือรู้อยู่ว่าผิดกฎหมาย
จำเลยรับจ้างขนไม้แปรรูปของกลางให้ ส. และขณะเกิดเหตุจำเลยร่วมกับ ส. ขนไม้แปรรูปจากรถยนต์ของจำเลยที่ใช้รับจ้างขนไม้ การที่ ส. เจ้าของไม้นั่งมาในรถและควบคุมไม้มาด้วยตนเอง โดยที่ ส. ไม่มีเจตนาสละการครอบครองไม้ให้จำเลยหรือให้จำเลยครอบครองด้วย และจำเลยก็ไม่มีเจตนาครอบครองไม้นั้น ถือว่า ส. ครอบครองไม้ดังกล่าวแต่ผู้เดียว จำเลยไม่มีส่วนร่วมในการครอบครอง จึงไม่มีความผิดร่วมกับ ส. ฐานมีไม้ไว้ในครอบครอง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ผิดกฎหมาย ก็จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2179/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งอุบัติเหตุประกันภัย: ผู้รับประโยชน์แจ้งแทนผู้เอาประกันภัยได้ หากสัญญาไม่ได้กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งเอง
ผู้รับประโยชน์แจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบถึงเรื่องรถยนต์หายและขอให้ใช้ค่าทดแทนตามสัญญา ถือได้ว่าแจ้งแทนผู้เอาประกันภัยแล้วทั้งเงื่อนไขในสัญญาก็หาได้กำหนดว่า ถ้าผู้เอาประกันภัยไม่แจ้งให้ทราบในเวลาอันสมควร ผู้รับประกันภัยจะพ้นจากความรับผิด กลับกำหนดไว้ว่าอาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการไม่แจ้งให้ทราบเท่านั้น ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย