พบผลลัพธ์ทั้งหมด 540 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2526
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฟ้องคดีแทนบุตรและข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท
                        
                        จำเลยขับรถยนต์ชนรถจักรยานสองล้อเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ที่ 1 ตาย  และโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรอีกคนหนึ่งบาดเจ็บเมื่อโจทก์ที่ 1 ฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 2 ด้วย ก็ต้องแยกทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนออกจากกันเมื่อจำนวน ทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนไม่เกิน 50,000 บาท  ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย  จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. ม.248
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3844/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การขาดนัดยื่นคำให้การและการขอพิจารณาคดีใหม่ จำเลยต้องดำเนินการภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด
                        
                        การที่จำเลยรับคำบังคับแล้วเข้าใจว่าต้องคอยพบเจ้าพนักงานมาติดต่อและจำเลยต้องดูแลกิจการซ่อมรถ หากกิจการหยุดชะงักลงจะได้รับความเสียหาย ครั้นจำเลยไปกรุงเทพมหานครเพื่อซื้ออะไหล่ซ่อมรถ ได้ติดต่อที่ศาลแพ่งจึงทราบว่าถูกฟ้องแต่เป็นเวลาใกล้หมดเวลาทำการของศาลแล้ว ไม่สามารถติดต่อทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทันในวันนั้น มิใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และแม้จำเลยสามารถหาทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทันก็ล่วงพ้นเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3844/2525
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณาคดี การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องดำเนินการภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้มีเหตุสุจริต
                        
                        การที่จำเลยรับคำบังคับแล้วเข้าใจว่าต้องคอยพบเจ้าพนักงานมาติดต่อและจำเลยต้องดูแลกิจการซ่อมรถ หากกิจการหยุดชะงักลงจะได้รับความเสียหาย ครั้นจำเลยไปกรุงเทพมหานครเพื่อซื้ออะไหล่ซ่อมรถ ได้ติดต่อที่ศาลแพ่งจึงทราบว่าถูกฟ้องแต่เป็นเวลาใกล้หมดเวลาทำการของศาลแล้ว ไม่สามารถติดต่อทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทันในวันนั้น มิใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ และแม้จำเลยสามารถหาทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทัน ก็ล่วงพ้นเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจฟ้องของมารดาแทนบุตร: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการเสียชีวิตของผู้สนับสนุน
                        
                        ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีบุตร 1 คนโดยระบุชื่อมาด้วย อายุ 1 ปี 9 เดือน ขณะผู้ตายมีชีวิตอยู่เป็นผู้อุปการะโจทก์และบุตรโจทก์ เมื่อผู้ตายตายทำให้บุตรโจทก์ขาดไร้อุปการะดังนี้มีความหมายพอเข้าใจว่าบุตรโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิของตนนั่นเองแต่เพราะเหตุที่บุตรโจทก์มีอายุเพียง 1 ปี 9 เดือน ยังฟ้องเองไม่ได้ โจทก์เป็นมารดาจึงฟ้องแทน ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องในนามของบุตรโดยปริยาย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 458/2511)
                                    (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 458/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2525
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจฟ้องของมารดาฟ้องแทนบุตร: กรณีบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะและขาดไร้อุปการะจากเหตุละเมิด
                        
                        ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีบุตร 1 คนโดยระบุชื่อมาด้วย อายุ 1 ปี 9 เดือน ขณะผู้ตายมีชีวิตอยู่เป็นผู้อุปการะโจทก์และบุตรโจทก์ เมื่อผู้ตายตายทำให้บุตรโจทก์ขาดไร้อุปการะดังนี้มีความหมายพอเข้าใจว่าบุตรโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิของตนนั่นเอง แต่เพราะเหตุที่บุตรโจทก์มีอายุเพียง 1 ปี 9 เดือน ยังฟ้องเองไม่ได้ โจทก์เป็นมารดาจึงฟ้องแทน ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องในนามของบุตรโดยปริยาย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 458/2511)
                                    (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 458/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3778/2525
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญาต้องกระทำก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา การขอแก้ไขระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงเป็นการต้องห้าม
                        
                        คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งในศาลเดียวกัน โจทก์จะต้องขอมาในฟ้องหรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จะมาขอในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3778/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องอาญาต้องกระทำก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น การขอให้นับโทษจึงต้องยื่นก่อนมีคำพิพากษา
                        
                        คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งในศาลเดียวกัน โจทก์จะต้องขอมาในฟ้องหรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จะมาขอในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การยึดครองป่าสงวนต่อเนื่อง: การขุดดินทำคันนาไม่ใช่การทำลายป่าใหม่
                        
                        จำเลยขุดดินทำคันนาในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุอันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากการกระทำความผิดในคดีก่อนคือการยึดถือครอบครองที่เกิดเหตุที่ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การขุดดินทำคันนาเป็นการแสดงออกว่าจำเลยยังคงเป็นผู้ยึดถือครอบครองอยู่ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำลายและทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติขึ้นใหม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2525
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การยึดครองที่ดินป่าสงวนต่อเนื่อง: ไม่ถือเป็นการทำลายป่าใหม่ แม้มีการขุดดิน
                        
                        จำเลยขุดดินทำคันนาในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุอันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากการกระทำความผิดในคดีก่อนคือการยึดถือครอบครองที่เกิดเหตุที่ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การขุดดินทำคันนาเป็นการแสดงออกว่าจำเลยยังคงเป็นผู้ยึดถือครอบครองอยู่ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำลายและทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติขึ้นใหม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3732/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจฟ้องคดีปลอมเอกสารและการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ต้องเชื่อมโยงกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้มีสิทธิโดยตรง
                        
                        ความเสียหายที่เกิดขึ้นสำหรับความผิดฐานปลอมเอกสารจะต้องเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะข้อความแห่งเอกสารนั้น เมื่อข้อความในเอกสารที่โจทก์อ้างว่าจำเลยปลอมไม่มีข้อความเกี่ยวถึงตัวโจทก์ การที่โจทก์ต้องเสียที่ดินไปเป็นเรื่องของการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยผู้นำชี้นำชี้ทับที่ดินของโจทก์ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการปลอมใบมอบอำนาจ โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องไม่มีข้อที่แสดงว่าจำเลยกระทำไป เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นแล้วคำฟ้องดังกล่าวจึงขาดองค์ประกอบความผิดในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
                                    เมื่อข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องไม่มีข้อที่แสดงว่าจำเลยกระทำไป เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นแล้วคำฟ้องดังกล่าวจึงขาดองค์ประกอบความผิดในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)