คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสนอ ศรนิยม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 540 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีแบ่งแยกที่ดิน: ศาลมีอำนาจปรับลดเนื้อที่ตามข้อเท็จจริง แม้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ศาลพิพากษาให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตรงตามโฉนดโดยถือตามคำฟ้องของโจทก์ เมื่อปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงขาดไปจากจำนวนที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดิน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้บังคับคดีแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ลดลงตามส่วนของเนื้อที่ดินที่เหลือผิดไปจากคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วได้ กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการแก้ไขคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วเพราะในชั้นบังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจบังคับคดีไปตามความเป็นจริงได้
เมื่อข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยปรากฎชัดอยู่ในสำนวนโดยคำแถลงรับของคู่ความพอที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีแบ่งแยกที่ดิน: ศาลมีอำนาจปรับลดเนื้อที่ตามความเป็นจริง แม้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ศาลพิพากษาให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตรงตามโฉนดโดยถือตามคำฟ้องของโจทก์ เมื่อปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงขาดไปจากจำนวนที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดิน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้บังคับคดีแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ลดลงตามส่วนของเนื้อที่ดินที่เหลือผิดไปจากคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วได้ กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการแก้ไขคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วเพราะในชั้นบังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจบังคับคดีไปตามความเป็นจริงได้
เมื่อข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยปรากฏชัดอยู่ในสำนวนโดยคำแถลงรับของคู่ความพอที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1875/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความและการกำหนดวันเวลากระทำผิดในคดีอาญา การฟ้องโดยมีเจตนาเลี่ยงอายุความย่อมไม่ชอบ
เงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยขาดบัญชีไประหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2504 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2505 แต่โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2525 ว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน 2505 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2505 โดยหาได้มีข้อเท็จจริงใด ๆ ที่แสดงว่าจำเลยเริ่มกระทำความผิดตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2505 ตามฟ้องไม่ เป็นเพียงแต่ถือเอาตามระยะเวลาดังกล่าวเพื่อมิให้คดีโจทก์ขาดอายุความเท่านั้น เพราะหากฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดก่อนวันที่ 17 มิถุนายน 2505 แล้วคำนวณถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน 20 ปี คดีจะขาดอายุความ การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดในช่วงระยะเวลาดังกล่าวในฟ้อง จึงปราศจากหลักเกณฑ์ที่แน่นอน และมิใช่วันเวลาที่จำเลยกระทำความผิดอันแท้จริง เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดที่แท้จริงเมื่อใดและการกระทำความผิดของจำเลยอยู่ในช่วงระยะเวลาที่ไม่ขาดอายุความแล้ว ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1875/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความทางอาญา: การกำหนดวันเวลาเริ่มกระทำความผิดที่ถูกต้องเพื่อมิให้ขาดอายุความ
เงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยขาดบัญชีไประหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2504 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2505 แต่โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2525 ว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่17 มิถุนายน 2505 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2505 โดยหาได้มีข้อเท็จจริงใด ๆ ที่แสดงว่าจำเลยเริ่มกระทำความผิดตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2505 ตามฟ้องไม่ เป็นเพียงแต่ถือเอาตามระยะเวลาดังกล่าวเพื่อมิให้คดีโจทก์ขาดอายุความเท่านั้น เพราะหากฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดก่อนวันที่ 17 มิถุนายน 2505 แล้วคำนวณหถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน 20 ปี คดีจะขาดอายุความ การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดในช่วงระยะเวลาดังกล่าวในฟ้อง จึงปราศจากหลักเกณฑ์ที่แน่นอน และมิใช่วันเวลาที่จำเลยกระทำความผิดอันแท้จริง เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดที่แท้จริงเมื่อใดและการกระทำความผิดของจำเลยอยู่ในช่วงระยะเวลาที่ไม่ขาดอายุความแล้วก็ลงโทษจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลสิทธิสัญชาติ: ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับคำร้องและพิจารณาคดีใหม่ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องมีสัญชาติไทยไว้ ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่าคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) เรื่องเขตอำนาจศาลศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นและมีคำสั่งใหม่ได้ตามมาตรา 27
ตามพระราชบัญญติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 57 ได้ให้อำนาจแก่พนักงานอัยการที่จะโต้แย้งคัดค้านในกรณีที่มีผู้ร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาล คำคัดค้านของพนักงานอัยการจึงชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและสิทธิอัยการคัดค้านคำร้องพิสูจน์สัญชาติ: ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมได้หากผิดข้อกฎหมาย
เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่าคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 4(2) เรื่องเขตอำนาจศาลศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นแล้วมีคำสั่งใหม่ได้ตามมาตรา 27 พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 57 วรรคท้ายบัญญัติให้อำนาจแก่พนักงานอัยการที่จะโต้แย้งคัดค้านคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติของผู้ร้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลและการมีส่วนร่วมของพนักงานอัยการในคดีสัญชาติ: ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิม และคำคัดค้านของอัยการชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องมีสัญชาติไทยไว้ ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่าคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) เรื่องเขตอำนาจศาล ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นและมีคำสั่งใหม่ได้ตามมาตรา 27
ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 57 ได้ให้อำนาจแก่พนักงานอัยการที่จะโต้แย้งคัดค้านในกรณีที่มีผู้ร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาล คำคัดค้านของพนักงานอัยการจึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 198 เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลไม่อาจขยายเวลาได้
เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มีหน้าที่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 198 ที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่เวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดการที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ โดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัด และศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวมีคำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย เป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย มิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับการยกเว้นที่จะไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 198.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการปฏิบัติตามหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จำเลยซึ่งมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นคำให้การและศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย และมิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ในอันที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งโจทก์จะถือว่าระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงในวันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการปฏิบัติตามหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จำเลยซึ่งมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นคำให้การและศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย และมิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ในอันที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งโจทก์จะถือว่าระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงในวันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การไม่ได้
of 54