พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา เนื่องจากเป็นคนละเรื่องและภารจำยอมคนละแปลง
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองมีที่ดินติดต่อกัน ต่างฝ่ายต่างฟ้องอ้างว่าที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าที่ดินที่ตกเป็นภารจำยอมตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเป็นที่ดินคนละแปลงกับภารจำยอมตามฟ้องของโจทก์ทั้งสอง จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จะรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณารวมกัน
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองมีที่ดินติดต่อกันต่างฝ่ายต่างฟ้อง อ้างว่าที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความ จึงเป็น ที่เห็นได้ว่าที่ดินที่ตกเป็นภารจำยอมตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง เป็นที่ดินคนละแปลงกับภารจำยอมตามฟ้องของโจทก์ทั้งสอง จึงเป็น ฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจะรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์ ศาลไม่จำกัดว่าผู้ร้องต้องครอบครองขณะยื่นคำร้อง
การยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะยื่นคำร้องขอต่อศาล และคำสั่งของศาล ที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องขอนั้น ก็เป็นเพียงคำสั่งที่รับรองว่าการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้องตามที่ได้ครอบครองมาแล้วนั้น เป็นผลให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์แล้ว เพื่อที่ผู้ร้องจะได้นำคำพิพากษาไปจดทะเบียนสิทธิต่อเจ้าพนักงานที่ดินต่อไปเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิแสดงกรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ร้องไม่ได้ครอบครองขณะยื่นคำร้อง
การยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่า ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ครอบครอง อสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะยื่นคำร้องขอต่อศาลและคำสั่งของศาล ที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องขอนั้น ก็เป็นเพียง คำสั่งที่รับรองว่าการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้อง ตามที่ได้ครอบครองมาแล้วนั้นเป็นผลให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์แล้วเพื่อที่ผู้ร้องจะได้นำคำพิพากษา ไปจดทะเบียนสิทธิ ต่อเจ้าพนักงานที่ดินต่อไปเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1021/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำพิพากษาอย่างชัดเจน
คำขอให้พิจารณาใหม่นั้น คู่ความจะต้องกล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดประการหนึ่ง และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอีกประการหนึ่งโดยละเอียดและชัดแจ้งทั้ง 2 ประการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย เมื่อปรากฏว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองกล่าวแต่เหตุที่จำเลยทั้งสองขาดนัดแต่เพียงประการเดียว ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำชี้ขาดของศาลคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริต และสิทธิของผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินป่าสงวน
ที่พิพาทอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งต้องห้ามมิให้ยึดถือครอบครองหากโจทก์ซื้อโดยทราบอยู่ก่อนว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทำประโยชน์ การซื้อของโจทก์ย่อมเป็นไปโดยไม่สุจริตแม้เป็นการซื้อมาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโจทก์ก็ไม่ได้สิทธิในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330นอกจากนี้ในระหว่างราษฎรด้วยกันจำเลยซึ่งเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์การที่จำเลยแถลงรับในชั้นชี้สองสถานว่าจำเลยไม่มีน.ส.3 สำหรับที่พิพาทยังไม่เพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยให้จำเลยแพ้คดีคดีจึงจำต้องทำการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปให้สิ้นกระแสความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนบัตรปลอม - ความผิดมาตรา 245 - ผู้ใช้โดยไม่รู้ - พยานหลักฐานไม่เพียงพอ
จำเลยมีธนบัตรของกลางเพียงฉบับเดียวนำไปชำระค่าร่วมประเวณีแก่หญิงเป็นธนบัตรที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับธนบัตรฉบับละ500 บาทที่แท้จริง จำเลยมีอาชีพค้าขายปลีกเนื้อสัตว์ในต่างจังหวัด อาจได้รับธนบัตรของกลางมาจากลูกค้าซื้อเนื้อสัตว์ โดยจำเลยไม่รู้ว่าเป็นธนบัตรปลอม ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 245
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินและบ้านโดยไม่ได้จดทะเบียน และข้อจำกัดในการยกข้อกฎหมายใหม่ในชั้นฎีกา
จำเลยฎีกาว่า การซื้อขายที่ดินและบ้านไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ไม่มีเหตุสมควรที่ศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยบันดาลโทสะ: การโต้เถียงรุนแรงนำไปสู่การยิงเสียชีวิต ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยยิงผู้ตายขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ในรถยนต์ที่จำเลยขับขี่ แล้วจำเลยขับรถยนต์นำศพจากที่เกิดเหตุ และจากรถยนต์เข้าไปในโบสถ์ นำศพไปใส่ไว้ในกล่องกระดาษในลักษณะให้ศพนั่งคุดคู้อยู่ในกล่อง นำกล่องไปเก็บไว้ในห้องเก็บหนังสือ แม้มิได้ใช้วัสดุอื่นปิดบังกล่อง เมื่อเปิดประตูห้องเก็บหนังสือก็สามารถเห็นกล่องได้ ก็เป็นการกระทำเพื่อที่จะปิดบังเหตุแห่งการตายของผู้ตายจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199
การที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยถึงโคตรพ่อโคตรแม่ ทั้งๆ ที่ จำเลยเป็นผู้ให้ความอุปการะช่วยเหลือผู้ตายตลอดมา จนจำเลยระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้และใช้อาวุธปืนที่ติดตัวยิงเพียง 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดไปโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 72
การที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยถึงโคตรพ่อโคตรแม่ ทั้งๆ ที่ จำเลยเป็นผู้ให้ความอุปการะช่วยเหลือผู้ตายตลอดมา จนจำเลยระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้และใช้อาวุธปืนที่ติดตัวยิงเพียง 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดไปโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการปฏิเสธสัญญาเช่าของผู้ให้เช่าเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา, การเป็นบริวารของจำเลย
โจทก์จำเลยทำสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ โดยจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างตึกแถวในที่ดินของโจทก์ แล้วจัดหาผู้เช่ามาทำสัญญากับโจทก์ แต่จำเลยกลับเข้าอยู่ในตึกแถวเสียเองโจทก์บอกเลิกสัญญาและฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถว อ่านคำพิพากษาเมื่อ วันที่ 15 มีนาคม 2521 ผู้คัดค้านเข้าไปอยู่ในตึกแถวตามสัญญาลงวันที่ 1ธันวาคม 2521 โดยจำเลยสัญญาว่าจะนำผู้คัดค้านไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์เมื่อข้อ 7 ของสัญญามีว่า จำเลยรับรองว่าจะนำตึกแถวที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียกเก็บเงินกินเปล่าให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 1 ปี หากเกินกำหนดนี้แล้ว ต้องเสียค่าเช่าห้องที่ไม่มีคนเช่าอยู่ให้กับโจทก์ ดังนี้ จำเลยต้องนำผู้เช่ามาทำสัญญาเช่ากับโจทก์ภายใน 1 ปี นับแต่ วันก่อสร้างเสร็จ ถ้าเกินกำหนดนี้แล้วโจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าที่จำเลยจัดหามาได้ จำเลยก่อสร้างตึกแถวเสร็จเมื่อ พ.ศ.2501 สัญญาระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้คัดค้านได้ จึงถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้คัดค้านให้ต้องออกจากตึกแถวด้วย