พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองเพื่อประกันหนี้ก่อนล้มละลาย: เจ้าหนี้มีสิทธิบังคับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นได้ หากเจตนาลูกหนี้เอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายนั้น
จำนองเป็นสัญญาที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันการชำระหนี้ จึงมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันอันเป็นหนี้ประธานส่วนหนึ่งคือหนี้เงินกู้ยืมที่เจ้าหนี้จ่ายให้ลูกหนี้รับไปก่อนทำสัญญาและจดทะเบียนจำนอง ส่วนจำนองที่ลูกหนี้ได้ทำสัญญาและจดทะเบียนให้เจ้าหนี้นั้นเป็นแต่เพียงอุปกรณ์แห่งหนี้เงินกู้ยืมอันเป็นหนี้ประธานซึ่งเป็นหนี้คนละส่วนที่แยกออกจากกันได้ ดังนั้น เมื่อเจ้าหนี้ได้มอบเงินที่กู้ยืมให้ลูกหนี้รับไป การกู้ยืมก็ได้เกิดขึ้น เจ้าหนี้จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ในทันทีนั้นเอง หลังจากนั้นแม้จะเป็นในวันเดียวกัน ลูกหนี้ได้ทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้แก่เจ้าหนี้ กรณีก็ถือได้ว่าเจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้อยู่ก่อนแล้วในขณะที่มีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
ลูกหนี้มีเจ้าหนี้ถึง 9 ราย มีหนี้รวมกันเป็นจำนวนถึงสองล้านบาทเศษมากกว่าจำนวนทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่หลายเท่าตัว การที่ลูกหนี้นำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทไปทำสัญญาจดทะเบียนจำนองแก่เจ้าหนี้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เจ้าหนี้รายนี้แต่ผู้เดียวมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเพื่อชำระหนี้บ้าง ย่อมเป็นกรรมที่แสดงถึงเจตนาของลูกหนี้ว่ามุ่งหมายให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนการจำนองรายนี้
ลูกหนี้มีเจ้าหนี้ถึง 9 ราย มีหนี้รวมกันเป็นจำนวนถึงสองล้านบาทเศษมากกว่าจำนวนทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่หลายเท่าตัว การที่ลูกหนี้นำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทไปทำสัญญาจดทะเบียนจำนองแก่เจ้าหนี้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เจ้าหนี้รายนี้แต่ผู้เดียวมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเพื่อชำระหนี้บ้าง ย่อมเป็นกรรมที่แสดงถึงเจตนาของลูกหนี้ว่ามุ่งหมายให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนการจำนองรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3610/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสหลังหย่า การวินิจฉัยราคาที่ดินตามฟ้อง และการใช้ดุลพินิจของศาลในการคืนค่าธรรมเนียม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันและขอแบ่งสินสมรสหลายรายการ ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความแถลงตกลงกันในการแบ่งทรัพย์สินบางรายการ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดให้แบ่งทรัพย์สินที่ตกลงกันได้นั้นไปตามที่คู่ความตกลงกัน ส่วนรายการที่ตกลงกันไม่ได้ ศาลวินิจฉัยชี้ขาดไปตามพยานหลักฐานของคู่ความ ดังนี้ ศาลไม่อาจคืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์ได้ เพราะกรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าคดีได้เสร็จเด็ดขาดลงโดยสัญญาหรือการประนีประนอมยอมความที่จะทำให้ศาลมีอำนาจคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแก่คู่ความที่เกี่ยวข้องได้
การที่จะพิจารณาให้คู่ความใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินแปลงพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสมีราคา 9 ล้านบาทขอให้จำเลยแบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท จำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธว่าที่ดินแปลงพิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่ไม่ได้โต้เถียงในเรื่องราคาที่ดินและจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง จึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่าที่ดินแปลงพิพาทมีราคา 9 ล้านบาท
การที่จะพิจารณาให้คู่ความใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินแปลงพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสมีราคา 9 ล้านบาทขอให้จำเลยแบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท จำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธว่าที่ดินแปลงพิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่ไม่ได้โต้เถียงในเรื่องราคาที่ดินและจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง จึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่าที่ดินแปลงพิพาทมีราคา 9 ล้านบาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3610/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรส: ศาลฎีกาชี้ว่าหากจำเลยไม่โต้เถียงราคาที่ดินตามฟ้องโจทก์ ศาลต้องใช้ราคาตามที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันและขอแบ่งสินสมรสหลายรายการระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความแถลงตกลงกันในการแบ่งทรัพย์สินบางรายการ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดให้แบ่งทรัพย์สินที่ตกลงกันได้นั้นไปตามที่คู่ความตกลงกันส่วนรายการที่ตกลงกันไม่ได้ ศาลวินิจฉัยชี้ขาดไปตามพยานหลักฐานของคู่ความ ดังนี้ ศาลไม่อาจคืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์ได้ เพราะกรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าคดีได้เสร็จเด็ดขาดลงโดยสัญญาหรือการประนีประนอมยอมความที่จะทำให้ศาลมีอำนาจคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแก่คู่ความที่เกี่ยวข้องได้
การที่จะพิจารณาให้คู่ความใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินแปลงพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสมีราคา 9 ล้านบาทขอให้จำเลยแบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท จำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธว่าที่ดินแปลงพิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่ไม่ได้โต้เถียงในเรื่องราคาที่ดินและจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง จึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่าที่ดินแปลงพิพาทมีราคา 9 ล้านบาท
การที่จะพิจารณาให้คู่ความใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินแปลงพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสมีราคา 9 ล้านบาทขอให้จำเลยแบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท จำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธว่าที่ดินแปลงพิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่ไม่ได้โต้เถียงในเรื่องราคาที่ดินและจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง จึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่าที่ดินแปลงพิพาทมีราคา 9 ล้านบาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ: พยานหลักฐานสนับสนุนคำรับสารภาพต้องมีน้ำหนักพอสมควร หากไม่มีพยานหลักฐานอื่นประกอบ และจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณา ศาลไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์คงมีแต่พนักงานสอบสวนผู้สอบสวนคำให้การจำเลยมาเบิกความประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบประกอบคำรับดังกล่าว เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาและนำสืบปฏิเสธว่าคำรับดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ พยานโจทก์ยังไม่พอให้รับฟังลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3563/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีเช่าเรือ: โจทก์ไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าให้เช่าสังหาริมทรัพย์ ใช้บังคับอายุความ 5 ปี
โจทก์ประกอบกิจการสั่งสินค้าเข้าและส่งสินค้าออก ไม่เคยให้เช่าเรือหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์มาก่อน เมื่อจำเลยเช่าเรือจากโจทก์ โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ประกอบการค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ คดีฟ้องเรียกค่าเช่าเรือที่ค้างไม่ตกอยู่ในอายุความ 2 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(6) แต่เป็นคดีที่มี อายุความ 5 ปี ตาม มาตรา 166
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3547/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายกระป๋อง: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อส่งมอบสินค้าไม่ครบถ้วนตามสัญญา
โจทก์มีหน้าที่ต้องส่งกระป๋องให้แก่จำเลยให้ครบตามจำนวนและกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยในสัญญามิได้ระบุว่าแม้โจทก์จะยังส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบจำนวนโจทก์ก็มีสิทธิเรียกเก็บเงินจากจำเลยได้ ดังนี้ เมื่อโจทก์ส่งกระป๋องให้แก่จำเลยไม่ครบจำนวนตามที่จำเลยสั่งซื้อ โจทก์จึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยชำระราคาได้ การที่จำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญา โจทก์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยให้ครบจำนวนหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยจนครบจำนวน โจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3547/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายกระป๋อง: สิทธิในการเรียกร้องราคาขึ้นอยู่กับการส่งมอบสินค้าให้ครบถ้วน ผู้ขายผิดสัญญาหากส่งมอบไม่ครบ
โจทก์มีหน้าที่ต้องส่งกระป๋องให้แก่จำเลยให้ครบตามจำนวนและกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยในสัญญามิได้ระบุว่าแม้โจทก์จะยังส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบจำนวนโจทก์ก็มีสิทธิเรียกเก็บเงินจากจำเลยได้ ดังนี้ เมื่อโจทก์ส่งกระป๋องให้แก่จำเลยไม่ครบจำนวนตามที่จำเลยสั่งซื้อ โจทก์จึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยชำระราคาได้ การที่จำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญา โจทก์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยให้ครบจำนวนหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยจนครบจำนวน โจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3543/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแม้ผู้เสียหายไม่อยู่ในห้องยิง: พยายามฆ่าสำเร็จผล
บ้านของผู้เสียหายเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง 2 เมตร จำเลยยิงปืนไปที่ห้องนอน ป. บุตรผู้เสียหายเพราะเชื่อว่าผู้เสียหายนอนอยู่ในห้องนั้น กระสุนปืนถูกที่ฝาบ้านสูงจากพื้นบ้าน 1 เมตรดังนี้ แม้ขณะที่จำเลยยิง ผู้เสียหายและ ป. มิได้นอนอยู่ในห้องโดยลุกจากที่ที่ตนนอนมาแอบดูจำเลยที่หน้าต่างและฝาบ้าน การกระทำของจำเลยก็เป็นการยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าซึ่งกระทำไปตลอดแล้วแต่ไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3543/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแม้ผู้เสียหายไม่อยู่ในห้องขณะถูกยิง ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
บ้านของผู้เสียหายเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง 2 เมตรจำเลยยิงปืนไปที่ห้องนอน ป. บุตรผู้เสียหายเพราะเชื่อว่าผู้เสียหายนอนอยู่ในห้องนั้น กระสุนปืนถูกที่ฝาบ้านสูงจากพื้นบ้าน 1 เมตร ดังนี้ แม้ขณะที่จำเลยยิง ผู้เสียหายและ ป. มิได้นอนอยู่ในห้องโดยลุกจากที่ที่ตนนอนมาแอบดูจำเลยที่หน้าต่างและฝาบ้าน การกระทำของจำเลยก็เป็นการยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าซึ่งกระทำไปตลอดแล้วแต่ไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3490/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความข้อตกลงการถมถนนและการเว้นร่องน้ำ การละเมิดสิทธิเนื่องจากการถมดินเกินแนวอนุญาต
เดิมร่องน้ำพิพาทอยู่ในทางสาธารณะหน้าที่ดินโจทก์ก่อนที่ จำเลยที่ 1 กับพวกจะถมถนนขึ้นใหม่ ได้มีการ ทำบันทึกข้อตกลง ระหว่างคณะกรรมการสอบสวนของอำเภอฯ กับโจทก์และจำเลยที่ 1 ว่า ทางอำเภอฯอนุญาตให้จำเลยที่ 1 กับพวกทำถนนซึ่งเดิมเป็น ทางสาธารณะได้ และอนุญาตให้โจทก์ขุดร่องน้ำกว้าง 1 ศอก ทางด้านทิศตะวันออกของถนนที่จำเลยที่ 1 กับพวกทำขึ้นยาวตลอดแนวถนน โจทก์ย่อมนำสืบได้ว่าการที่ทางอำเภอฯอนุญาตให้ จำเลยที่ 1 กับพวกทำถนนขึ้นในทางสาธารณะเดิมนั้น จำเลยที่ 1 กับพวกจะต้องเว้นร่องน้ำหน้าที่ดินของโจทก์ไว้ จะทำถนนเต็ม ตามสภาพของทางสาธารณะเดิมไม่ได้ ซึ่งเป็นการนำสืบอธิบาย ให้เห็นความหมายของข้อความในบันทึกว่าที่อนุญาตให้โจทก์ ขุดร่องน้ำหมายความว่าจำเลยที่ 1 กับพวกจะต้องเว้นที่ไว้กว้าง 1 ศอก ตลอดแนวถนนด้านทิศตะวันออก เพื่อโจทก์จะได้ขุดที่ส่วนนี้ ทำเป็นร่องน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ของโจทก์ได้ต่อไปตามที่โจทก์ใช้มาแต่เดิม มิใช่หมายความว่าอนุญาตให้จำเลยที่ 1 กับพวก ถมดินให้เต็มเนื้อที่ทางสาธารณะที่มีมาแต่เดิม แล้วจึงอนุญาต ให้โจทก์มีสิทธิขุดดินที่จำเลยที่ 1 กับพวกถมแล้วออกเพื่อทำเป็นร่องน้ำ ข้อนำสืบของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94