คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปรานอม มหรรณพ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2977/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: การฟ้องคดีใหม่ที่มีประเด็นซ้ำกับฟ้องแย้งในคดีเดิม ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้
เดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523 อ้างว่า ป.ขายที่พิพาทให้แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนการซื้อขาย ป.ถึงแก่ความตายเสียก่อนขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองโอนที่พิพาทให้ โจทก์ทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่าป.ไม่เคยขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยบุกรุกเข้ามาและทำลายต้นไม้ในที่พิพาทเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ทั้งสองได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อปรากฏว่าฟ้องแย้งของโจทก์ทั้งสองเป็นเรื่องฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยตัดทำลายต้นไม้ในที่พิพาทโดยมิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่โจทก์ทั้งสองไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่พิพาทเพราะจำเลยบุกรุกเข้ามาก็ตาม แต่ก็ได้ความจากฟ้องแย้งว่า เมื่อจำเลยบุกรุกเข้ามาครอบครองที่พิพาทนั้นโจทก์ทั้งสองย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว ชอบที่โจทก์ทั้งสองจะได้เรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทมาในฟ้องแย้งเสียพร้อมกันในครั้งนั้น การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทจากจำเลยในคดีนี้อีก จึงเป็นการฟ้องซ้อนกับฟ้องแย้งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2977/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: คดีเดิมฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายแล้ว การฟ้องคดีใหม่เรียกค่าเสียหายซ้ำเป็นฟ้องซ้อน
เดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523 อ้างว่า ป. ขายที่พิพาทให้แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนการซื้อขาย ป.ถึงแก่ความตายเสียก่อน ขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองโอนที่พิพาทให้ โจทก์ทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า ป.ไม่เคยขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยบุกรุกเข้ามาและทำลายต้นไม้ในที่พิพาทเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ทั้งสองได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อปรากฏว่าฟ้องแย้งของโจทก์ทั้งสองเป็นเรื่องฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยตัดทำลายต้นไม้ในที่พิพาทโดยมิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่โจทก์ทั้งสองไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่พิพาทเพราะจำเลยบุกรุกเข้ามาก็ตาม แต่ก็ได้ความจากฟ้องแย้งว่า เมื่อจำเลยบุกรุกเข้ามาครอบครองที่พิพาทนั้นโจทก์ทั้งสองย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว ชอบที่โจทก์ทั้งสองจะได้เรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทมาในฟ้องแย้งเสียพร้อมกันในครั้งนั้น การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทจากจำเลยในคดีนี้อีก จึงเป็นการฟ้องซ้อนกับฟ้องแย้งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2972/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม จึงไม่สามารถรวมพิจารณาได้
ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าปรับและใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยก็ต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทแล้ว การที่จำเลยจะต้องออกไปจากอาคารพิพาทหรือไม่ ยังไม่เป็นที่แน่นอนโดยจะต้องรอจนคำพิพากษาขับไล่จำเลยตามฟ้องเดิมเสียก่อน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2828/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้รับจ้างและผู้ว่าจ้างในการดูแลรักษาสิ่งก่อสร้างระหว่างการพิจารณาคดี และขอบเขตคำสั่งศาล
โจทก์ฟ้องให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างก่อสร้างอาคาร จำเลยให้การว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา เมื่อตามสัญญาระบุให้สิ่งก่อสร้างรวมทั้งสัมภาระอุปกรณ์ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยผู้ว่าจ้างตั้งแต่นำเข้ามาในที่ก่อสร้าง จำเลยจึงมีส่วนได้เสียในอาคารพิพาท หากอาคารถูกปล่อยปละละเลยไม่มีผู้ดูแลรักษา ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์ส่วนได้เสียของจำเลย แม้จำเลยมิได้ฟ้องแย้งให้โจทก์ส่งมอบอาคาร จำเลยก็มีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยในระหว่างการพิจารณา เพื่อให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ดูแลรักษาอาคารในระหว่างการพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 264 เมื่อโจทก์หยุดการก่อสร้างไปแล้ว และการที่จะให้จำเลยเข้าดูแลรักษาอาคารไม่กระทบถึงสิทธิส่วนได้เสียของโจทก์ ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยเข้าเป็นผู้ดูแลรักษาอาคารพิพาทในระหว่างพิจารณา แต่ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยเข้าดำเนินการทำประโยชน์และครอบครองอาคารโดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งและมีคำขอบังคับเช่นนั้น จึงไม่ชอบด้วย มาตรา 264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754-2755/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องคืนมันสำปะหลังที่ลักไปเท่านั้น ศาลไม่อนุญาตให้ชดใช้ด้วยการขุดมันสำปะหลังในไร่ของจำเลย
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์คือมันสำปะหลังให้โจทก์ร่วมหมายถึงมันสำปะหลังที่จำเลยลักเอาไปจากโจทก์ร่วมเท่านั้น แม้โดยสภาพมันสำปะหลังจะเป็นสังกมทรัพย์จำเลยก็ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับโจทก์ร่วมไปขุดมันสำปะหลังจากไร่ของจำเลย เมื่อจำเลยไม่คืนมันสำปะหลังที่ลักเอาไปให้โจทก์ร่วมตามคำบังคับ โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754-2755/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: คืนทรัพย์ที่ลักไปเท่านั้น, ไม่อาจบังคับให้ขุดของจากที่ดินผู้อื่นได้
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์คือมันสำปะหลังให้โจทก์ร่วมหมายถึงมันสำปะหลังที่จำเลยลักเอาไปจากโจทก์ร่วมเท่านั้น แม้โดยสภาพมันสำปะหลังจะเป็นสังกมทรัพย์จำเลยก็ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับโจทก์ร่วมไปขุดมันสำปะหลังจากไร่ของจำเลย เมื่อจำเลยไม่คืนมันสำปะหลังที่ลักเอาไปให้โจทก์ร่วมตามคำบังคับ โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจในการยื่นคำร้องขอคืนของกลางต้องระบุชัดเจนในหนังสือมอบอำนาจ การมอบอำนาจให้รับของกลางจากพนักงานสอบสวนไม่ครอบคลุมถึงการดำเนินคดีต่อศาล
หนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้องมีข้อความว่า ".....ให้มีอำนาจในการขอรับเอารถยนต์ไถนาคันดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนได้....ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้รับรถไถจากพนักงานสอบสวน มิได้มีการมอบอำนาจให้มายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอคืนรถไถของกลาง เมื่อ ก. เจ้าของรถไถมิได้มอบอำนาจให้ ค. ยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอรถไถของกลางคืน ค. จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องร้องขอคืนของกลาง: หนังสือมอบอำนาจต้องระบุชัดเจนถึงการดำเนินคดีต่อศาล
หนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้องมีข้อความว่า.'.....ให้มีอำนาจในการขอรับเอารถยนต์ไถนาคันดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนได้....ฯลฯ' เป็นการมอบอำนาจให้รับรถไถจากพนักงานสอบสวนมิได้มีการมอบอำนาจให้มายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอคืนรถไถของกลาง เมื่อ ก. เจ้าของรถไถมิได้มอบอำนาจให้ ค. ยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอรถไถของกลางคืน ค. จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ไถ่ถอนจำนองตามคำพิพากษา: จำเลยต้องปฏิบัติตามก่อนโจทก์ ไม่ถือว่าไม่มีวิธีบังคับคดีอื่น
ถึงแม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 736,737 บัญญัติให้สิทธิผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองจะไถ่ถอนจำนองได้ แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายในส่วนสารบัญญัติ ไม่ใช่บทกฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับคดี ทั้งไม่มีบทบัญญัติให้นำมาใช้ในการบังคับคดีได้และตามคำพิพากษาก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องทำการไถ่ถอนจำนองที่พิพาทเสียก่อนแล้วจึงโอนให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนอง หาใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะทำการไถ่ถอนจำนองเองไม่ ดังนั้น เมื่อจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับซึ่งออกบังคับเอาแก่จำเลยจึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่ไม่มีวิธีบังคับอื่นใดที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะพึงใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297(2)ศาลมีอำนาจที่จะกักขังจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโฆษณาประกาศจับผู้ถูกออกหมายจับ แม้เป็นความจริง แต่เป็นการหมิ่นประมาทหากไม่จำเป็นและใส่ความในเรื่องส่วนตัว
จำเลยนำข้อความไปลงในหนังสือพิมพ์รายวันว่า 'ประกาศจับ ส. (โจทก์)ในข้อหาหรือฐานความผิดยักยอกทรัพย์ ผู้ใดพบเห็นหรือชี้แนะได้ให้นำส่งสถานีตำรวจ ช. (ผู้เสียหาย)' และลงรูปโจทก์ไว้ข้างข้อความดังกล่าวโดยปรากฏว่าขณะจำเลยนำข้อความตามฟ้องและรูปโจทก์ไปลงโฆษณานั้น จำเลย ก็ทราบว่าโจทก์รับราชการมีที่อยู่ที่แน่นอน ซึ่งจำเลย อาจนำเจ้าพนักงานไปจับกุมโจทก์ตามหมายจับได้โดยง่ายไม่มีความจำเป็นต้องลงโฆษณาประกาศจับทางหนังสือพิมพ์และข้อความที่ลงโฆษณาย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง เรื่องที่จำเลยลงโฆษณาก็เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน แม้พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับโจทก์จริง การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
of 27