พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อ ผู้เอาประกันภัยมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเหตุรถคว่ำ แม้เกิดจากความขัดข้องของรถ
โจทก์ในฐานะผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะยึดถือครอบครองและใช้ประโยชน์ในรถยนต์คันพิพาท ตลอดจนมีหน้าที่ดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี เมื่อรถยนต์เกิดความเสียหายขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ๆ โจทก์ต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระจนครบ เมื่อได้ใช้เงินให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว รถยนต์ก็ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ทั้งโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยไว้แก่จำเลยโดยตรง โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า "การชน : บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจาก : การชนหรือคว่ำหรือไฟไหม้อันเกิดจากการชนหรือคว่ำ" ย่อมคุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถคว่ำด้วย โดยไม่ได้จำกัดว่าการคว่ำนั้นเกิดเพราะเหตุใด เมื่อปรากฏว่ารถยนต์คันพิพาทเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า "การชน : บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจาก : การชนหรือคว่ำหรือไฟไหม้อันเกิดจากการชนหรือคว่ำ" ย่อมคุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถคว่ำด้วย โดยไม่ได้จำกัดว่าการคว่ำนั้นเกิดเพราะเหตุใด เมื่อปรากฏว่ารถยนต์คันพิพาทเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ-ผู้เอาประกันภัย กรณีรถยนต์คว่ำ และขอบเขตความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย
โจทก์ในฐานะผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะยึดถือครอบครองและใช้ประโยชน์ในรถยนต์คันพิพาท ตลอดจนมีหน้าที่ดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี เมื่อรถยนต์เกิดความเสียหายขึ้นไม่ว่าในกรณีใดๆโจทก์ต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระจนครบเมื่อได้ใช้เงินให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว รถยนต์ก็ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ทั้งโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยไว้แก่จำเลยโดยตรง โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า 'การชน ย. บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจาก ย.การชนหรือคว่ำหรือไฟไหม้อันเกิดจากการชนหรือคว่ำ' ย่อมคุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถคว่ำด้วย โดยไม่ได้จำกัดว่าการคว่ำนั้นเกิดเพราะเหตุใด เมื่อปรากฏว่ารถยนต์คันพิพาทเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า 'การชน ย. บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจาก ย.การชนหรือคว่ำหรือไฟไหม้อันเกิดจากการชนหรือคว่ำ' ย่อมคุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถคว่ำด้วย โดยไม่ได้จำกัดว่าการคว่ำนั้นเกิดเพราะเหตุใด เมื่อปรากฏว่ารถยนต์คันพิพาทเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหารและการอุทธรณ์คำพิพากษาภายใต้คำสั่งคณะปฏิรูปฯ
จำเลยที่ 2 ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลทหาร ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 29ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2519 ข้อ 1 จำเลยที่ 2 จึงอุทธรณ์มิได้ประการหนึ่งอีกประการหนึ่งศาลอุทธรณ์เป็นศาลยุติธรรมพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 2 ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร จำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิคำพิพากษาของศาลทหารต่อศาลอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาบริษัท: พิจารณาจากสำนักงานบริหารกิจการจริง ไม่ใช่ที่จดทะเบียน
เพียงแต่ปรากฏตามทะเบียนว่าที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครจะถือเป็นภูมิลำเนาของบริษัทจำเลยเสมอไปหาได้ไม่ ต้องถือตามถิ่นอันเป็นที่ตั้งสำนักงานบริหารกิจการของนิติบุคคลนั้นตามความเป็นจริง
บริษัทจำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และมีโรงงานผลิตน้ำตาลของบริษัทแห่งเดียวตั้งอยู่ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีจำเลยเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ณ เลขที่ 99 หมู่ 3ตำบลหนองโอ่งอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ดังที่โจทก์ระบุในคำฟ้องว่าเป็นที่อยู่ของจำเลย การส่งหมายเรียกของเจ้าพนักงานศาล ณ ที่อยู่ดังกล่าวก็พบกรรมการบริษัทจำเลยจึงได้ปิดหมายไว้แสดงว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งสำนักงานบริหารกิจการของบริษัทจำเลยคือสถานที่ซึ่งบริษัทประชุมผู้ถือหุ้นอันเป็นสำนักทำการของบริษัทจำเลย จึงถือได้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของบริษัทจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 68
เมื่อบริษัทจำเลยมีที่ตั้งทำการอันถือได้ว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
บริษัทจำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และมีโรงงานผลิตน้ำตาลของบริษัทแห่งเดียวตั้งอยู่ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีจำเลยเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ณ เลขที่ 99 หมู่ 3ตำบลหนองโอ่งอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ดังที่โจทก์ระบุในคำฟ้องว่าเป็นที่อยู่ของจำเลย การส่งหมายเรียกของเจ้าพนักงานศาล ณ ที่อยู่ดังกล่าวก็พบกรรมการบริษัทจำเลยจึงได้ปิดหมายไว้แสดงว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งสำนักงานบริหารกิจการของบริษัทจำเลยคือสถานที่ซึ่งบริษัทประชุมผู้ถือหุ้นอันเป็นสำนักทำการของบริษัทจำเลย จึงถือได้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของบริษัทจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 68
เมื่อบริษัทจำเลยมีที่ตั้งทำการอันถือได้ว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาบริษัท: พิจารณาจากสำนักงานบริหารกิจการตามความเป็นจริง ไม่ใช่ที่จดทะเบียน
เพียงแต่ปรากฏตามทะเบียนว่าที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครจะถือเป็นภูมิลำเนาของบริษัทจำเลยเสมอไปหาได้ไม่ ต้องถือตามถิ่นอันเป็นที่ตั้งสำนักงานบริหารกิจการของนิติบุคคลนั้นตามความเป็นจริง
บริษัทจำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และมีโรงงานผลิตน้ำตาลของบริษัทแห่งเดียวตั้งอยู่ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี บริษัทจำเลยเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ณ เลขที่ 99 หมู่ 3ตำบลหนองโอ่งอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ดังที่โจทก์ระบุในคำฟ้องว่าเป็นที่อยู่ของจำเลย การส่งหมายเรียกของเจ้าพนักงานศาล ณ ที่อยู่ดังกล่าวก็พบกรรมการบริษัทจำเลยจึงได้ปิดหมายไว้แสดงว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งสำนักงานบริหารกิจการของบริษัทจำเลยคือสถานที่ซึ่งบริษัทประชุมผู้ถือหุ้นอันเป็นสำนักทำการของบริษัทจำเลย จึงถือได้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของบริษัทจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 68
เมื่อบริษัทจำเลยมีที่ตั้งทำการอันถือได้ว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
บริษัทจำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และมีโรงงานผลิตน้ำตาลของบริษัทแห่งเดียวตั้งอยู่ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี บริษัทจำเลยเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ณ เลขที่ 99 หมู่ 3ตำบลหนองโอ่งอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ดังที่โจทก์ระบุในคำฟ้องว่าเป็นที่อยู่ของจำเลย การส่งหมายเรียกของเจ้าพนักงานศาล ณ ที่อยู่ดังกล่าวก็พบกรรมการบริษัทจำเลยจึงได้ปิดหมายไว้แสดงว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งสำนักงานบริหารกิจการของบริษัทจำเลยคือสถานที่ซึ่งบริษัทประชุมผู้ถือหุ้นอันเป็นสำนักทำการของบริษัทจำเลย จึงถือได้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของบริษัทจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 68
เมื่อบริษัทจำเลยมีที่ตั้งทำการอันถือได้ว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรมธรรม์ประกันภัย: การคุ้มครองผู้ขับขี่ที่ใบอนุญาตขาดต่ออายุ ไม่ถือเป็นผู้ไม่ได้รับอนุญาตขับรถ
ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุว่าไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ตามกฎหมาย หรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในขณะเกิดเหตุ ปรากฏว่าคนขับรถยนต์ของโจทก์เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขับรถยนต์ได้ แต่ขณะเกิดเหตุขับรถไปชนผู้อื่น ขาดต่ออายุใบอนุญาต ดังนี้ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าวข้างต้นจำเลยผู้รับประกันภัยไม่พ้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถมที่ดินเพื่อจัดสรรและการระบายน้ำ การกระทำไม่ถือเป็นการละเมิดหากเกิดจากเหตุสุดวิสัย
โจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 มีที่ดินอยู่ใกล้เคียงกันโดยมีลำเหมืองสาธารณะคั่นกลาง การที่จำเลยที่ 2 ถมที่ดินของตนซึ่งเดิมมีระดับต่ำกว่าที่ดินของโจทก์ที่ 2ให้มีระดับใกล้เคียงกันย่อมเป็นสิทธิโดยชอบที่จะกระทำ ได้ แม้จำเลยที่ 2 จะถมลำเหมืองสาธารณะเป็นบางส่วนด้วย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการที่เกิดน้ำท่วมที่ดินของโจทก์ที่ 2 ซึ่งโจทก์ ที่ 1 เป็นผู้ทำประโยชน์เป็นผลโดยตรงจากการที่ฝนตกหนัก3วันติดต่อกัน การกระทำดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถมที่ดินเพื่อจัดสรรและการระบายน้ำ การกระทำไม่ถือเป็นการละเมิดหากน้ำท่วมเกิดจากปัจจัยภายนอก
โจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 มีที่ดินอยู่ใกล้เคียงกันโดยมีลำเหมืองสาธารณะคั่นกลาง การที่จำเลยที่ 2 ถมที่ดินของตนซึ่งเดิมมีระดับต่ำกว่าที่ดินของโจทก์ที่ 2 ให้มีระดับใกล้เคียงกันย่อมเป็นสิทธิโดยชอบที่จะกระทำได้ แม้จำเลยที่ 2 จะถมลำเหมืองสาธารณะเป็นบางส่วนด้วย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการที่เกิดน้ำท่วมที่ดินของโจทก์ที่ 2 ซึ่งโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ทำประโยชน์เป็นผลโดยตรงจากการที่ฝนตกหนัก 3 วันติดต่อกัน การกระทำดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของนิติบุคคลในการเช่าทรัพย์สินเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ และอำนาจฟ้องคดีสัญญาเช่า
กรมชลประทานซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของครอบครองและดูแลรักษาทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ของกรมชลประทานได้ การที่กรมชลประทานเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าในเวลาที่กรมชลประทานยังไม่จำเป็นต้องใช้ ย่อมเป็นการกระทำในการดูแลทรัพย์สินของทางราชการเอาไว้ไม่ให้ผู้อื่นแย่งการครอบครองเอาไปโดยมิชอบ โดยไม่ปรากฏว่าผิดต่อวัตถุประสงค์ของกรมชลประทาน เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญากับกรมชลประทานและเป็นผู้ปฏิบัติผิดสัญญาเช่านั้น กรมชลประทานย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรมชลประทานมีอำนาจให้เช่าที่ดินเพื่อรักษาทรัพย์สิน ไม่ผิดวัตถุประสงค์ แม้ยังมิได้ใช้ประโยชน์
กรมชลประทานซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของครอบครองและดูแลรักษาทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้ตาม วัตถุประสงค์ของกรมชลประทานได้ การที่กรมชลประทานเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าในเวลาที่กรมชลประทานยังไม่จำเป็นต้องใช้ ย่อมเป็นการกระทำในการดูแลทรัพย์สินของทางราชการเอาไว้ไม่ให้ผู้อื่นแย่งการครอบครองเอาไปโดยมิชอบโดยไม่ปรากฏว่าผิดต่อวัตถุประสงค์ของกรมชลประทาน เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญากับกรมชลประทานและเป็นผู้ปฏิบัติผิดสัญญาเช่านั้น กรมชลประทานย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย