พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คและสิทธิของผู้ทรง ผู้สั่งจ่ายไม่สามารถต่อสู้ได้หากไม่มีเจตนาฉ้อฉล
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ซึ่งได้รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ทรงคนก่อนจึงมีฐานะเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย ในกรณีเช่นนี้จำเลยผู้ถูกฟ้องในมูลเช็คพิพาท หาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ไม่เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989
โจทก์ฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรับผิดชำระเงินตามเช็คซึ่งโจทก์ในฐานะเป็นผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยให้การว่า จำเลยนำเช็คพิพาทไปเล่นการพนันไฮโลว์อันเป็นการพนันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้เสียเช็คพิพาทให้แก่ ต. ซึ่งเป็นเจ้ามือโดยมีข้อตกลงว่าจะไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่จะรอให้ผู้สั่งจ่ายนำเงินสดมาแลกเช็คคืนไป โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้ คำให้การของจำเลยเพียงแต่กล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับ ต. ผู้ทรงคนก่อนเท่านั้น หาได้กล่าวถึงว่าโจทก์กับ ต. ได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยไม่ จำเลยย่อมไม่มีประเด็นสืบ จำเลยซึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ศาลล่างทั้งสองให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรับผิดชำระเงินตามเช็คซึ่งโจทก์ในฐานะเป็นผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยให้การว่า จำเลยนำเช็คพิพาทไปเล่นการพนันไฮโลว์อันเป็นการพนันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้เสียเช็คพิพาทให้แก่ ต. ซึ่งเป็นเจ้ามือโดยมีข้อตกลงว่าจะไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่จะรอให้ผู้สั่งจ่ายนำเงินสดมาแลกเช็คคืนไป โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้ คำให้การของจำเลยเพียงแต่กล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับ ต. ผู้ทรงคนก่อนเท่านั้น หาได้กล่าวถึงว่าโจทก์กับ ต. ได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยไม่ จำเลยย่อมไม่มีประเด็นสืบ จำเลยซึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ศาลล่างทั้งสองให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ การโอนเช็คและการต่อสู้สิทธิของผู้ทรง
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ซึ่งได้รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ทรงคนก่อนจึงมีฐานะเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย ในกรณีเช่นนี้จำเลยผู้ถูกฟ้องในมูลเช็คพิพาทหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ไม่เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989
โจทก์ฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรับผิดชำระเงินตามเช็คซึ่งโจทก์ในฐานะเป็นผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้จำเลยให้การว่า จำเลยนำเช็คพิพาทไปเล่นการพนันไฮโลว์อันเป็นการพนันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้เสียเช็คพิพาทให้แก่ ต. ซึ่งเป็นเจ้ามือโดยมีข้อตกลงว่าจะไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงินแต่จะรอให้ผู้สั่งจ่ายนำเงินสดมาแลกเช็คคืนไป โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้คำให้การของจำเลยเพียงแต่กล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับ ต.ผู้ทรงคนก่อนเท่านั้นหาได้กล่าวถึงว่าโจทก์กับต.ได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยไม่จำเลยย่อมไม่มีประเด็นสืบจำเลยซึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ศาลล่างทั้งสองให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรับผิดชำระเงินตามเช็คซึ่งโจทก์ในฐานะเป็นผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้จำเลยให้การว่า จำเลยนำเช็คพิพาทไปเล่นการพนันไฮโลว์อันเป็นการพนันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้เสียเช็คพิพาทให้แก่ ต. ซึ่งเป็นเจ้ามือโดยมีข้อตกลงว่าจะไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงินแต่จะรอให้ผู้สั่งจ่ายนำเงินสดมาแลกเช็คคืนไป โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้คำให้การของจำเลยเพียงแต่กล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับ ต.ผู้ทรงคนก่อนเท่านั้นหาได้กล่าวถึงว่าโจทก์กับต.ได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยไม่จำเลยย่อมไม่มีประเด็นสืบจำเลยซึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ศาลล่างทั้งสองให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกันส่วนทรัพย์สินที่ถูกริบในคดีอาญา: กรอบเวลาตาม ป.อ.ม.36 มิใช่ตาม ป.วิ.พ.
เจ้าของร่วมในทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบ และไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ขอให้กันส่วนของตนให้กึ่งหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นกรณีที่เจ้าของอันแท้จริงขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบตาม ป.อ. ม.36. จึงต้องกระทำต่อศาลภายใน 1 ปี นับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด มิใช่ภายใน 14 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดเพราะการขายทอดตลาดทรัพย์สินของกลางที่ถูกริบในคดีอาญา หาใช่เป็นการขายทอดตลาดทรัพย์สินในการบังคับคดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3944/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาค้ำประกัน: 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 แม้มิได้มีกฎหมายกำหนดอายุความโดยเฉพาะ
การฟ้องให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3944/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีค้ำประกัน - ไม่ปรากฏกฎหมายกำหนดใช้ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
การฟ้องให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทหลังเลิกสัญญาเช่าซื้อ: ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้ทำเช็ค
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์แต่แล้วผิดสัญญา เจ้าของยึดรถคืนเมื่อจำเลยได้ออกเช็คพิพาทชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างก่อนเลิกสัญญาเช่าซื้อ และเจ้าของรถสลักหลังเช็คให้โจทก์ก่อนบอกเลิกสัญญา โจทก์ได้รับโอนเช็คมาเป็นการชำระหนี้จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3929/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของคำฟ้องอาญา: การบรรยายหน้าที่และการกระทำของจำเลยเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
คำฟ้องโจทก์ตอนต้นได้บรรยายถึงวันเวลาเกิดเหตุ แล้วบรรยายถึงหน้าที่และการกระทำของจำเลยว่า ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์ร่วมจำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานขายของตามหน้าที่ ได้ร่วมกันเบียดบังยักยอกเงินจำนวน 898,914.76 บาท ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยเสียโดยทุจริตแล้วบรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุคำบรรยายฟ้องเช่นนี้ จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไรถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าเงินที่ถูกยักยอกไปเป็นเงินของแผนกใด และเบียดบังเอาเงินไปโดยวิธีการอย่างใด ฟ้องโจทก์ก็หาเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3929/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาฐานยักยอกทรัพย์ไม่เคลือบคลุม แม้รายละเอียดบางส่วนขาดหายไป ศาลต้องพิจารณาเนื้อหาตามข้อกล่าวหา
คำฟ้องโจทก์ตอนต้นได้บรรยายถึงวันเวลาเกิดเหตุ แล้วบรรยายถึงหน้าที่และการกระทำของจำเลยว่า ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์ร่วมจำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และจำเลยที่3 เป็นพนักงานขายของตามหน้าที่ ได้ร่วมกันเบียดบังยักยอกเงินจำนวน 898,914.76 บาท ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยเสียโดยทุจริตแล้วบรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุคำบรรยายฟ้องเช่นนี้ จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไร ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าเงินที่ถูกยักยอกไปเป็นเงินของแผนกใด และเบียดบังเอาเงินไปโดยวิธีการอย่างใด ฟ้องโจทก์ก็หาเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3859/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกรรมการมัสยิด และการขอออกโฉนดที่ดินโดยการฟ้องห้ามขัดขวาง
ปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมตามที่จำเลยให้การต่อสู้นั้นศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านหรือโต้เถียงเป็นประเด็นในคำแก้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็มิได้ยกขึ้นวินิจฉัย จำเลยจะยกเป็นข้อฎีกาอีกหาได้ไม่
ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 9 ให้กรรมการมัสยิดมีหน้าที่จัดการทั่วไปในกิจการและทรัพย์สินของมัสยิดในการดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดให้เป็นไปตามเสียงข้างมากการฟ้องคดีก็เป็นการจัดการทรัพย์สินของมัสยิดอย่างหนึ่ง เมื่อกรรมการมัสยิดเสียงข้างมากมีมติให้ประธานกรรมการฟ้องคดีนี้ ประธานกรรมการมัสยิดโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนมัสยิดโจทก์ได้โดยไม่จำต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอีก
ศาลพิพากษาห้ามจำเลยขัดขวางการขอออกโฉนดที่พิพาทของโจทก์ได้ แต่จะให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาของจำเลยว่าไม่ขัดขวางไม่ได้เพราะไม่ใช่กรณีที่ศาลบังคับจำเลยให้กระทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 9 ให้กรรมการมัสยิดมีหน้าที่จัดการทั่วไปในกิจการและทรัพย์สินของมัสยิดในการดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดให้เป็นไปตามเสียงข้างมากการฟ้องคดีก็เป็นการจัดการทรัพย์สินของมัสยิดอย่างหนึ่ง เมื่อกรรมการมัสยิดเสียงข้างมากมีมติให้ประธานกรรมการฟ้องคดีนี้ ประธานกรรมการมัสยิดโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนมัสยิดโจทก์ได้โดยไม่จำต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอีก
ศาลพิพากษาห้ามจำเลยขัดขวางการขอออกโฉนดที่พิพาทของโจทก์ได้ แต่จะให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาของจำเลยว่าไม่ขัดขวางไม่ได้เพราะไม่ใช่กรณีที่ศาลบังคับจำเลยให้กระทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3848/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีการค้าจากการขายที่ดิน: การขายสมบัติเก่า vs. การค้าหากำไร, การส่งหนังสือแจ้งประเมินทางไปรษณีย์
การส่งหมายเรียกหรือหนังสืออื่นถึงบุคคลใดเกี่ยวกับภาษีอากรฝ่ายสรรพากร โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตามประมวลรัษฎากรมาตรา 8 วรรคแรกนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติวิธีการส่งไว้อย่างในกรณีที่มีผู้นำส่ง แต่ย่อมเห็นได้ว่าพนักงานไปรษณีย์ผู้นำส่งจะต้องส่งให้แก่ผู้รับหรือบุคคลที่อยู่ในบ้านหรือสำนักงานของผู้รับตามที่ผู้ส่งได้จ่าหน้าซองไว้จึงจะถือได้ว่าเป็นการส่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นถ้าปรากฏว่าผู้ที่พนักงานไปรษณีย์ให้ลงลายมือชื่อรับหนังสือไว้แทนโจทก์ไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในบ้านโจทก์ ก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับหนังสือในวันดังกล่าวต้องถือเอาวันที่โจทก์ได้รับจริง
โจทก์ได้รับกรรมสิทธิ์ที่ดินรายนี้มาโดยการรับจำนองและจดทะเบียนหลุดเป็นสิทธิตั้งแต่ พ.ศ. 2466 แล้วได้ครอบครองทำนาทำสวนตลอดมาเป็นเวลา 35 ปี จึงได้แบ่งเป็นแปลงเล็ก ๆ เพื่อสะดวกในการขายและให้ได้ราคาดีขึ้นแสดงว่าโจทก์มิได้มีเจตนามาก่อนเลยว่าจะนำที่ดินแปลงนี้มาจัดสรรขาย การที่โจทก์รับจำนองไว้ก็เพื่อหวังจะได้ดอกเบี้ยไม่ได้หวังจะได้ที่ดินมาเพื่อทำการค้าแต่อย่างใด และโจทก์เพิ่งขายไปหลังจากได้กรรมสิทธิ์มาถึง 47 ปีเศษ การขายที่ดินของโจทก์เช่นนี้จึงเป็นการขายสมบัติเก่าในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่เป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรมาตรา 78 และบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11
โจทก์ได้รับกรรมสิทธิ์ที่ดินรายนี้มาโดยการรับจำนองและจดทะเบียนหลุดเป็นสิทธิตั้งแต่ พ.ศ. 2466 แล้วได้ครอบครองทำนาทำสวนตลอดมาเป็นเวลา 35 ปี จึงได้แบ่งเป็นแปลงเล็ก ๆ เพื่อสะดวกในการขายและให้ได้ราคาดีขึ้นแสดงว่าโจทก์มิได้มีเจตนามาก่อนเลยว่าจะนำที่ดินแปลงนี้มาจัดสรรขาย การที่โจทก์รับจำนองไว้ก็เพื่อหวังจะได้ดอกเบี้ยไม่ได้หวังจะได้ที่ดินมาเพื่อทำการค้าแต่อย่างใด และโจทก์เพิ่งขายไปหลังจากได้กรรมสิทธิ์มาถึง 47 ปีเศษ การขายที่ดินของโจทก์เช่นนี้จึงเป็นการขายสมบัติเก่าในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่เป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรมาตรา 78 และบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11