พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3371/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกหนี้เนื่องจากประพฤติผิดวินัยร้ายแรงจากการกู้ยืมเงินลูกค้าโดยอาศัยอำนาจหน้าที่
จำเลยประกอบกิจการธนาคาร มีคำสั่งห้ามพนักงานกระทำการเบียดเบียนลูกค้า โจทก์เป็นพนักงานสินเชื่อซึ่งอำนาจหน้าที่ ของโจทก์มีส่วนเป็นคุณและเป็นโทษแก่ลูกค้าได้ โจทก์กู้ยืมเงินลูกค้าถึง 14 ราย เป็นเงิน 37,700 บาท หากโจทก์มีความจำเป็นต้องใช้เงินโดยสุจริตก็อาจกู้ยืมเพียงรายหนึ่งหรือสองรายก็น่าจะได้เงินพอกับจำนวนที่ต้องการ การกระทำของโจทก์จึงเป็นการเบียดเบียนลูกค้าโดยอาศัยอำนาจหน้าที่และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยอันเป็น กรณีร้ายแรง จำเลยมีอำนาจเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3371/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกหนี้ที่กู้ยืมเงินลูกค้าโดยมิชอบ นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
จำเลยประกอบกิจการธนาคาร มีคำสั่งห้ามพนักงานกระทำการเบียดเบียนลูกค้า โจทก์เป็นพนักงานสินเชื่อซึ่งอำนาจหน้าที่ ของโจทก์มีส่วนเป็นคุณและเป็นโทษแก่ลูกค้าได้ โจทก์ กู้ยืมเงินลูกค้าถึง 14 ราย เป็นเงิน 37,700 บาท หากโจทก์มีความจำเป็นต้องใช้เงินโดยสุจริตก็อาจกู้ยืม เพียงรายหนึ่งหรือสองรายก็น่าจะได้เงินพอกับจำนวนที่ ต้องการ การกระทำของโจทก์จึงเป็นการเบียดเบียนลูกค้าโดย อาศัยอำนาจหน้าที่และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยอันเป็น กรณีร้ายแรง จำเลยมีอำนาจเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่าย ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากและการส่งมอบตั๋วเงินเป็นหลักฐาน ไม่ถือเป็นการโอนตั๋วเงินต้องสลักหลัง
หนี้ที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้เป็นหนี้เงินฝาก โดยมีตั๋วเงิน เป็นหลักฐานแห่งหนี้ สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้โอนให้แก่ ธนาคาร ก. จึงเป็นสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากดังกล่าว แม้เจ้าหนี้จะได้มอบตั๋วเงินซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้ แก่ธนาคาร ก. ไปพร้อมกับการทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ก็ไม่เป็นการโอนตั๋วเงินอันจะต้องมีการสลักหลังตั๋วเงิน นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากและผลของการมอบตั๋วเงินโดยไม่สลักหลัง
หนี้ที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้เป็นหนี้เงินฝาก โดยมีตั๋วเงินเป็นหลักฐานแห่งหนี้ สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้โอนให้แก่ ธนาคาร ก. จึงเป็นสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากดังกล่าว แม้เจ้าหนี้จะได้มอบตั๋วเงินซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้แก่ธนาคาร ก. ไปพร้อมกับการทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ก็ไม่เป็นการโอนตั๋วเงินอันจะต้องมีการสลักหลังตั๋วเงิน นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3333/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความและการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
หากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ผู้ร้องก็จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเพื่อใช้แทนผู้ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้อง ชำระเกี่ยวกับคำฟ้องอุทธรณ์ที่ผู้ร้องยื่นต่อศาลนั้น ผู้ร้องก็ยังไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องชำระในชั้นนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระก่อนจึงค่อยกำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ แทนที่ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นางส.ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้เป็นมารดา ทรัพย์สินที่อาจได้มาตามคำพิพากษาซึ่งจะตกได้แก่ผู้ร้องก็จะเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง มิใช่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับสามี กรณีจึงมิใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องเข้า ไปจัดการ สินสมรสอันจะต้องจัดการร่วมกับสามี หรือต้องได้รับความยินยอมจากสามีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476,1477, และ 1478
นางส.ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้เป็นมารดา ทรัพย์สินที่อาจได้มาตามคำพิพากษาซึ่งจะตกได้แก่ผู้ร้องก็จะเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง มิใช่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับสามี กรณีจึงมิใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องเข้า ไปจัดการ สินสมรสอันจะต้องจัดการร่วมกับสามี หรือต้องได้รับความยินยอมจากสามีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476,1477, และ 1478
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจติดยาชิงทรัพย์ยิงคนตาย ศาลฎีกายืนประหารชีวิต เหตุรับสารภาพเพราะหลักฐาน ไม่ใช่สำนึกผิด
จำเลยเป็นตำรวจติดเฮโรอีน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ และยิงเข้าไปในร้านค้าทองในเวลากลางวัน ถูกคนในร้านถึงตาย ถูกจับในวันเดียวกัน และค้นได้ของกลางที่บ้านบิดาจำเลย เหตุที่จำเลยยอมรับสารภาพก็เพราะจำนนต่อหลักฐาน หาใช่เพราะสำนึกผิดและเพื่อบรรเทาผลร้ายไม่ จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3220/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดคนต่างด้าวเข้าเมือง: อายุความ, กฎหมายเก่า, และความผิดต่อเนื่อง
จำเลยเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่ พ.ศ.2489ซึ่งในขณะนั้นใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2480 พระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติความผิดในกรณีผู้เข้าอยู่โดยไม่ได้ยื่นรายการตามแบบกำหนดไม่ผ่านการตรวจอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่และไม่เข้าช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองและเขตท่าสถานี หรือท้องที่ฯ การที่จำเลยเข้ามาดังกล่าวจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2480 สำหรับความผิดฐานเข้ามาโดยไม่มีหนังสือเดินทางอันถูกต้องตามกฎหมายนั้น แม้จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2480 ก็ตาม เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่ พ.ศ.2489 นับถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว ส่วนฟ้องโจทก์ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81 นั้น เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบันจำเลยจึงต้องมีความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3160/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเช็ค: ผู้ยึดถือเช็คแทนเจ้าของ ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คและไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นเพียงผู้ที่ได้รับมอบหมายจากบิดาโจทก์ให้เป็นผู้ช่วยเหลือดำเนินกิจการของห้างขายยา ซึ่งมิได้เป็นนิติบุคคลและเป็นของบิดาโจทก์แต่ผู้เดียวดังนั้นการที่สามีจำเลยนำเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือมามอบให้บิดาโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่ายา และบิดาโจทก์มอบเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เพื่อใช้จ่ายในกิจการของห้างขายยา โจทก์ก็เป็นแต่เพียงผู้ยึดถือเช็คพิพาทไว้แทนบิดาโจทก์ การที่โจทก์นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของโจทก์และธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินไม่มีผลให้โจทก์กลายเป็นผู้มีเช็คพิพาทไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินหรือผู้รับสลักหลัง หรือเป็นผู้ถือเช็คพิพาทไว้เพื่อตนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงและไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3156/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการดำเนินคดีอย่างคนอนาถา: จำกัดเฉพาะค่าธรรมเนียมศาล ไม่ครอบคลุมหลักประกันการชำระหนี้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155 การดำเนินคดีอย่างคนอนาถามีได้เฉพาะเกี่ยวกับเรื่องค่าธรรมเนียมศาลเท่านั้น แต่กรณีที่จะต้องนำหลักประกันมาประกันการชำระหนี้เพื่อขอทุเลาการบังคับตามคำพิพากษามิใช่เรื่องค่าธรรมเนียมศาล จึงจะขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานนำเงินตราปลอมออกใช้ การระบุเวลาเกิดเหตุตามฟ้องต้องชัดเจนและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2525 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ดังนั้น ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(11) เวลาเกิดเหตุตามฟ้องของโจทก์ ก็คือตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ 9 มิถุนายน 2525 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันเดียวกัน เป็นระยะเวลานาน 6 ชั่วโมง เข้าใจได้ว่าจำเลยได้รู้อยู่ว่าธนบัตรดังกล่าวเป็นเงินตราซึ่งมีผู้ทำปลอมขึ้นไม่สามารถใช้ได้ตามกฎหมาย แต่จำเลยได้ขืนนำออกใช้เมื่อเวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกของวันที่ 9 มิถุนายน 2525 จนถึงเวลา24.00 นาฬิกาของวันเดียวกัน อันเป็นระยะเวลาหลังจากจำเลยได้มาซึ่งเงินตราที่มีผู้ทำปลอมขึ้น ฟ้องโจทก์จึงมีรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)