คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปรานอม มหรรณพ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเงินตราปลอมออกใช้หลังทราบว่าเป็นของปลอม มีรายละเอียดเวลาการกระทำความผิดตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2525 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ดังนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(11)เวลาเกิดเหตุตามฟ้องของโจทก์ ก็คือตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ 9 มิถุนายน 2525 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันเดียวกันเป็นระยะเวลานาน 6 ชั่วโมง เข้าใจได้ว่าจำเลยได้รู้อยู่ว่าธนบัตรดังกล่าวเป็นเงินตราซึ่งมีผู้ทำปลอมขึ้นไม่สามารถใช้ได้ ตามกฎหมายแต่จำเลยได้ขืนนำออกใช้เมื่อเวลาระหว่าง พระอาทิตย์ตกของวันที่ 9 มิถุนายน 2525 จนถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันเดียวกันอันเป็นระยะเวลาหลังจาก จำเลยได้มาซึ่งเงินตราที่มีผู้ทำปลอมขึ้น ฟ้องโจทก์จึง มีรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3142/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขโทษจำคุกเกิน 50 ปี ตามกฎหมายอาญาใหม่ ศาลฎีกากลับคำพิพากษา
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 91 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 2 โดยบัญญัติความในมาตรา 91 ขึ้นใหม่ จะลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 50 ปีไม่ได้ เว้นแต่จะลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 กระทงหนึ่ง จำคุกตลอดชีวิตและตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 3 ปีแต่เมื่อวางโทษจำคุกตลอดชีวิตในกระทงแรกแล้ว ก็ไม่ต้องนำโทษจำคุก 3ปีในกระทงหลังมารวมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานบุคคลในคดีสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่สมบูรณ์ การอ้างเหตุพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ 60,000 บาท แต่จำเลยให้การว่ากู้เพียง 30,000 บาท แต่ทำสัญญากู้ดังกล่าวเพราะโจทก์ต้องการจะผูกมัดจำเลยให้เลี้ยงดูน้องสาวโจทก์เป็นการกล่าวอ้างว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ส่งมอบเงินให้จำเลยไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ตามข้อยกเว้นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2950/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การผิดสัญญาหลายงวด แม้มีสิทธิฟ้องได้ แต่หากไม่ได้ฟ้องในคดีก่อน ถือเป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างงวดที่ 2 พร้อมด้วยค่าปรับแก่โจทก์ เมื่อระหว่างจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้างงวดที่ 2 จำเลยก็กระทำผิดสัญญาในงวดที่ 3 ด้วย โดยขัดขวางมิให้โจทก์ทำการก่อสร้างงานงวดที่ 3 ต่อไปให้เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยว่าผิดสัญญางวดที่ 3 ซึ่งเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีก่อน แต่โจทก์ก็มิได้ฟ้อง เมื่อมาฟ้องเป็นคดีนี้ จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2801/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นแทนผู้อื่น การพิสูจน์เจตนาซื้อขายจริง และการเก็บรักษาหลักฐานการซื้อขาย
โจทก์เป็นบริษัทมีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนนายหน้าเกี่ยวกับ การค้าหลักทรัพย์ จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนจำเลยโดยจำเลยเปิด บัญชีเดินสะพัดไว้กับโจทก์ จำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นรวม 11 ครั้ง โจทก์อ้างว่าได้ซื้อหุ้นให้จำเลยแล้ว แต่เมื่อจำเลยสงสัยว่าโจทก์อาจไม่ได้ซื้อหุ้นแทนจำเลยตามใบรายงานการซื้อซึ่งโจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้ซื้อ จำเลยจึงขอดูใบหุ้น โจทก์ก็ไม่ยอมให้ดู และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ส่งใบหุ้นตามฟ้องที่ซื้อแทนจำเลย โจทก์ก็ไม่สามารถส่งใบหุ้นตามฟ้องหรือใบหุ้นตามใบรายงานการซื้อที่อ้างว่าซื้อแทนจำเลยกลับส่งสำเนาภาพถ่ายใบหุ้นที่ซื้อมาภายหลังแทน เนื่องจากโจทก์ นำหุ้นที่อ้างว่าซื้อแทนจำเลยนั้นไปขายโดยจำเลยมิได้สั่งขาย และโจทก์มีลูกค้าจำนวนมาก การซื้อขายหุ้นเป็นธุรกิจของโจทก์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ พฤติการณ์ดังกล่าวไม่เชื่อว่าหุ้นตามฟ้องเป็นหุ้นที่โจทก์ซื้อแทนจำเลยโดยเฉพาะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2801/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นแทนกัน ตัวแทนต้องเก็บรักษาหุ้นไว้ให้ตัวการ การซื้อขายหุ้นโดยไม่ได้รับคำสั่งถือเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นบริษัทมีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนนายหน้าเกี่ยวกับ การค้าหลักทรัพย์ จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนจำเลย โดยจำเลยเปิด บัญชีเดินสะพัดไว้กับโจทก์ จำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นรวม 11 ครั้ง โจทก์อ้างว่าได้ซื้อหุ้นให้จำเลยแล้ว แต่เมื่อ จำเลยสงสัยว่าโจทก์อาจไม่ได้ซื้อหุ้นแทนจำเลยตาม ใบรายงานการซื้อซึ่งโจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้ซื้อจำเลยจึงขอดูใบหุ้น โจทก์ก็ไม่ยอมให้ดู และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ส่งใบหุ้นตามฟ้องที่ซื้อแทนจำเลยโจทก์ก็ไม่สามารถส่งใบหุ้นตามฟ้องหรือใบหุ้นตามใบรายงานการซื้อที่อ้างว่าซื้อแทนจำเลยกลับส่งสำเนาภาพถ่ายใบหุ้นที่ซื้อมาภายหลังแทน เนื่องจากโจทก์ นำหุ้นที่อ้างว่าซื้อแทนจำเลยนั้นไปขายโดยจำเลยมิได้สั่งขาย และโจทก์มีลูกค้าจำนวนมาก การซื้อขายหุ้นเป็นธุรกิจของโจทก์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ พฤติการณ์ดังกล่าวไม่เชื่อว่าหุ้นตามฟ้องเป็นหุ้นที่โจทก์ซื้อแทนจำเลยโดยเฉพาะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินทุนเลี้ยงชีพต้องจ่ายให้ลูกจ้างเป็นกรรมสิทธิ์โดยเด็ดขาด จึงจะถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
เงินทุนสำรองเลี้ยงชีพของลูกจ้างที่จะได้รับยกเว้นให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ตาม ประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ตรี (2) จะต้องเป็นค่าใช้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่จ่ายแก่ลูกจ้างโดยเด็ดขาด มิใช่เป็นแต่เพียงวิธีการจ่ายทางบัญชีและยังคงอยู่ในความควบคุมของโจทก์ โดยพนักงานเจ้าของเงินไม่มีสิทธิใช้เงินทุนในบัญชีเงินทุนเลี้ยงชีพของตนเองเลยจะได้รับเงินก็ต่อเมื่อออกจากงานแล้ว แต่โจทก์กลับมีสิทธิใช้โดยนำเงินดังกล่าวไปซื้อหุ้นของธนาคารโจทก์ได้ จึงถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 65 ตรี (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งอาวุธและการทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส ศาลแก้ไขข้อกล่าวหาจากพยายามฆ่าและปล้นทรัพย์เป็นพยายามฆ่าและชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกอีก 4 คน ไม่มีอาวุธ กลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหาย มีแต่เพียงเจตนาทำร้าย การแย่งอาวุธปืนของผู้เสียหายแล้วยิงผู้เสียหายจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในตอนหลังของจำเลยเพียงผู้เดียว โดยเจตนาจะแย่งอาวุธปืนเพื่อใช้ยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า เป็นการกระทำโดยเจตนาลักเอาอาวุธปืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7), 80 และฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 340 วรรคสาม แต่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม มาตรา 288, 80 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 339 วรรคสี่ ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาโดยตรงศาลฎีกาก็แก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งอาวุธและการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความพิการ ศาลแก้ข้อกล่าวหาเป็นพยายามฆ่าและชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกอีก 4 คน ไม่มีอาวุธ กลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหาย มีแต่เพียงเจตนาทำร้าย การแย่งอาวุธปืนของผู้เสียหายแล้วยิงผู้เสียหายจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในตอนหลังของจำเลยเพียงผู้เดียวโดยเจตนาจะแย่งอาวุธปืนเพื่อใช้ยิงผู้เสียหายโดยมี เจตนาฆ่า เป็นการกระทำโดยเจตนาลักเอาอาวุธปืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7),80 และ ฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 340 วรรคสาม แต่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม มาตรา 288,80 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 339 วรรคสี่ ปัญหานี้เกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาโดยตรง ศาลฎีกา ก็แก้ไขให้ ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายต้องมีเจตนาผูกพัน สัญญาที่ไม่ชัดเจนไม่ถือเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่สมบูรณ์
ก่อนวันทำบันทึกเอกสารหมาย ล.3 แม้ฝ่ายโจทก์จะต้องการให้ จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทให้โจทก์ แต่จำเลยก็มิได้สมัครใจที่จะทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทขึ้นให้เป็นการผูกพันระหว่างโจทก์จำเลย ส่วนบันทึกหมายล.3 รวม 7 แผ่น ศ. ปลัดอำเภอทำขึ้นระหว่างจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของนากับล.และพวกซึ่งเป็นผู้เช่านาและผู้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่พิพาท ในแผ่นที่ 1 และที่ 2 ระบุข้อความว่าเป็น เรื่องแจ้งการขายที่ดินโดยจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่นาจะทำการขายให้โจทก์หรือนิติบุคคลอื่นใดที่โจทก์เป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้น แต่ที่ดินแปลงนี้จำเลยได้ให้ผู้มีชื่อรวม 11 รายเช่าและปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยมีความประสงค์จะขายที่นาแปลงดังกล่าวในราคา 2,688,000 บาทโดยชำระเงินงวดเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จึงขอเสนอขาย ให้ผู้เช่ามาก่อน จำเลยกับผู้เช่านารวม 8 รายได้ลงชื่อไว้ในบันทึกแผ่นที่ 2 นี้ ส่วนโจทก์มิได้ลงชื่อไว้ แผ่นที่ 3 ถึงที่ 5 เป็นบันทึกเกี่ยวกับ ความยินยอมของผู้เช่านาที่ยินยอมให้จำเลยขายที่พิพาทให้โจทก์ และผู้เช่านาทั้งหมดขอเลิกการเช่านาโดยมีเงื่อนไขว่าผู้เช่าขอที่นาจากโจทก์ผู้ซื้อคนละ 1 ไร่ ผู้เช่าและผู้ปลูกบ้านขอค่ารื้อถอน และผู้เช่านาทั้งหมดไม่มีความต้องการจะซื้อที่นาแปลงดังกล่าว โดยมีผู้เช่านาทั้งหมดลงชื่อไว้ฝ่ายเดียวในแผ่นที่ 4 และแผ่นที่ 5 ส่วนโจทก์และจำเลยมิได้ลงชื่อไว้ สำหรับแผ่นที่ 6 เป็นบันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอว่าผู้เช่านาและผู้อาศัยยินดีเลิกการเช่าและรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินยอมให้เจ้าของนาขายที่นาให้โจทก์ และโจทก์ยินดียกที่นาให้ผู้เช่านารายละ 1 ไร่ และยินยอมให้ค่ารื้อบ้านแก่ผู้เช่านาและผู้อาศัยปลูกบ้าน โดยผู้เช่านาและผู้อาศัยรวม 11 ราย จำเลยในฐานะผู้ให้เช่านา โจทก์ในฐานะผู้จะซื้อกับนายอำเภอผู้เปรียบเทียบลงชื่อไว้ในแผ่นที่ 7 ดังนี้ บันทึกหมาย ล.3ที่จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องลงชื่อไว้เป็นเพียงการกระทำของจำเลยในฐานะผู้ให้เช่านาเสนอขายที่นาให้แก่ผู้เช่านาก่อน ตามที่กฎหมายบังคับไว้ มิได้มีใจสมัครที่จะมุ่งหมายให้ข้อความในบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลย บันทึกหมาย ล.3 จึงมิใช่สัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาท
of 27