คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จุนท์ จันทรวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,707 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างโดยชอบธรรมตามมติคณะรัฐมนตรีและการสิ้นสุดงาน
การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 52 นายจ้างจะต้องมีเหตุจำเป็นหรือเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้าง โดยเหตุนั้นอาจเกิดจากกรรมการลูกจ้างหรือเป็นเหตุจากทางฝ่ายนายจ้างหรือบุคคลภายนอกก็ได้ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างเป็นรัฐวิสาหกิจ การดำเนินกิจการต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ผู้ร้องปลูกสร้างโรงแรมขึ้นใหม่ในที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงแรมเดิมผู้ร้องจึงจำเป็นต้องหยุดดำเนินกิจการโรงแรมดังกล่าว และทำให้งานซึ่งผู้คัดค้านทำอยู่ต้องสิ้นสุดลง ผู้ร้องจึงมีเหตุจำเป็นหรือเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อมีเหตุจำเป็นจากมติคณะรัฐมนตรี
การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา52 นายจ้างจะต้องมีเหตุจำเป็นหรือเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้างโดยเหตุนั้นอาจเกิดจากกรรมการลูกจ้างหรือเป็นเหตุจากทางฝ่ายนายจ้างหรือบุคคลภายนอกก็ได้ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างเป็นรัฐวิสาหกิจ การดำเนินกิจการต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ผู้ร้องปลูกสร้างโรงแรมขึ้นใหม่ในที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงแรมเดิมผู้ร้องจึงจำเป็นต้องหยุดดำเนินกิจการโรงแรมดังกล่าว และทำให้งานซึ่งผู้คัดค้านทำอยู่ต้องสิ้นสุดลง ผู้ร้องจึงมีเหตุจำเป็นหรือเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1826-1833/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างรายปี: อายุงานนับตามสัญญาแต่ละฉบับ ไม่สามารถรวมคำนวณต่อเนื่องได้
สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยมีกำหนดระยะเวลาจ้าง 1 ปี โดยระบุวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดแห่งสัญญาไว้ และเมื่อสัญญาครบกำหนดแล้วโจทก์จำเลยก็ทำสัญญากันใหม่ปีต่อปี ดังนี้ต้องถือว่าสัญญาจ้างแรงงานนี้เป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างเป็นปี ๆ ไป โจทก์จะขอให้นับอายุการทำงานของโจทก์ด้วยการนำระยะเวลาการจ้างในสัญญาทุกฉบับมารวมคำนวณเข้าด้วยกันเพื่อคำนวณค่าชดเชยหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1826-1833/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างระยะเวลา: การคำนวณอายุงานและค่าชดเชยจากสัญญาจ้างรายปี
สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยมีกำหนดระยะเวลาจ้าง 1 ปี โดยระบุวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดแห่งสัญญาไว้ และเมื่อสัญญาครบกำหนดแล้วโจทก์จำเลยก็ทำสัญญากันใหม่ปีต่อปี ดังนี้ต้องถือว่าสัญญาจ้างแรงงานนี้เป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างเป็นปี ๆ ไป โจทก์จะขอให้นับอายุการทำงานของโจทก์ด้วยการนำระยะเวลาการจ้างในสัญญาทุกฉบับมารวมคำนวณเข้าด้วยกันเพื่อคำนวณค่าชดเชยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเข้าเป็นคู่ความแทนผู้ถึงแก่กรรมหลังมีคำพิพากษา ศาลฎีกายกคำสั่งเดิมแต่อนุญาตให้เข้าเป็นคู่ความได้
ล. ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ซึ่งถึงแก่กรรมหลังจากศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษา ต่อมาจำเลยอุทธรณ์และศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์นั้นแล้ว คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา การที่ศาลแรงงานกลางสั่งอนุญาตให้ ล.เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์หลังจากนั้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาต้องยกคำสั่งดังกล่าว แต่เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ล.เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และโจทก์ถึงแก่กรรมจริง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ ล. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเป็นคู่ความแทนโจทก์หลังเสียชีวิต: ศาลฎีกายกคำสั่งเดิมแต่อนุญาตให้เป็นคู่ความแทนได้
ล. ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ซึ่งถึงแก่กรรมหลังจากศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษา ต่อมาจำเลยอุทธรณ์และศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์นั้นแล้ว คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา การที่ศาลแรงงานกลางสั่งอนุญาตให้ ล.เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์หลังจากนั้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาต้องยกคำสั่งดังกล่าว แต่เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ล. เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และโจทก์ถึงแก่กรรมจริง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ ล. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเป็นคู่ความแทนผู้ตายหลังศาลอุทธรณ์รับคำอุทธรณ์: อำนาจศาลและการอนุญาต
ล. ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ซึ่งถึงแก่กรรมหลังจากศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษา ต่อมาจำเลยอุทธรณ์และศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์นั้นแล้ว คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา การที่ศาลแรงงานกลางสั่งอนุญาตให้ ล.เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์หลังจากนั้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาต้องยกคำสั่งดังกล่าว แต่เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ล. เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และโจทก์ถึงแก่กรรมจริง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ ล. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การฟ้องและได้ตัวจำเลยมายังศาลเป็นสำคัญ
แม้โจทก์จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยภายในกำหนดอายุความ สามเดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวจำเลยผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 และฟ้องจำเลยภายในกำหนดอายุความ5 ปี นับแต่วันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(4) แล้วก็ตามเมื่อในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่ได้ตัวจำเลยมาศาลภายในกำหนดเวลาดังกล่าว คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การฟ้องและได้ตัวจำเลยมายังศาลเป็นสำคัญ
แม้โจทก์จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยภายในกำหนดอายุความสามเดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวจำเลยผู้กระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 และฟ้องจำเลยภายในกำหนดอายุความ 5 ปี นับแต่วันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (5) แล้วก็ตาม เมื่อในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ตัวจำเลยมาศาลภายในกำหนดเวลาดังกล่าว คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1755/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในเช็คและผู้เสียหายในความผิดยักยอก ผู้รับเช็คเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่ผู้สั่งจ่าย
โจทก์ออกเช็คชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์แก่ ว. โดยมอบเช็คนั้นให้แก่ ฮ. ตัวแทนของ ว. สิทธิในเช็คย่อมตกแก่ ว. แล้ว ตั้งแต่เวลาที่โจทก์มอบเช็คให้แก่ ฮ. โจทก์หามีสิทธิในเช็คดังกล่าวอีกต่อไปไม่ การที่ ฮ. ทำเช็คตกหายและมีผู้เก็บได้แล้วเบียดบังเป็นของตนโดยทุจริต โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
of 171