พบผลลัพธ์ทั้งหมด 91 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณา – สิทธิในการสืบพยาน – การพิจารณาคดีไม่ชอบ – แก้ไขคำพิพากษา
จำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วให้พิจารณาสืบพยานโจทก์ไป เสมียนทนายจำเลยเพิ่งนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากศาลสืบพยานโจทก์ซึ่งมีปากเดียวเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีชอบแล้ว
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี และสิทธิในการนำสืบพยานจำเลย แม้จะขาดนัดไปแล้ว
จำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แล้วให้พิจารณาสืบพยานโจทก์ไป เสมียนทนายจำเลยเพิ่งนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากศาลสืบพยานโจทก์ซึ่งมีปากเดียวเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีชอบแล้ว
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสโมฆะและสถานะบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย: คำพิพากษาศาลเท่านั้นแสดงสถานะโมฆะ
คำพิพากษาศาลเท่านั้นจะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นบุตร ฉ.กับท.ระหว่างคนทั้งสองเป็นสามีภริยาโดยมีการจดทะเบียนสมรส โจทก์ย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ ฉ.
โจทก์เป็นบุตร ฉ.กับท.ระหว่างคนทั้งสองเป็นสามีภริยาโดยมีการจดทะเบียนสมรส โจทก์ย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ ฉ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสที่จดทะเบียนแล้วมีผลสมบูรณ์ แม้จะมีคู่สมรสก่อนหน้า คำพิพากษาศาลเท่านั้นแสดงการเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลเท่านั้นจะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นบุตร ฉ. กับ ท.ระหว่างคนทั้งสองเป็นสามีภริยาโดยมีการจดทะเบียนสมรส โจทก์ย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ ฉ.
โจทก์เป็นบุตร ฉ. กับ ท.ระหว่างคนทั้งสองเป็นสามีภริยาโดยมีการจดทะเบียนสมรส โจทก์ย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ ฉ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแย่งปืนและการแทงซ้ำจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยปัดปืนหลุดจากมือผู้ตาย ขณะแย่งปืนกันจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายครั้งแรกเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะแย่งปืนได้อีก แต่จำเลยก็ยังใช้มีดแทงฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนผู้ตายมีบาดแผลรวม 6 แผลล้วนเป็นแผลฉกรรจ์ ขณะผู้ตายไม่มีอาวุธและผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงซ้ำผู้ที่หมดสภาพต่อสู้
ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยปัดปืนหลุดจากมือผู้ตาย ขณะแย่งปืนกันจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายครั้งแรกเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะแย่งปืนได้อีก แต่จำเลยก็ยังใช้มีดแทงฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนผู้ตายมีบาดแผลรวม 6 แผลล้วนเป็นแผลฉกรรจ์ ขณะผู้ตายไม่มีอาวุธและผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยทั้งห้างฯ และหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะส่วนตัว ศาลพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความระบุชื่อจำเลยว่า ห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ที่ 1 จำเลย หน้าคำฟ้องก็ระบุว่า โจทก์ขอยื่นฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 แต่คำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งประทับตรา ห้างฯ อ. ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและ ในฐานะส่วนตัวสั่งจ่ายมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และ ส. ในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยทั้งห้างฯ และผู้จัดการในฐานะส่วนตัว: ศาลพิพากษายืนคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะจำเลยในฐานะส่วนตัวได้
คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความระบุชื่อจำเลยว่า ห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ที่ 1 จำเลย หน้าคำฟ้องก็ระบุว่าโจทก์ขอยื่นฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 แต่คำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งประทับตราห้างฯ อ. ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวซึ่งจ่ายมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และ ส. ในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายผิดสัญญา ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก การมอบเงินเป็นการซื้อขาย มิใช่การมอบหมายให้จัดซื้อ
โจทก์จำเลยเคยติดต่อซื้อขายสิ่งของกันมาหลายครั้ง ครั้งที่เกิดเหตุก็ตกลงซื้อตามข้อเสนอขายของจำเลย การมอบเงินจึงเป็นการมอบให้ในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ซื้อ จำเลยเป็นผู้ขาย มิใช่มอบให้ในฐานะจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์หรือมอบหมายให้จำเลยไปจัดซื้อของแทนโจทก์ การที่จำเลยไม่ส่งของตามที่ตกลงซื้อขายกัน หรือไม่คืนเงินที่รับไปให้แก่โจทก์เป็นการผิดสัญญาทางแพ่งไม่เป็นความผิดฐานยักยอก ข้อที่จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้เสนอขายของให้โจทก์ และไม่ได้รับเงินจากโจทก์เป็นสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาจ้างต่อเรือ: อายุความ 10 ปี, จำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามสัญญา
จำเลยรับจ้างต่อเรือให้แก่โจทก์ซึ่งอาจกระทำให้เสร็จได้ภายในกำหนดเวลา 14 เดือน แม้สัญญาจ้างต่อเรือจะมิได้กำหนดเวลาต่อเรือให้แล้วเสร็จไว้ก็ตาม แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่จำเลยทำสัญญารับจ้างต่อเรือจนถึงวันที่โจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยครั้งสุดท้ายเป็นเวลาร่วม 18 เดือนเศษ จำเลยทำการต่อเรือได้เพียงตั้งกระดูกงู ตั้งกงและโขนหัวเรือเท่านั้น หลังจากนั้นจำเลยมิได้ดำเนินการต่อเรือให้โจทก์อีก โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยต่อเรือให้เสร็จภายในกำหนด 2 เดือน จำเลยได้รับหนังสือแล้วมิได้ดำเนินการประการใดซึ่งเป็นระยะเวลาต่อมาอีกถึง 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยจงใจที่จะไม่ทำการต่อเรือให้โจทก์ตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปีแต่อยู่ในอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปีแต่อยู่ในอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164