พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนมีหน้าที่ส่งมอบทะเบียนรถตามคำสั่งตัวการ แม้มีหนี้สินอื่นเกี่ยวกับตัวรถ
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถแทรกเตอร์จากบริษัทย. โดยชำระราคาครบถ้วนแล้วบริษัทย. จึงได้โอนทะเบียนรถมาให้โจทก์โดยส่งมายังจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยย่อมมีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งของบริษัทย. ซึ่งเป็นตัวการโดยมอบทะเบียนรถให้แก่โจทก์จำเลยจะอ้างว่าโจทก์มีหนี้สินเกี่ยวกับตัวรถซึ่งไม่เกี่ยวกับทะเบียนรถมาเป็นข้ออ้างว่ามีสิทธิยึดหน่วงหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนมีหน้าที่ส่งมอบทะเบียนรถตามคำสั่งตัวการ แม้มีหนี้เกี่ยวกับตัวรถ
บริษัทผู้ให้เช่าซื้อรถแทรกเตอร์ได้โอนทะเบียนรถมาให้โจทก์ผู้เช่าซื้อโดยส่งมายังจำเลยซึ่งเป็นตัวแทน จำเลยจึงมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของบริษัทตัวการจะอ้างว่ามีสิทธิยึดหน่วงเพราะยังมีหนี้ค่าซ่อมรถค้างชำระไม่ได้ เพราะเป็นหนี้เกี่ยวกับตัวรถไม่เกี่ยวกับทะเบียนรถ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนมีหน้าที่ส่งมอบทะเบียนรถตามคำสั่งตัวการ แม้มีหนี้ค่าซ่อมรถแยกต่างหาก
บริษัทผู้ให้เช่าซื้อรถแทรกเตอร์ได้โอนทะเบียนรถมาให้โจทก์ผู้เช่าซื้อโดยส่งมายังจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยจึงมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของบริษัทตัวการจะอ้างว่ามีสิทธิยึดหน่วงเพราะยังมีหนี้ค่าซ่อมรถค้างชำระไม่ได้เพราะเป็นหนี้เกี่ยวกับตัวรถไม่เกี่ยวกับทะเบียนรถ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน ส.ค.1 การมีชื่อในเอกสารไม่เพียงพอต่อการได้สิทธิ หากไม่ได้ครอบครองร่วมกับผู้ให้
โจทก์ไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทร่วมกับจำเลยการที่โจทก์มีชื่อในแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1)ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีชื่อใน ส.ค.1 ไม่ถือเป็นการครอบครองที่ดิน สิทธิครอบครองต้องมาจากการเข้าครอบครองจริง
การที่โจทก์เพียงแต่มีชื่ในแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) นั้น ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าปรับกับการเลิกสัญญาซื้อขาย: การเลิกสัญญาก่อนหรือระหว่างการปรับมีผลต่างกัน
สัญญาซื้อขายข้อ8ระบุว่าถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายให้ถูกต้องตามสัญญาผู้ซื้อมีสิทธิยกเลิกสัญญาริบหลักประกันและเรียกราคาสิ่งของที่ผู้ซื้อต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากสัญญาในการซื้อจากผู้อื่นได้แต่ถ้าผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญาสัญญาข้อ9ให้สิทธิผู้ซื้อปรับผู้ขายเป็นรายวันในอัตราที่กำหนดนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งมอบจนถูกต้องครบถ้วนและในระหว่างที่มีการปรับนั้นผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาริบหลักประกันและเรียกราคาสิ่งของที่ผู้ซื้อต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาตามสัญญาข้อ8นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้เช่นนี้เมื่อผู้ขายผิดสัญญาผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าปรับจากผู้ขายเสียก่อนที่จะบอกเลิกสัญญาจึงจะมีสิทธิเรียกค่าปรับควบกับการบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ9ได้การที่ผู้ซื้อมีหนังสือแจ้งให้ยกเลิกสัญญาพร้อมกับเรียกค่าปรับจากผู้ขายนั้นถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับตามสัญญาข้อ9แต่ถือเป็นการเลิกสัญญาตามข้อ8ซึ่งไม่ได้ระบุให้สิทธิแก่ผู้ซื้อที่จะเรียกค่าปรับจากผู้ขาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องชั่งผิดอัตรา: ไม่เข้าข่ายเอาเปรียบทางการค้า แต่เป็นความผิดกรรมเดียว
เมื่อน้ำหนักจริง 1 กก. ใช้เครื่องชั่งของจำเลยจะชั่งได้เพียง 800 ก. จำเลยซึ่งเป็นผู้ขายย่อมเสียเปรียบ ผู้ซื้อในการที่น้ำหนักจริงของสินค้าของตนขาดหายไป 200 ก.กทุก 1 กก.ของน้ำหนักจริง ดังนั้น การที่จำเลย มีและใช้เครื่องชั่งดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการเอาเปรียบ ในการค้า ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 จำเลยมีและใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตราอันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัดฯ มาตรา 31 ในวันเวลาเดียวกัน เท่ากับว่าจำเลยมีเจตนาอันเดียวการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวเมื่อศาลล่างลงโทษมาเป็น 2 กระทง แม้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 และการพิสูจน์สถานะการเข้ามาในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้มีคำสั่งให้นายทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองนครพนมแก้ไขสัญชาติของโจทก์ทั้งสองในทะเบียนบ้านและสำเนาทะเบียนบ้านของโจทก์ทั้งสองจากสัญชาติไทยเป็นสัญชาติญวนและนายทะเบียนท้องถิ่นได้ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วแม้การออกคำสั่งนั้นจะเป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่และระเบียบแบบแผนของทางราชการก็ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสองแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง บิดามารดาของโจทก์ทั้งสองเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน2483แต่มิได้ไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวภายใน30วันตามความในมาตรา5แห่งพ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าวพุทธศักราช2479จนกระทั่งวันที่22สิงหาคม2488จึงได้ขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวเช่นนี้ในระหว่างที่ยังไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวนั้นพ.ร.บ.คนเข้าเมืองพุทธศักราช2480มาตรา29ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบิดามารดาของโจทก์ทั้งสองเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองที่ใช้อยู่ในขณะนั้นเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าบิดามารดาของโจทก์ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองจึงต้องถือว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นบิดามารดาของโจทก์เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337ข้อ1(3) โจทก์ที่1เกิดในประเทศไทยในระหว่างที่บิดามารดายังมิได้ไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจึงถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่บิดามารดาของโจทก์เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโจทก์ที่1จึงต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337ส่วนโจทก์ที่2เกิดหลังจากที่บิดามารดาได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วกรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่โจทก์ที่2จะถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนสัญชาติไทยกรณีบิดามารดาเข้ามาในไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายคนเข้าเมือง และผลกระทบต่อสิทธิในการมีสัญชาติ
จำเลยมีคำสั่งให้นายทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองนครพนมแก้ไขสัญชาติของโจทก์ในทะเบียนบ้านและสำเนาทะเบียนบ้านจากสัญชาติไทยเป็นญวน และนายอำเภอท้องถิ่นเทศบาลเมืองนครพนมได้ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยแล้ว แม้การออกคำสั่งของจำเลยดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และระเบียบแบบแผนของทางราชการ จะไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ก็ตาม ก็เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ต้นฉบับเอกสารที่เจ้าพนักงานทำขึ้นส่งต่อศาลโดยตรง ไม่ต้องมีพยานบุคคลเข้าเบิกความรับรอง ศาลก็รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93
ขณะโจทก์ที่ 1 เกิด บิดามารดาของโจทก์ที่ 1 ไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พุทธศักราช 2480 มาตรา 29 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า บิดามารดาของโจทก์ที่ 1 เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง จึงถือว่าขณะที่โจทก์ที่ 1 เกิด บิดามารดาของโจทก์ที่ 1 เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ต้องด้วยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ข้อ 1 (3) โจทก์ที่ 1 จึงถูกถอนสัญชาติไทย
ต้นฉบับเอกสารที่เจ้าพนักงานทำขึ้นส่งต่อศาลโดยตรง ไม่ต้องมีพยานบุคคลเข้าเบิกความรับรอง ศาลก็รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93
ขณะโจทก์ที่ 1 เกิด บิดามารดาของโจทก์ที่ 1 ไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พุทธศักราช 2480 มาตรา 29 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า บิดามารดาของโจทก์ที่ 1 เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง จึงถือว่าขณะที่โจทก์ที่ 1 เกิด บิดามารดาของโจทก์ที่ 1 เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ต้องด้วยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ข้อ 1 (3) โจทก์ที่ 1 จึงถูกถอนสัญชาติไทย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีอาญา เนื่องจากมอบตัว รับสารภาพ และให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายต่อหน้าสาธารณชนในร้านอาหารประจักษ์พยานของโจทก์หลายคนต่างก็รู้จักจำเลยเป็นอย่างดีข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงเมื่อถูกฟ้องจำเลยจึงให้การรับสารภาพแสดงให้เห็นว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานอย่างไรก็ดีหลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวนทำแผนที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78ลดโทษให้หนึ่งในสาม.