พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดดูหมิ่นด้วยเหตุผลเรื่องยศ ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
จำเลยพูดโต้ตอบกับพลตำรวจม. ในระหว่างพลตำรวจม.ตรวจดูรถแท๊กซี่คันที่จำเลยกับพวกนั่งมาเมื่อพลตำรวจม.บอกจำเลยว่าหัวหน้าด่านตรวจคือร้อยตำรวจโทปรีชา และพูดต่อไปว่าถ้าหากจำเลยสงสัย(ว่าเป็นด่านตรวจรถที่ตั้งขึ้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่)ให้ไปสอบถามหัวหน้าด่านได้จำเลยพูดว่า"แค่ร้อยตำรวจโทนั้นกระจอกไม่อยากคุยด้วยหรอก"ซึ่งแปลความหมายได้ว่าจำเลยพูดกับพลตำรวจม. ว่าจำเลยไม่อยากพูดคุยกับหัวหน้าด่านตรวจที่มียศแค่ร้อยตำรวจโทเพราะจำเลยเห็นว่าหัวหน้าด่านตรวจมียศต่ำไปจำเลยหาได้เจาะจงสบประมาทโจทก์ร่วมว่าเป็นคนต่ำต้อยหรือเลวแต่อย่างใดไม่คำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่านั้นหาใช่เป็นคำด่าหรือเป็นการสบประมาทเหยียดหยามโจทก์ร่วมให้ได้รับความอับอายแต่ประการใดไม่ไม่เป็นความผิดตามป.อ.มาตรา136.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของคนขับรถและนายจ้างต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุ แม้ผู้เสียหายไม่มีส่วนประมาท ศาลมีอำนาจแบ่งจำนวนค่าเสียหายให้เหมาะสม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถฝ่ายหนึ่งกับนายจ้างร่วมรับผิดฐานละเมิดแม้เหตุที่รถชนกันจะเกิดจากความประมาทร่วมของคนขับรถทั้งสองฝ่ายเมื่อโจทก์มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทด้วยโดยเพียงนั่งมาในรถยนต์สามล้อเท่านั้นผู้ทำละเมิดทุกคนต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดนั้นต่อโจทก์เต็มจำนวนมิใช่รับผิดเพียงกึ่งหนึ่งการที่ผู้ทำละเมิดแต่ละคนจะรับผิดมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องระหว่างผู้ทำละเมิด. ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามจำนวนเดียวโดยมิได้แยกเป็นของแต่ละคนทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมาแต่ละคนไม่เท่ากันศาลฎีกามีอำนาจกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของผู้อยู่ในเหตุการณ์ละเมิด และการแบ่งค่าเสียหายตามส่วนของโจทก์
โจทก์ฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถฝ่ายหนึ่งกับนายจ้างร่วมรับผิดฐานละเมิด แม้เหตุที่รถชนกันจะเกิดจากความประมาทร่วมของคนขับรถทั้งสองฝ่าย เมื่อโจทก์มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทด้วยโดยเพียงนั่งมาในรถยนต์สามล้อเท่านั้น ผู้ทำละเมิดทุกคนต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดนั้นต่อโจทก์เต็มจำนวน มิใช่รับผิดเพียงกึ่งหนึ่ง การที่ผู้ทำละเมิดแต่ละคนจะรับผิดมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องระหว่างผู้ทำละเมิด
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามจำนวนเดียว โดยมิได้แยกเป็นของแต่ละคนทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมาแต่ละคนไม่เท่ากัน ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมาได้
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามจำนวนเดียว โดยมิได้แยกเป็นของแต่ละคนทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมาแต่ละคนไม่เท่ากัน ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และการพิพากษาเกินคำขอ กรณีต่อเติมบ้าน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินสองแปลงโดยระบุว่าจำเลยเป็นผู้อาศัย จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่ง ส่วนอีกแปลงหนึ่งมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ ที่ดินแปลงที่จำเลยมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์นี้เมื่อคำนวณค่าเช่าที่ดินบริเวณใกล้เคียงก็ดี หรือค่าตอบแทนที่จำเลยได้รับจากที่ดินแปลงนี้ก็ดี อาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาทแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนั้นของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อเติมบ้านดังกล่าว 1 ห้องนอน เป็นการต่อเติมอย่างถาวร แม้จำเลยจะไปขอเลขบ้านใหม่เป็นบ้านเลขที่ 6/2 ส่วนที่ต่อเติมนี้ย่อมเป็นส่วนควบกับบ้านหลังเดิมและที่ดิน ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่ 6/2 ได้ ไม่เกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนั้นของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อเติมบ้านดังกล่าว 1 ห้องนอน เป็นการต่อเติมอย่างถาวร แม้จำเลยจะไปขอเลขบ้านใหม่เป็นบ้านเลขที่ 6/2 ส่วนที่ต่อเติมนี้ย่อมเป็นส่วนควบกับบ้านหลังเดิมและที่ดิน ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่ 6/2 ได้ ไม่เกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีขับไล่และการต่อเติมบ้านซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินสองแปลงโดยระบุว่าจำเลยเป็นผู้อาศัยจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่งส่วนอีกแปลงหนึ่งมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงที่จำเลยมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์นี้เมื่อคำนวณค่าเช่าที่ดินบริเวณใกล้เคียงก็ดีหรือค่าตอบแทนที่จำเลยได้รับจากที่ดินแปลงนี้ก็ดีอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000บาทแล้วเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเลขที่6ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนั้นของโจทก์เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อเติมบ้านดังกล่าว1ห้องนอนเป็นการต่อเติมอย่างถาวรแม้จำเลยจะไปขอเลขบ้านใหม่เป็นบ้านเลขที่6/2ส่วนที่ต่อเติมนี้ย่อมเป็นส่วนควบกับบ้านหลังเดิมและที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่6/2ได้ไม่เกินคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการปล้นทรัพย์และการเพิ่มโทษตามมาตรา 340 ตรี ต้องตีความโดยเคร่งครัด
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา340ตรีเป็นเพียงบทบัญญัติให้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดให้หนักขึ้นเท่านั้นลำพังมาตรานี้หาได้เป็นความผิดอีกบทหนึ่งไม่จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดผู้ที่จะต้องระวางโทษหนักขึ้นตามมาตราดังกล่าวจึงต้องหมายถึงเฉพาะผู้ที่มีพฤติการณ์ตามที่บัญญัติไว้เท่านั้นกรณีไม่เป็นเหตุในลักษณะคดีที่จะใช้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดทุกคนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา89. จำเลยเพียงขับรถยนต์พาคนร้ายอื่นมาส่งและจำเลยนั่งรอในรถที่จอดอยู่ในซอยห่างที่เกิดเหตุประมาณ120เมตรจุดนั้นไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุได้จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจะคอยดูต้นทางให้คนร้ายอื่นทั้งข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยร่วมสมคบกับคนร้ายอื่นวางแผนตระเตรียมมาปล้นทรัพย์ผู้เสียหายและไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร่วมกระทำการอย่างใดอันพึงถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดแต่การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนร้ายอื่นจำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายและมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน แม้เป็นเฮโรอีนชุดเดียวกัน
จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้สายลับไป3ห่อแล้วยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่อีก1หลอดจำเลยจึงมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย3ห่อกับ1หลอดแม้เฮโรอีนที่จำเลยจำหน่ายให้กับสายลับเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายการกระทำของจำเลยก็แยกได้เป็น2กรรมต่างหากจากกันมิใช่กรรมเดียวเพราะการมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเฮโรอีนเป็นความผิดซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำผิดแตกต่างแยกจากกันได้.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ภาระจำยอมและการบำรุงรักษา: การกระทำเพื่อรักษาภาระจำยอมไม่ใช่ภาระเพิ่มขึ้น
โจทก์จำเลยยอมรับกันว่าถนนพิพาทเป็นของโจทก์แต่ตกเป็นภารจำยอมสำหรับที่ดินและบ้านของจำเลยและมารดาจำเลยจำเลยทำทางระบายน้ำในถนนพิพาทเพื่อมิให้น้ำท่วมถนนและไม่ให้น้ำบนถนนไหลเข้าบ้านจำเลยคงต่อสู้กันเพียงประเด็นเดียวว่าจำเลยมีสิทธิทำท่อระบายน้ำบนถนนพิพาทหรือไม่เช่นนี้คงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมหรือไม่เท่านั้นส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์หรือไม่นั้นเป็นการนอกเหนือไปจากที่คู่ความตกลงต่อสู้กันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอม: สิทธิการบำรุงรักษาทางภารจำยอม และขอบเขตการกระทำที่ไม่เกินภาระ
โจทก์จำเลยยอมรับกันว่าถนนพิพาทเป็นของโจทก์แต่ตกเป็นภารจำยอมสำหรับที่ดินและบ้านของจำเลยและมารดาจำเลยจำเลยทำทางระบายน้ำในถนนพิพาทเพื่อมิให้น้ำท่วมถนนและไม่ให้น้ำบนถนนไหลเข้าบ้านจำเลยคงต่อสู้กันเพียงประเด็นเดียวว่าจำเลยมีสิทธิทำท่อระบายน้ำบนถนนพิพาทหรือไม่เช่นนี้คงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อรักษาและใช้ภารจำยอมหรือไม่เท่านั้นส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์หรือไม่นั้นเป็นการนอกเหนือไปจากที่คู่ความตกลงต่อสู้กันไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเข้าบ้านผู้เสียหายถือเป็นการเล็งเห็นผลถึงชีวิต จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่จำเลยยิงปืนเข้าไปชั้นบนของบ้านผู้เสียหายซึ่งจำเลยย่อมรู้หรือน่าจะรู้อยู่ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายหรือคนในบ้านผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้นั้นเป็นการกระทำที่เล็งเห็นผลแห่งการกระทำผิดจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า