พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเข้าบ้านผู้เสียหายถือเป็นการเล็งเห็นผลถึงชีวิต จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่จำเลยยิงปืนเข้าไปชั้นบนของบ้านผู้เสียหายซึ่งจำเลยย่อมรู้หรือน่าจะรู้อยู่ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายหรือคนในบ้านผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้นั้นเป็นการกระทำที่เล็งเห็นผลแห่งการกระทำผิดจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่า: การจ้องปืนขู่โดยไม่ลั่นไก ไม่ถึงขั้นพยายามฆ่า
จำเลยใช้ปืนจ้องไปทางผู้เสียหายเป็นเวลานานประมาณ15วินาทีแต่ก็ไม่ได้ลั่นไกปืนยิงถ้าจำเลยมีเจตนาจะยิงผู้เสียหายก็ยิงได้ทันเป็นจำนวน1นัดก่อนที่ผู้เสียหายจะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังคนอื่นการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงการจ้องปืนขู่ผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ้องปืนขู่ไม่ถึงขั้นพยายามฆ่า ศาลยกฟ้อง
จำเลยใช้ปืนจ้องไปทางผู้เสียหายเป็นเวลานานประมาณ15วินาทีแต่ก็ไม่ได้ลั่นไกปืนยิงถ้าจำเลยมีเจตนาจะยิงผู้เสียหายก็ยิงได้ทันเป็นจำนวน1นัดก่อนที่ผู้เสียหายจะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังคนอื่นการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงการจ้องปืนขู่ผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักบัญชีเงินฝากและการโอนบัญชีเพื่อชำระหนี้ก่อนล้มละลาย ไม่ถือเป็นการเจตนาให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ
จำเลยมีบัญชีเดินสะพัดกับธนาคารผู้คัดค้านและอยู่ในระหว่างบัญชียังเดินสะพัดการที่จำเลยนำเช็คของธนาคารอื่นมาเข้าบัญชีของจำเลยเพื่อให้ธนาคารผู้คัดค้านเรียกเก็บเงินให้ภายในระยะเวลา3เดือนก่อนจำเลยถูกโจทก์ฟ้องขอให้ล้มละลายถือได้ว่าเป็นการนำเงินตามเช็คฝากเข้าบัญชีเดินสะพัดหาใช่จำเลยมีเจตนาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารผู้คัดค้านที่ธนาคารผู้คัดค้านเรียกเก็บเงินตามเช็คได้แล้วนำมาหักกับยอดหนี้ที่จำเลยเบิกเกินบัญชีอยู่ในขณะนั้นเป็นเพียงวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการบัญชีตามปกติธรรมดาของธนาคารกรณีมิใช่จำเลยได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามพ.ร.บ.ล้มละลายฯมาตรา115เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้ศาลเพิกถอนการฝากเงินตามเช็คดังกล่าวไม่ได้ ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินฝากประจำของจำเลยไปเข้าบัญชีกระแสรายวันของจำเลยภายในกำหนด3เดือนก่อนจำเลยถูกโจทก์ฟ้องขอให้ล้มละลายเพื่อเป็นการชำระหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีธนาคารผู้คัดค้านการกระทำของธนาคารผู้คัดค้านดังกล่าวเกิดจากข้อตกลงตามหนังสือยินยอมให้หักบัญชีเงินฝากประจำชำระหนี้ระหว่างจำเลยกับธนาคารผู้คัดค้านโดยทำขึ้นก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายเกือบ9เดือน ซึ่งตามข้อตกลงดังกล่าวลูกหนี้ยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินในบัญชีฝากประจำมาหักหนี้เบิกเกินบัญชีในบัญชีเดินสะพัดเมื่อใดก็ได้โดยไม่ต้องมีการตัดทอนบัญชีก่อนและโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือขอความยินยอมลูกหนี้เสียก่อนการที่ธนาคารหักหนี้ดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำหรือยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านกระทำการโอนบัญชีและหักหนี้ในระหว่างระยะเวลา3เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ธนาคารผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามพ.ร.บ.ล้มละลายฯมาตรา115เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่2453/2527).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักบัญชีเงินฝากและเช็คในบัญชีเดินสะพัดช่วงก่อนล้มละลาย ไม่ถือเป็นการโอนทรัพย์สินเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายอื่น
จำเลยมีบัญชีเดินสะพัดกับธนาคารผู้คัดค้านและอยู่ในระหว่างบัญชียังเดินสะพัด การที่จำเลยนำเช็คของธนาคารอื่นมาเข้าบัญชีของจำเลยเพื่อให้ธนาคารผู้คัดค้านเรียกเก็บเงินให้ภายในระยะเวลา 3 เดือนก่อนจำเลยถูกโจทก์ฟ้องขอให้ล้มละลาย ถือได้ว่าเป็นการนำเงินตามเช็คฝากเข้าบัญชีเดินสะพัดหาใช่จำเลยมีเจตนาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารผู้คัดค้าน ที่ธนาคารผู้คัดค้านเรียกเก็บเงินตามเช็คได้แล้วนำมาหักกับยอดหนี้ที่จำเลยเบิกเกินบัญชีอยู่ในขณะนั้น เป็นเพียงวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการบัญชีตามปกติธรรมดาของธนาคาร กรณีมิใช่จำเลยได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้ศาลเพิกถอนการฝากเงินตามเช็คดังกล่าวไม่ได้
ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินฝากประจำของจำเลยไปเข้าบัญชีกระแสรายวันของจำเลยภายในกำหนด 3 เดือนก่อนจำเลยถูกโจทก์ฟ้องขอให้ล้มละลายเพื่อเป็นการชำระหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีธนาคารผู้คัดค้าน การกระทำของธนาคารผู้คัดค้านดังกล่าวเกิดจากข้อตกลงตามหนังสือยินยอมให้หักบัญชีเงินฝากประจำชำระหนี้ระหว่างจำเลยกับธนาคารผู้คัดค้าน โดยทำขึ้นก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายเกือบ 9 เดือน ซึ่งตามข้อตกลงดังกล่าวลูกหนี้ยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินในบัญชีฝากประจำมาหักหนี้เบิกเกินบัญชีในบัญชีเดินสะพัด เมื่อใดก็ได้โดยไม่ต้องมีการตัดทอนบัญชีก่อนและโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือขอความยินยอมลูกหนี้เสียก่อน การที่ธนาคารหักหนี้ดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำหรือยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านกระทำการโอนบัญชีและหักหนี้ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ธนาคารผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้ (อ้างฎีกา 2483/2527)
ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินฝากประจำของจำเลยไปเข้าบัญชีกระแสรายวันของจำเลยภายในกำหนด 3 เดือนก่อนจำเลยถูกโจทก์ฟ้องขอให้ล้มละลายเพื่อเป็นการชำระหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีธนาคารผู้คัดค้าน การกระทำของธนาคารผู้คัดค้านดังกล่าวเกิดจากข้อตกลงตามหนังสือยินยอมให้หักบัญชีเงินฝากประจำชำระหนี้ระหว่างจำเลยกับธนาคารผู้คัดค้าน โดยทำขึ้นก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายเกือบ 9 เดือน ซึ่งตามข้อตกลงดังกล่าวลูกหนี้ยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินในบัญชีฝากประจำมาหักหนี้เบิกเกินบัญชีในบัญชีเดินสะพัด เมื่อใดก็ได้โดยไม่ต้องมีการตัดทอนบัญชีก่อนและโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือขอความยินยอมลูกหนี้เสียก่อน การที่ธนาคารหักหนี้ดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำหรือยินยอมให้ธนาคารผู้คัดค้านกระทำการโอนบัญชีและหักหนี้ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ธนาคารผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้ (อ้างฎีกา 2483/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5105/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องมีเหตุผลชัดเจนแสดงโอกาสชนะคดี หากไม่มี ศาลยกคำร้องได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบและฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ จำเลยเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมเพราะจำเลยมิได้มีโอกาสต่อสู้คดีตามที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว หากจำเลยได้นำสืบตามข้อต่อสู้จำเลยมีทางชนะโจทก์ได้อย่างแน่นอน ดังนี้ เป็นการ กล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไรจึงเป็นคำร้องขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของมาตรา208 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5105/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วมีโอกาสชนะคดี มิใช่เพียงกล่าวอ้างลอยๆ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบและฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ จำเลยเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมเพราะจำเลยมิได้มีโอกาสต่อสู้คดีตามที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว หากจำเลยได้นำสืบตามข้อต่อสู้จำเลยมีทางชนะโจทก์ได้อย่างแน่นอน ดังนี้เป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงเป็นคำร้องขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4873/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ให้เช่าซื้อในการริบค่าเช่าซื้อและเรียกค่าเสียหายจากการไม่ส่งมอบรถยนต์เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกัน
เมื่อผู้เช่าซื้อรถยนต์ผิดสัญญาและสัญญาเลิกกันแล้วผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิ ริบค่าเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อชำระไว้แล้ว และกลับเข้าครอบครองรถยนต์ที่เช่าซื้อ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 วรรคแรก หากผู้เช่าซื้อไม่ส่งมอบรถผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพราะการไม่ชำระหนี้ ซึ่งได้แก่ค่าใช้ทรัพย์ตลอดเวลาที่ผู้เช่าซื้อครอบครองอยู่ตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรค 3 สัญญาเช่าซื้อข้อ 7 ระบุว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ งวดหนึ่งงวดใดก็ดี หรือผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินใด ๆ แก่เจ้าของ ตามสัญญาประการหนึ่งประการใดก็ดี หรือผู้เช่าซื้อจะต้องชดใช้ ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาประการใดประการหนึ่งก็ดี ผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างชำระและหรือค่าเสียหาย นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เงินค่าขาดประโยชน์ จากการใช้รถดังกล่าวไม่อยู่ในความหมายของเงินใด ๆ หรือค่าเสียหาย ตาม ข้อสัญญาดังกล่าวผู้ให้เช่าซื้อคงมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เช่าซื้อใช้ดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4873/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญาและไม่คืนรถ รวมถึงการคิดค่าเสียหายและการคิดดอกเบี้ย
เมื่อผู้เช่าซื้อรถยนต์ผิดสัญญาและสัญญาเลิกกันแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิริบค่าเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อชำระไว้แล้ว และกลับเข้าครอบครองรถยนต์ที่เช่าซื้อ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 วรรคแรก หากผู้เช่าซื้อไม่ส่งมอบรถผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพราะการไม่ชำระหนี้ ซึ่งได้แก่ค่าใช้ทรัพย์ตลอดเวลาที่ผู้เช่าซื้อครอบครองอยู่ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 3
สัญญาเช่าซื้อข้อ 7 ระบุว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ งวดหนึ่งงวดใดก็ดี หรือผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินใด ๆ แก่เจ้าของ ตามสัญญาประการหนึ่งประการใดก็ดี หรือผู้เช่าซื้อจะต้องชดใช้ ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาประการใดประการหนึ่งก็ดีผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างชำระและหรือค่าเสียหาย นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เงินค่าขาดประโยชน์ จากการใช้รถดังกล่าวไม่อยู่ในความหมายของเงินใด ๆ หรือค่าเสียหาย ตามข้อสัญญาดังกล่าว ผู้ให้เช่าซื้อคงมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เช่าซื้อใช้ดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น
สัญญาเช่าซื้อข้อ 7 ระบุว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ งวดหนึ่งงวดใดก็ดี หรือผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินใด ๆ แก่เจ้าของ ตามสัญญาประการหนึ่งประการใดก็ดี หรือผู้เช่าซื้อจะต้องชดใช้ ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาประการใดประการหนึ่งก็ดีผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างชำระและหรือค่าเสียหาย นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เงินค่าขาดประโยชน์ จากการใช้รถดังกล่าวไม่อยู่ในความหมายของเงินใด ๆ หรือค่าเสียหาย ตามข้อสัญญาดังกล่าว ผู้ให้เช่าซื้อคงมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เช่าซื้อใช้ดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4805/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรม: การกำหนดการเผื่อตาย, สำเนาพินัยกรรมใช้ได้เมื่อต้นฉบับหาย, ไม่ต้องลงชื่อผู้เขียน
ข้อความในเอกสารระบุไว้ว่าขอทำพินัยกรรม ถือได้ว่าเป็นการกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สิน เอกสารดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรม เมื่อต้นฉบับพินัยกรรมหาย คู่ความนำสำเนาที่ถูกต้องมาสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับให้ลงชื่อผู้เขียนพินัยกรรมลงในพินัยกรรม