พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888-2889/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความล่าช้าในการยื่นคำให้การเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของผู้ถูกฟ้อง ไม่ถือเป็นเหตุสมควร ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน
จำเลยมอบหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและใบแต่งทนายความให้ ต. คนขับรถบรรทุกข้าวสารของจำเลยนำไปให้ทนายความที่กรุงเทพฯ ก่อนครบกำหนดยื่นคำให้การ 2 วัน ปกติรถบรรทุกข้าวสารของจำเลยจะต้องถึงกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้นแต่รถเสียกลางทางต้องซ่อมหลายวันจนพ้นกำหนดยื่นคำให้การ ทนายความจึงยื่นคำให้การ เมื่อพ้นกำหนดเวลา นับว่าเป็นความบกพร่องและความผิดของจำเลยเองพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การและการยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การโดยอ้างเหตุดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอยื่นคำให้การโดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องเสียก่อนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ทำให้การซื้อขายไม่สำเร็จ จำเลยผิดสัญญาต้องคืนเงินมัดจำและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยปกปิดความจริงไม่บอกให้โจทก์ทราบว่ายังมีสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นอยู่บนที่ดินดังกล่าว ต่อมาเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้คัดค้านการโอนและจำเลยไม่สามารถทำความตกลงกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้จนไม่สามารถโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ทำให้ผู้ซื้อเสียหาย จำเลยต้องคืนมัดจำและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยปกปิดความจริงไม่บอกให้โจทก์ทราบว่ายังมีสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นอยู่บนที่ดินดังกล่าว ต่อมาเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้คัดค้านการโอนและจำเลยไม่สามารถทำความตกลงกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้จนไม่สามารถโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ทำให้การซื้อขายไม่สำเร็จ ต้องคืนมัดจำและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยปกปิดความจริงไม่บอกให้โจทก์ทราบว่ายังมีสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นอยู่บนที่ดินดังกล่าว ต่อมาเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้คัดค้านการโอนและจำเลยไม่สามารถทำความตกลงกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้จนไม่สามารถโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาซ้ำซ้อนและการปรับบทลงโทษที่ถูกต้องตามกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)
ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 รวม 5 กระทง จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานไปบ้างแล้วลดโทษให้ 1 ใน 3 คงลงโทษฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 8เดือน ฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก4 เดือน ฐานใช้รถที่ไม่ได้จดทะเบียนและเสียภาษี ปรับ 1,200 บาทฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดจากการที่ตนทำผิดอย่างอื่น จำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำคุก 33 ปี 4 เดือนรวมแล้วคงจำคุก67 ปี 8 เดือน กับปรับ 1,200 บาท แต่โทษจำคุกคงให้จำคุกเพียง50 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 91(3) นั้น ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้วกรณีไม่ใช่นับโทษและลดโทษโดยการนำโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1ที่ศาลลงโทษไว้สองกระทงรวมกันแล้วเปลี่ยนเป็นโทษจำคุก 50ปี ลดโทษลง 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน แล้วรวมโทษจำคุกกระทงอื่นเข้าด้วยอีกคงเป็นโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เพียง 34 ปี4 เดือนนั้นไม่ตรงตาม ป.อ. มาตรา 91(3).(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2833/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกสัญญาแชร์เพื่อพิจารณาข้อจำกัดการฎีกา และข้อจำกัดทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์รวม 3 วงแล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าแชร์ ทุนทรัพย์ในคดีต้องแยกตามสัญญาเล่นแชร์แต่ละวงสำหรับแชร์วงที่ 2 และวงที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนแชร์วงแรกทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2833/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกสัญญาแชร์แต่ละวงเพื่อพิจารณาข้อห้ามฎีกาตามทุนทรัพย์ที่พิพาท
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์รวม 3 วงแล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าแชร์ ทุนทรัพย์ในคดีต้องแยกตามสัญญาเล่นแชร์แต่ละวง สำหรับแชร์วงที่ 2 และวงที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนแชร์วงแรกทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2833/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทุนทรัพย์คดีแชร์และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์รวม 3 วงแล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าแชร์ ทุนทรัพย์ในคดีต้องแยกตามสัญญาเล่นแชร์แต่ละวง สำหรับแชร์วงที่ 2 และวงที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนแชร์วงแรกทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2828/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เทศบาล การโอนสิทธิไม่เข้าข่ายโกงเจ้าหนี้
จำเลยที่ 1 ได้รับสิทธิทำการปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ในที่ดินราชพัสดุจากเทศบาล เมื่อสร้างเสร็จแล้วจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะเช่าอาคารดังกล่าวอยู่เองหรือให้บุคคลอื่นเช่าก็ได้โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้เลือกกำหนดตัวผู้เช่าและกำหนดจำนวนเงินกินเปล่าในการเช่า เป็นผู้ตกลงให้เช่าและเข้าทำสัญญากับผู้เช่าเองมิได้ทำในฐานะตัวแทนของเทศบาลเพียงแต่ต้องนำผู้เช่าไปทำสัญญาเช่ากับเทศบาลอีกครั้งหนึ่งเท่านั้นถือได้ว่าสิทธิการเช่าตึกพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 หาใช่เป็นของเทศบาลไม่ การที่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3 อาจเป็นการทำให้โจทก์เจ้าหนี้มิได้รับชำระหนี้อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2828/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เทศบาล การโอนสิทธิไม่เข้าข่ายโกงเจ้าหนี้
จำเลยที่ 1 ได้รับสิทธิทำการปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ในที่ดินราชพัสดุจากเทศบาล เมื่อสร้างเสร็จแล้วจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะเช่าอาคารดังกล่าวอยู่เอง หรือให้บุคคลอื่นเช่าก็ได้โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้เลือกกำหนดตัวผู้เช่าและกำหนดจำนวนเงินกินเปล่าในการเช่า เป็นผู้ตกลงให้เช่าและเข้าทำสัญญากับผู้เช่าเองมิได้ทำในฐานะตัวแทนของเทศบาล เพียงแต่ต้องนำผู้เช่าไปทำสัญญาเช่ากับเทศบาลอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น ถือได้ว่าสิทธิการเช่าตึกพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 หาใช่เป็นของเทศบาลไม่ การที่จำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 2 โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3 อาจเป็นการทำให้โจทก์เจ้าหนี้มิได้รับชำระหนี้อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350