พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นแทนลูกค้า: สิทธิหน้าที่ของตัวแทน, ลูกค้า, และการรับสภาพหนี้
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แทนลูกค้านั้นบริษัทผู้ดำเนินการซื้อขายหุ้นแทนลูกค้ากับลูกค้ามีเจตนาผูกพันขอให้เป็นหุ้นประเภทจำนวนและราคาตามที่ตกลงสั่งซื้อหรือตกลงขายไว้ต่อกันเป็นปัจจัยสำคัญการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นนิติกรรมอย่างหนึ่งซึ่งสามารถแยกจากการจดทะเบียนโอนหุ้นได้โดยเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในหุ้นย่อมตกแก่ผู้ซื้อทันทีที่ได้มีการซื้อขายกันการจดทะเบียนโอนหุ้นเป็นการกระทำเพียงเพื่อให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นนั้นใช้ยันต่อบริษัทที่ออกหุ้นหรือต่อบุคคลภายนอกเท่านั้นหาเกี่ยวข้องถึงความสมบูรณ์ของการซื้อขายหุ้นแต่ประการใดไม่ดังนี้แม้โจทก์ซื้อหุ้นให้จำเลยตามข้อตกลงกันแล้วโจทก์ยังไม่ได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129ก็ยังถือว่าโจทก์ได้จัดการซื้อหุ้นตามฟ้องให้จำเลยที่1และเมื่อโจทก์ได้ชำระเงินค่าหุ้นแทนจำเลยที่1ไปก่อนจำเลยที่1จึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินที่โจทก์ได้ออกแทนไปพร้อมทั้งค่านายหน้าและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามที่จำเลยที่1ตกลงไว้กับโจทก์. จำเลยที่1ทำบันทึกข้อตกลงรับสภาหนี้ให้โจทก์โดยมีมูลหนี้เกิดจากที่โจทก์ซื้อหุ้นให้จำเลยในตลาดหลักทรัพย์และได้ชำระเงินค่าหุ้นแทนจำเลยที่1ไปจำเลยที่1ย่อมต้องรับผิดตามบันทึกข้อตกลงรับสภาพหนี้นั้นและกรณีนี้มีอายุความ10ปีนับแต่วันที่จำเลยตกลงทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าว. จำเลยที่2ให้การต่อสู้คดีและเบิกความว่าจำเลยที่2ตกลงกับโจทก์และสั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นแทนจำเลยที่1กับพวกและได้ลงชื่อในบันทึกข้อตกลงรับสภาพหนี้แทนจำเลยที่1ปรากฏว่าข้อความในบันทึกตอนเริ่มต้นมีว่าจำเลยที่2ได้ทำบันทึกข้อตกลงแทนจำเลยที่1ไม่ได้ทำในนามของตนเองประกอบกับโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวดังนั้นแม้จำเลยที่2จะลงชื่อในท้ายบันทึกดังกล่าวในฐานะผู้ให้สัญญากรณีก็อาจตีความได้เป็นสองนัยว่าลงชื่อในฐานะเป็นผู้ทำบันทึกข้อตกลงแทนจำเลยที่1หรือในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์โดยตรงก็ได้ศาลจึงตีความในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยที่2ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา11จำเลยที่2ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่1ต่อโจทก์ตามบันทึกข้อตกลงรับสภาพหนี้ดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเรื่องอายุความหลังชี้สองสถาน ศาลชอบที่ยกคำร้องเพราะไม่เป็นปัญหาความสงบเรียบร้อย
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเกี่ยวกับเรื่องอายุความเมื่อจำเลยอาจยื่นคำร้องได้ก่อนวันชี้สองสถานและเรื่องอายุความไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องจึงชอบแล้ว.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์ การประเมินเจตนาการกระทำผิด และขอบเขตความรับผิดของผู้ร่วมกระทำ
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมดื่มสุราอยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ปืนจี้และขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง จำเลยที่ 1 กับพวกต่างก็ใช้มีดจี้ผู้เสียหายทันที แสดงว่าจำเลยที่ 1 กับพวกพร้อมที่จะช่วยเหลือจำเลยที่ 2 เพื่อมิให้ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขวาง ครั้นจำเลยที่ 2 ผลักผู้เสียหายล้มลงและเอาเท้าเหยียบคอผู้เสียหายไว้ จำเลยที่ 1 ก็แทงผู้เสียหายในเวลาติดต่อกันไป และหลังจากปล้นได้ทรัพย์แล้วก็หลบหนีไปพร้อมกันนั้น เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำผิดโดยตลอดจำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับผิดในการที่จำเลยที่ 1 แทงผู้เสียหายด้วย แต่มีดที่จำเลยที่ 1 ใช้แทงผู้เสียหายนั้น ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว จำเลยที่ 1 แทงเพียงทีเดียวแล้วหยุดเลิกไปเอง ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจะแทงซ้ำ และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าบาดแผลรักษาหายภายใน 7 วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ใช่ความผิดหลายกรรม แม้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกา แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองได้
ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้น จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย
ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้น จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมปล้นทรัพย์-ทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาตัดสินจำคุกโดยพิจารณาความผิดกรรมเดียวและโทษบทหนักสุด
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมดื่มสุราอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อจำเลยที่2ใช้ปืนจี้และขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้องจำเลยที่1กับพวกต่างก็ใช้มีดจี้ผู้เสียหายทันทีแสดงว่าจำเลยที่1กับพวกพร้อมที่จะช่วยเหลือจำเลยที่2เพื่อมิให้ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขวางครั้นจำเลยที่2ผลักผู้เสียหายล้มลงและเอาเท้าเหยียบคอผู้เสียหายไว้จำเลยที่1ก็แทงผู้เสียหายในเวลาติดต่อกันไปและหลังจากปล้นได้ทรัพย์แล้วก็หลบหนีไปพร้อมกันนั้นเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำผิดโดยตลอดจำเลยที่2ย่อมต้องรับผิดในการที่จำเลยที่1แทงผู้เสียหายด้วยแต่มีดที่จำเลยที่1ใช้แทงผู้เสียหายนั้นยาวประมาณ4-5นิ้วกว้างประมาณ1นิ้วจำเลยที่1แทงเพียงทีเดียวแล้วหยุดเลิกไปเองทั้งๆที่มีโอกาสจะแทงซ้ำและได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าบาดแผลรักษาหายภายใน7วันจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1แทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน.อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ใช่ความผิดหลายกรรมแม้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาแต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองได้. ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา340ตรีลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่1เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้นจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2267/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกาย: การสมัครใจวิวาททำให้ไม่อ้างป้องกันตนเองได้ และข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องข้อเท็จจริง
การที่จำเลยทั้งสองทำร้ายกันมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากจำเลยที่2มีเรื่องโต้เถียงกันกับย. ซึ่งเดินมากับจำเลยที่1ก่อนต่อมาจำเลยทั้งสองได้มาพบกันอีกและโต้เถียงกันก่อนที่จะลงมือทำร้ายกันตามพฤติการณ์ถือได้ว่าต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาททำร้ายแม้ฝ่ายใดจะลงมือทำร้ายก่อนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเมื่อสมัครใจวิวาทกันแล้วจะอ้างว่าตนทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้ คดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลฎีกาจะมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงได้เพราะผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้รับรองว่าเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดแต่ข้อเท็จจริงที่คู่ความฎีกานั้นจะต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ยกปัญหาที่ฎีกาขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย จำเลยเพียงแต่ชกต่อยกอดปล้ำกันมิได้ใช้อาวุธทำร้ายและเหตุที่ทำร้ายกันก็เกิดจากการวิวาทโต้เถียงไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อนพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีสิ่งแวดล้อมของจำเลยทั้งสองและสภาพความผิดแล้วศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ตามป.อ.มาตรา56ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2267/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกาย: การสมัครใจวิวาททำให้ไม่สามารถอ้างป้องกันตนเองได้ และข้อจำกัดในการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงใหม่
การที่จำเลยทั้งสองทำร้ายกันมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากจำเลยที่2มีเรื่องโต้เถียงกันกับย.ซึ่งเดินมากับจำเลยที่1ก่อนต่อมาจำเลยทั้งสองได้มาพบกันอีกและโต้เถียงกันก่อนที่จะลงมือทำร้ายกันตามพฤติการณ์ถือได้ว่าต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาททำร้ายแม้ฝ่ายใดจะลงมือทำร้ายก่อนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเมื่อสมัครใจวิวาทกันแล้วจะอ้างว่าตนทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้. คดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลฎีกาจะมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงได้เพราะผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้รับรองว่าเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดแต่ข้อเท็จจริงที่คู่ความฎีกานั้นจะต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ยกปัญหาที่ฎีกาขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย. จำเลยเพียงแต่ชกต่อยกอดปล้ำกันมิได้ใช้อาวุธทำร้ายและเหตุที่ทำร้ายกันก็เกิดจากการวิวาทโต้เถียงไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อนพิเคราะห์ถึงพฤติกาณณ์แห่งคดีสิ่งแวดล้อมของจำเลยทั้งสองและสภาพความผิดแล้วศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2260/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการละเมิดของบุตรผู้เยาว์จากการปล่อยปละละเลย
บิดามารดาปล่อยปละละเลยให้บุตรผู้เยาว์ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งๆยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถือว่าไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ผู้ปกครองบุตรที่ดีต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการทำละเมิดที่บุตรผู้เยาว์ก่อขึ้นแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา429.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2260/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการละเมิดของบุตรผู้เยาว์ที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต
บิดามารดาปล่อยปละละเลยให้บุตรผู้เยาว์ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งๆยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถือว่าไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ผู้ปกครองบุตรที่ดีต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการทำละเมิดที่บุตรผู้เยาว์ก่อขึ้นแก่บุคคลอื่นตามป.พ.พ.มาตรา429.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนรูปเฮโรอีน (อัดแท่ง) ถือเป็นการผลิตตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด แต่ต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนการกระทำผิด
การอัดเฮโรอีนชนิดผงให้เป็นแท่งเป็นการเปลี่ยนรูปเฮโรอีนจึงถือได้ว่าเป็นการผลิตเฮโรอีนตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522มาตรา4วรรคสองแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนรูปเฮโรอีน (อัดเป็นแท่ง) ถือเป็นการ 'ผลิต' ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ และการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การอัดเฮโรอีนชนิดผงให้เป็นแท่งเป็นการเปลี่ยนรูปเฮโรอีน จึงถือได้ว่าเป็นการผลิตเฮโรอีนตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ มาตรา 4