คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญส่ง คล้ายแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายรายเดือนกับดอกเบี้ย: ห้ามซ้ำซ้อน
ฟ้องโจทก์ที่เรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนนับจากเดือนที่ฟ้องเป็นต้นไปพร้อมดอกเบี้ยในแต่ละเดือนด้วยนั้น เมื่อกำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน อันเป็นค่าเสียหายในอนาคตแล้ว โจทก์ก็ไม่อาจที่จะขอให้ชำระดอกเบี้ยในค่าเสียหายดังกล่าวมาในคราวเดียวกันอีก เพราะเป็นการซ้ำซ้อนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายรายเดือนกับดอกเบี้ย: ห้ามซ้ำซ้อน
ฟ้องโจทก์ที่เรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนนับจากเดือนที่ฟ้องเป็นต้นไปพร้อมดอกเบี้ยในแต่ละเดือนด้วยนั้นเมื่อกำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือนอันเป็นค่าเสียหายในอนาคตแล้วโจทก์ก็ไม่อาจที่จะขอให้ชำระดอกเบี้ยในค่าเสียหายดังกล่าวมาในคราวเดียวกันอีกเพราะเป็นการซ้ำซ้อนกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์รถของกลางหลังศาลสั่งริบ: ผู้รับโอนย่อมไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ เพราะกรรมสิทธิ์ตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้ร้องรับโอนรถจักรยานยนต์ของกลางภายหลังศาลสั่งริบย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะรถของกลางตกเป็นของแผ่นดินแล้วจึงร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถจักรยานยนต์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลาง: การรับโอนหลังศาลสั่งริบไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ รถตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้ร้องรับโอนรถจักรยานยนต์ของกลางภายหลังศาลสั่งริบย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะรถของกลางตกเป็นของแผ่นดินแล้วจึงร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถจักรยานยนต์ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงผู้เสียหาย แม้มีอาวุธปืน แต่มีเหตุผลสมควรในการครอบครอง จึงลดโทษ
ตามคำพยานโจทก์ที่เบิกความต่อศาลปรากฏว่าไม่เห็นจำเลยยิงผู้เสียหายทั้งพวกของจำเลยก็มีถึงประมาณ10-20คนมีอาวุธปืนเกือบทุกคนเจ้าพนักงานผู้จับกุมจำเลยก็เบิกความว่าบาดแผลของผู้เสียหายเป็นแผลถูกกระสุนปืนลูกซองมิใช่กระสุนปืนเอ็ม 16ที่จำเลยถืออยู่พยานหลักฐานดังกล่าวจึงเชื่อว่าจำเลยมิได้ยิงผู้เสียหายและมิได้เกี่ยวข้องในการยิงแต่อย่างใดกรณีไม่อาจถือว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย จำเลยเป็นกรรมการวัดที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานที่วัดนั้นอาวุธปืนที่มีในขณะเกิดเหตุก็เป็นของทางราชการมอบให้กำนันไว้ปราบปรามโจรผู้ร้ายเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวศาลพิพากษารอการลงโทษความผิดฐานมีอาวุธปืนนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยถูกกล่าวหาพยายามฆ่าและมีอาวุธปืน แต่ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิง และให้โอกาสกลับตัว
ตามคำพยานโจทก์ที่เบิกความต่อศาลปรากฏว่าไม่เห็นจำเลยยิงผู้เสียหายทั้งพวกของจำเลยก็มีถึงประมาณ10-20คนมีอาวุธปืนเกือบทุกคนเจ้าพนักงานผุ้จับกุมจำเลยก็เบิกความว่าบาดแผลของผู้เสียหายเป็นแผลถูกกระสุนปืนลูกซองมิใช่กระสุนปืนเอ็ม16ที่จำเลยถืออยู่พยานหลักฐานดังกล่าวจึงเชื่อว่าจำเลยมิได้ยิงผู้เสียหายและมิได้เกี่ยวข้องในการยิงแต่อย่างใดกรณีไม่อาจถือว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย. จำเลยเป็นกรรมการวัดที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานที่วัดนั้นอาวุธปืนที่มีในขณะเกิดเหตุก็เป็นของทางราชการมอบให้กำนันไว้ปราบปรามโจรผู้ร้ายเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวศาลพิพากษารอการลงโทษความผิดฐานมีอาวุธปืนนั้น.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีหมิ่นประมาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่อ้างพยานหลักฐานไม่ครบถ้วนและประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยที่ว่าในการวินิจฉัยคดีนั้นศาลล่างทั้งสองหยิบยกพยานหลักฐานของจำเลยขึ้นมาพิจารณาแต่เพียงบางส่วนจึงเห็นว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมถ้าพิจารณาให้ครบถ้วนแล้วจะเห็นได้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดการวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา227นั้นเป็นฎีกาโต้แย้งการรับฟังพยานหลักฐานของศาลโดยการโต้เถียงข้อเท็จจริงจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นมากล่าวอ้างนั้นเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือจากที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องและที่จำเลยให้การรับซึ่งฟังเป็นยุติแล้วศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้. เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยลงโฆษณานั้นเป็นข้อความที่หมิ่นประมาทโจทก์ร่วมแล้วจึงไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิที่จะนำข้อความหมิ่นประมาทนั้นไปลงประกาศในหนังสือพิมพ์หรือไม่เพราะจำเลยไม่มีสิทธิที่จะกระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายได้ที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยมีสิทธิลงประกาศในหนังสือพิมพ์หรือไม่ไม่ได้ทำให้การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีหมิ่นประมาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่ขัดแย้งข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้ว
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ในการวินิจฉัยคดีนั้น ศาลล่างทั้งสองหยิบยกพยานหลักฐานของจำเลยขึ้นมาพิจารณาแต่เพียงบางส่วน จึงเห็นว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม ถ้าพิจารณาให้ครบถ้วนแล้ว จะเห็นได้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด การวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 นั้น เป็นฎีกาโต้แย้งการรับฟังพยานหลักฐานของศาลโดยการโต้เถียงข้อเท็จจริง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นมากล่าวอ้างนั้น เป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือจากที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องและที่จำเลยให้การรับซึ่งฟังเป็นยุติแล้ว ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้
เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยลงโฆษณานั้นเป็นข้อความที่หมิ่นประมาทโจทก์ร่วมแล้ว จึงไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิที่จะนำข้อความหมิ่นประมาทนั้นไปลงประกาศในหนังสือพิมพ์หรือไม่เพราะจำเลยไม่มีสิทธิที่จะกระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายได้ ที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่า จำเลยมีสิทธิลงประกาศในหนังสือพิมพ์หรือไม่ไม่ได้ทำให้การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คที่ไม่สามารถใช้ได้และการอายัดเช็คไม่ทำให้จำเลยพ้นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยเป็นหัวหน้าวงแชร์เมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้จำเลยเก็บเงินจากลูกวงแชร์แล้วออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เท่ากับจำนวนเงินที่จำเลยเก็บมาจากลูกวงแชร์.และโจทก์ได้ออกเช็ค9ฉบับให้จำเลยเพื่อเป็นการประกันหนี้ตามเช็คพิพาท.ดังนี้การออกเช็คของจำเลยเป็นการออกเช็คตามมูลหนี้ที่มีต่อโจทก์โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบแม้โจทก์จะอายัดเช็คทั้ง9ฉบับนั้นเมื่อธนาคารตามเช็คพิพาทปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ก็ยังคงได้รับความเสียหายจากการที่ไม่ได้รับเงินตามเช็คพิพาทที่จำเลยยังมีหนี้ต่อโจทก์อยู่โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย. จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์อันเนื่องจากการเล่นแชร์เปียหวยเมื่อปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเพราะกฎหมายไม่ได้ยกเว้นไว้ว่าการออกเช็คในการเล่นแชร์เปียหวยไม่เป็นความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีเช็ค: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานความพร้อมทางการเงินของจำเลยเป็นสาระสำคัญในการพิสูจน์ความผิด
อุทธรณ์ของโจทก์ที่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ของโจทก์ในการรับฟังข้อเท็จจริงว่า คดีโจทก์มีมูลนั้น มิได้ทำให้ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป คดียังคงมีปัญหาว่า ฟ้องของโจทก์มีมูลหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบ (ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) ให้ปรากฏว่า วันที่เช็คถึงกำหนดจำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คพิพาทได้หรือไม่ หรือบัญชีของจำเลยปิดแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค คดีของโจทก์จึงไม่มีมูลนั้น เหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการเพียงพอแล้วที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยหักล้างเหตุผลที่โจทก์แสดงต่อศาลอุทธรณ์เพราะเหตุผลนั้นไม่เป็นสาระ ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป การที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยหักล้างอุทธรณ์ของโจทก์หรือยกเหตุผลอื่นขึ้นวินิจฉัย จึงไม่ใช่การวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ตรงตามที่โจทก์อุทธรณ์ และการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแม้จะให้เหตุผลแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
of 89