คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญส่ง คล้ายแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์มูลคดีเช็ค: ศาลอุทธรณ์พิจารณาจากเงินในบัญชีผู้สั่งจ่าย ณ วันเช็คถึงกำหนด
อุทธรณ์ของโจทก์ที่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่างๆของโจทก์ในการรับฟังข้อเท็จจริงว่าคดีโจทก์มีมูลนั้นมิได้ทำให้ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปคดียังคงมีปัญหาว่าฟ้องของโจทก์มีมูลหรือไม่เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแล้วเห็นว่าโจทก์ไม่ได้นำสืบ(ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง)ให้ปรากฏว่าวันที่เช็คถึงกำหนดจำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คพิพาทได้หรือไม่หรือบัญชีของจำเลยปิดแล้วหรือไม่ซึ่งเป็นสาระสำคัญของคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คคดีของโจทก์จึงไม่มีมูลนั้นเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการเพียงพอแล้วที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยหักล้างเหตุผลที่โจทก์แสดงต่อศาลอุทธรณ์เพราะเหตุผลนั้นไม่เป็นสาระไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปการที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจแัยหักล้างอุทธรณ์ของโจทก์หรือยกเหตุผลอื่นขึ้นวินิจฉัยจึงไม่ใช่การวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ตรงตามที่โจทก์อุทธรณ์และการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแม้จะให้เหตุผลแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนในกรณีถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและมีเหตุให้เชื่อว่าภัยอันตรายใกล้ถึงตัว ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า'วันนี้เป็นวันตายของมึง'และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและการใช้สิทธิป้องกันตนเมื่อถูกประทุษร้าย
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า"วันนี้เป็นวันตายของมึง"และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนทางอาญา: กรณีผู้ถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและตอบโต้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อน คืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุม เมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุม ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า'วันนี้เป็นวันตายของมึง' และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลัง ผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมา จำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง พอสมควรแก่เหตุ ส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อน เมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตาย การป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาต้องระบุเหตุ หากไม่ชัดเจนศาลไม่รับวินิจฉัย แม้เป็นประเด็นความสงบเรียบร้อย
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา177วรรคสองนั้นนอกจากจำเลยจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนแล้วยังจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการนั้นด้วย จำเลยให้การเพียงว่าพินัยกรรมที่โจทก์นำมาฟ้องทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้โดยมิได้กล่าวว่าไม่ถูกต้องอย่างไรเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แสดงโดยชัดแจ้งถึงเหตุที่อ้างว่าพินัยกรรมไม่สมบูรณ์ที่จำเลยฎีกาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะเพราะมิได้ทำต่อหน้าพยานสองคนจำเลยมิได้ยกเหตุนี้ขึ้นต่อสู้ในคำให้การแม้จะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาก็ใช้ดุลพินิจไม่รับวินิจฉัยให้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาต้องชัดแจ้งเหตุ หากไม่ชัดเจนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยแม้เป็นประเด็นความสงบเรียบร้อย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา117วรรคสองนั้นนอกจากจำเลยจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนแล้วยังจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการนั้นด้วยจำเลยให้การเพียงว่าพินัยกรรมที่โจทก์นำมาฟ้องทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้โดยมิได้กล่าวว่าไม่ถูกต้องอย่างไรเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แสดงโดยชัดแจ้งถึงเหตุที่อ้างว่าพินัยกรรมไม่สมบูรณ์ที่จำเลยฎีกาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะเพราะมิได้ทำต่อหน้าพยานสองคนจำเลยมิได้ยกเหตุนี้ขึ้นต่อสู้ในคำให้การแม้จะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาก็ใช้ดุลพินิจไม่รับวินิจฉัยให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4684/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญา: ผู้เสียหายที่แท้จริงคือใคร?
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการของโจทก์ร่วมหลอกลวงลูกค้าของโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมขึ้นราคาสินค้า ลูกค้าหลงเชื่อซื้อตามนั้น เงินส่วนที่ขายเกินกำหนดเป็นเงินของลูกค้าส่งมอบให้จำเลยเพราะถูกจำเลยหลอกลวง มิใช่เป็นเงินที่จำเลยได้รับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 810 จึงเป็นเงินของลูกค้าผู้ถูกหลอกลวง หาใช่เงินของโจทก์ร่วมไม่ โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหาย เมื่อลูกค้าผู้เป็นเจ้าของเงินซึ่งเป็นผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2528)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4550/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบยืนยันความสมัครใจและตามความสัตย์จริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบให้ฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนมีความยาวกว่า 20หน้ากระดาษพิมพ์ มีรายละเอียดตั้งแต่เริ่มรู้จักพวกของจำเลยที่จำเลยระบุว่าเป็นคนร้ายที่เข้าปล้นทรัพย์ พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก ในวันที่ปล้นทรัพย์ และการแบ่งทรัพย์ที่ปล้นมาได้ และจำเลยได้นำ ชี้สถานที่ต่างๆ ที่คำให้การดังกล่าวระบุถึงให้พนักงานสอบสวนถ่ายภาพไว้ กับนำพนักงานสอบสวนไปค้นบ้านพักและจับกุมพวกของจำเลย ที่เข้าปล้นทรัพย์ ดังนี้เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน โดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง จึงใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำความผิด คงมีแต่คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนดังกล่าว กับพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีว่า ค้นบ้านจำเลยพบเอกสารแสดงการที่จำเลยติดต่อกับพวกที่เข้าปล้นทรัพย์พยานบุคคลที่ว่าจำเลยไปพบบุตรของพวกจำเลยที่เข้าปล้นทรัพย์แล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายให้ไปขอรับเงินส่วนแบ่ง กับมีผู้พบเห็นพวกของจำเลย ที่เข้าปล้นทรัพย์มาพักที่บ้านจำเลยก่อนเกิดเหตุศาลรับฟังคำให้การ รับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนข้างต้นประกอบพยานพฤติเหตุแวดล้อม กรณีเหล่านี้ลงโทษจำเลยได้
จำเลยแนะนำพวกของจำเลยให้มาปล้นทรัพย์ และก่อนปล้นทรัพย์ก็ได้ร่วมกันวางแผน แล้วจำเลยขับรถนำพวกของจำเลยไปส่งณ สถานที่แห่งหนึ่งต่อจากนั้นก็นำรถไปจอดซุ่มรออยู่ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่งเพื่อรับพวกของจำเลยที่เข้าปล้นทรัพย์ พาหลบหนี ปรากฏว่าขณะที่พวกของจำเลยเข้าปล้นทรัพย์ จำเลย จอดรถซุ่มรออยู่ห่างจากที่เกิดเหตุมากจนไม่อาจที่จะเข้าช่วยเหลือ หรือร่วมมือกับพวกกระทำการปล้นทรัพย์ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลย เป็นตัวการร่วมกับพวกปล้นทรัพย์รายนี้ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่พวกของจำเลย เข้าปล้นทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนการกระทำ ความผิด ฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4550/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยได้ หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนการให้การสมัครใจและเป็นความจริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบให้ฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนมีความยาวกว่า 20 หน้ากระดาษพิมพ์ มีรายละเอียดตั้งแต่เริ่มรู้จักพวกของจำเลยที่จำเลยระบุว่าเป็นคนร้ายที่เข้าปล้นทรัพย์ พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก ในวันที่ปล้นทรัพย์ และการแบ่งทรัพย์ที่ปล้นมาได้ และจำเลยได้นำ ชี้สถานที่ต่าง ๆ ที่คำให้การดังกล่าวระบุถึงให้พนักงานสอบสวนถ่ายภาพไว้ กับนำพนักงานสอบสวนไปค้นบ้านพักและจับกุมพวกของจำเลย ที่เข้าปล้นทรัพย์ ดังนี้เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน โดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง จึงใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำความผิด คงมีแต่คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนดังกล่าว กับพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีว่า ค้นบ้านจำเลยพบเอกสารแสดงการที่จำเลยติดต่อกับพวกที่เข้าปล้นทรัพย์พยานบุคคลที่ว่าจำเลยไปพบบุตรของพวกจำเลยที่เข้าปล้นทรัพย์แล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายให้ไปขอรับเงินส่วนแบ่ง กับมีผู้พบเห็นพวกของจำเลย ที่เข้าปล้นทรัพย์มาพักที่บ้านจำเลยก่อนเกิดเหตุศาลรับฟังคำให้การ รับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนข้างต้นประกอบพยานพฤติเหตุแวดล้อม กรณีเหล่านี้ลงโทษจำเลยได้
จำเลยแนะนำพวกของจำเลยให้มาปล้นทรัพย์ และก่อนปล้นทรัพย์ก็ได้ร่วมกันวางแผน แล้วจำเลยขับรถนำพวกของจำเลยไปส่งณ สถานที่แห่งหนึ่งต่อจากนั้นก็นำรถไปจอดซุ่มรออยู่ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่งเพื่อรับพวกของจำเลยที่เข้าปล้นทรัพย์ พาหลบหนี ปรากฏว่าขณะที่พวกของจำเลยเข้าปล้นทรัพย์ จำเลย จอดรถซุ่มรออยู่ห่างจากที่เกิดเหตุมากจนไม่อาจที่จะเข้าช่วยเหลือ หรือร่วมมือกับพวกกระทำการปล้นทรัพย์ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลย เป็นตัวการร่วมกับพวกปล้นทรัพย์รายนี้ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่พวกของจำเลย เข้าปล้นทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนการกระทำ ความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4445/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงซ่อมรถเองหลังชน ไม่ตัดสิทธิประกันภัย ผู้รับประกันภัยมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด
การที่เจ้าของรถยนต์ตกลงกันในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีหลังเกิดเหตุรถยนต์ชนกันว่า " เจ้าของรถต่างไม่ติดใจค่าเสียหายจะนำไปซ่อมเอง เพราะมีประกันภัยไว้" แสดงว่าเจ้าของรถยังมีความประสงค์ที่จะได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยให้ผู้รับประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบ ข้อตกลงดังกล่าวไม่ทำให้การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสิ้นสุดลง จึงไม่เป็นข้อตกลงในการระงับข้อพิพาทให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันตามลักษณะของสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่เสียหายได้รถยนต์คันดังกล่าวอันเป็นการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยแล้ว ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิผู้เสียหายในอันที่จะเรียกร้องให้ฝ่ายผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าเสียหายได้
of 89