คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญส่ง คล้ายแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการแก้ฟ้องของโจทก์ร่วมที่ดำเนินคดีโดยอาศัยฟ้องของพนักงานอัยการ และขอบเขตการลงโทษ
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ หากศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องส่วนที่โจทก์ร่วมขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องไว้ก็มีอำนาจสั่งงดเสียได้
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการแก้ฟ้องของโจทก์ร่วมที่ดำเนินคดีโดยอาศัยฟ้องของอัยการ และผลต่อการพิจารณาคดี
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ หากศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องส่วนที่โจทก์ร่วมขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องไว้ก็มีอำนาจสั่งงดเสียได้
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3722/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจในการยื่นคำร้องตาม พ.ร.บ.ล้มละลายสงวนไว้สำหรับลูกหนี้ เจ้าหนี้ หรือผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง
บุคคลที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลสั่งตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 146 ได้ จะต้องเป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าหนี้ หรือบุคคลที่ได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ในกรณีนี้ผู้ที่หากจะได้รับความเสียหายก็คือบริษัทลูกหนี้(จำเลย) ผู้ร้องเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทลูกหนี้(จำเลย) ไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ แทนบริษัทลูกหนี้(จำเลย) นอกจากจะมีกฎหมายให้อำนาจผู้ถือหุ้นไว้ดังเช่นมาตรา 1169 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องในกรณีนี้ได้ กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้ยกความข้อนี้ขึ้นคัดค้านศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3722/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการยื่นคำร้องตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ ผู้ถือหุ้นไม่มีสิทธิหากไม่ได้รับความเสียหายโดยตรง
บุคคลที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลสั่งตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 146 ได้ จะต้องเป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าหนี้ หรือบุคคลที่ได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ในกรณีนี้ผู้ที่หากจะได้รับความเสียหายก็คือบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ผู้ร้องเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ แทนบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) นอกจากจะมีกฎหมายให้อำนาจผู้ถือหุ้นไว้ดังเช่นมาตรา 1169 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องในกรณีนี้ได้ กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้ยกความข้อนี้ขึ้นคัดค้านศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองร่วม การซื้อขายที่ดิน และการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ไม่ชอบ
โจทก์ร่วมเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทร่วมกับจำเลยจึงมีสิทธิที่จะขายที่พิพาทส่วนที่โจทก์ร่วมมีสิทธิครอบครองให้โจทก์ได้ จำเลยไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับโจทก์ร่วมเสียทั้งหมด
มูลคดีที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์เป็นคดีละเมิด โจทก์ไม่มีหน้าที่ตามนิติกรรมที่จะต้องทำการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่พิพาทให้จำเลย การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์จึงเป็นการไม่ถูกต้อง
โจทก์ร่วมขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาทแล้วโอนขายให้แก่โจทก์ จำเลยฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับโจทก์ร่วม และพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ให้โจทก์หรือโจทก์ร่วมโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้จำเลย ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา ตามคำขอของจำเลยดังกล่าวแปลได้ว่าจำเลยขอให้ศาลเพิกถอน น.ส.3 ที่โจทก์ร่วมขอออกทับที่พิพาทส่วนของจำเลยอยู่ในตัวดังนั้นเมื่อศาลวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่พิพาทร่วมกับโจทก์ร่วมและการออก น.ส.3 ให้โจทก์ร่วมเป็นการไม่ชอบทั้งโจทก์รับโอนที่พิพาทมาโดยไม่สุจริต ศาลก็พิพากษาให้เพิกถอน น.ส.3 ดังกล่าวเพื่อให้โจทก์จำเลยต่าง ไปดำเนินการขอเอกสารสิทธิเกี่ยวกับที่ดินของตนตามสิทธิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองร่วม การซื้อขายที่ดิน และการเพิกถอน น.ส.3 ที่ออกโดยไม่ชอบ
โจทก์ร่วมเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทร่วมกับจำเลยจึงมีสิทธิที่จะขายที่พิพาทส่วนที่โจทก์ร่วมมีสิทธิครอบครองให้โจทก์ได้ จำเลยไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับโจทก์ร่วมเสียทั้งหมด
มูลคดีที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์เป็นคดีละเมิด โจทก์ไม่มีหน้าที่ตามนิติกรรมที่จะต้องทำการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่พิพาทให้จำเลย การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์จึงเป็นการไม่ถูกต้อง
โจทก์ร่วมขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาทแล้วโอนขายให้แก่โจทก์ จำเลยฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับโจทก์ร่วม และพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ให้โจทก์หรือโจทก์ร่วมโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้จำเลย ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา ตามคำขอของจำเลยดังกล่าวแปลได้ว่าจำเลยขอให้ศาลเพิกถอน น.ส.3 ที่โจทก์ร่วมขอออกทับที่พิพาทส่วนของจำเลยอยู่ในตัวดังนั้นเมื่อศาลวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่พิพาทร่วมกับโจทก์ร่วมและการออก น.ส.3 ให้โจทก์ร่วมเป็นการไม่ชอบทั้งโจทก์รับโอนที่พิพาทมาโดยไม่สุจริต ศาลก็พิพากษาให้เพิกถอน น.ส.3 ดังกล่าวเพื่อให้โจทก์จำเลยต่าง ไปดำเนินการขอเอกสารสิทธิเกี่ยวกับที่ดินของตนตามสิทธิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3701/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญญาค้ำประกันคนต่างด้าว: ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย แม้ไม่ใช่ผู้ทำสัญญาโดยตรง
จำเลยทำสัญญาค้ำประกันคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไว้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจ คนเข้าเมืองผู้มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 คนอื่นซึ่งมิใช่ผู้บังคับการกองตรวจคนเข้าเมืองเมื่อจำเลยผิดสัญญาผู้บังคับการกองตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยบังคับตามสัญญาค้ำประกันนั้น โดยอาศัยตำแหน่งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3637/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกทรัพย์ให้แล้วขอคืนภายหลัง & การแจ้งความเท็จ หมิ่นประมาท - ศาลฎีกาห้ามประเด็นใหม่
โจทก์ยกที่ดิน 30 ไร่ให้แก่จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์มาประมาณ 20 ปี โจทก์ออกจากบ้านจำเลยทั้งสองไปโดยมิใช่ความผิดของจำเลยทั้งสองและขอแบ่งที่ดิน 6 ไร่ เช่นนี้ การที่จำเลยทั้งสองไม่ยอมแบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์จึงมิใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้
ข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสองแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้จับโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ลักผ้าซิ่นไหม ซึ่งตามประเพณีอีสานถือว่าหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวถึงความข้อนี้ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3637/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกปัดการเลี้ยงดู และการยกทรัพย์สินให้บุตรเขย-บุตร แล้วขอคืนบางส่วน ศาลฎีกาวินิจฉัยเรื่องข้อหาใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นศาล
โจทก์ยกที่ดิน 30 ไร่ให้แก่จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์มาประมาณ 20 ปี โจทก์ออกจากบ้านจำเลยทั้งสองไปโดยมิใช่ความผิดของจำเลยทั้งสองและขอแบ่งที่ดิน 6 ไร่ เช่นนี้ การที่จำเลยทั้งสองไม่ยอมแบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์จึงมิใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้
ข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสองแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้จับโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ลักผ้าซิ่นไหม ซึ่งตามประเพณีอีสานถือว่าหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวถึงความข้อนี้ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
of 89