คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดำริ ศุภพิโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นและเปลี่ยนโทษเป็นกักขัง ทำให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับวินิจฉัย
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้ เปลี่ยนโทษจำคุก ๑ เดือนเป็นกักขังแทน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘
จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต พยานหลักฐานของจำเลยฟังได้ และควรรอการลงโทษจำเลยหรือกักขังในสถานที่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ซึ่งล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง กรณีศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นและเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้เปลี่ยนโทษจำคุก1เดือนเป็นกักขังแทนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตพยานหลักฐานของจำเลยฟังได้และควรรอการลงโทษจำเลยหรือกักขังในสถานที่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยซึ่งล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3647/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจำกัดกรณีถนนพิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย แม้โจทก์ซื้อที่ดินส่วนหนึ่ง
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม เมื่อถนนพิพาทที่โจทก์ทั้งสองสร้างในที่ดินของผู้อื่นตกอยู่ในภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์โดยมีโจทก์ทั้งสองเป็นผู้รับประโยชน์เท่านั้นโจทก์ทั้งสองจึงไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในถนนดังกล่าวและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยมิให้ใช้ถนนพิพาทส่วนการที่โจทก์ที่2ได้ซื้อที่ดินที่สร้างถนนพิพาทส่วนที่ติดถนนใหญ่มาในภายหลังนั้นเมื่อปรากฏว่าถนนพิพาทดังกล่าวได้มีประชาชนใช้เดินผ่านสู่ถนนใหญ่ตั้งแต่เริ่มสร้างมาจนถึงเวลาที่ซื้อเกินกว่าสิบปีโดยเจ้าของที่ดินไม่หวงห้ามอันทำให้ฟังได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศที่ดินส่วนที่เป็นถนนพิพาทดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์โดยปริยายแล้วโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิจะยึดถือเอาถนนพิพาทเป็นของตนและไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องจำเลยมิให้ใช้ถนนพิพาทดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3647/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิในทรัพย์สิน กรณีถนนส่วนบุคคลที่ถูกอุทิศให้เป็นสาธารณะประโยชน์
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
เมื่อถนนพิพาทที่โจทก์ทั้งสองสร้างในที่ดินของผู้อื่นตกอยู่ในภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์โดยมีโจทก์ทั้งสองเป็นผู้รับประโยชน์เท่านั้น โจทก์ทั้งสองจึงไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในถนนดังกล่าว และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยมิให้ใช้ถนนพิพาท ส่วนการที่โจทก์ที่ 2 ได้ซื้อที่ดินที่สร้างถนนพิพาทส่วนที่ติดถนนใหญ่มาในภายหลังนั้น เมื่อปรากฏว่าถนนพิพาทดังกล่าวได้มีประชาชนใช้เดินผ่านสู่ถนนใหญ่ตั้งแต่เริ่มสร้างมาจนถึงเวลาที่ซื้อเกินกว่าสิบปีโดยเจ้าของที่ดินไม่หวงห้าม อันทำให้ฟังได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศที่ดินส่วนที่เป็นถนนพิพาทดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์โดยปริยายแล้วโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิจะยึดถือเอาถนนพิพาทเป็นของตนและไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องจำเลยมิให้ใช้ถนนพิพาทดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3647/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิในทรัพย์สิน กรณีถนนพิพาทมีลักษณะเป็นทางสาธารณประโยชน์
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
เมื่อถนนพิพาทที่โจทก์ทั้งสองสร้างในที่ดินของผู้อื่นตกอยู่ในภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์โดยมีโจทก์ทั้งสองเป็นผู้รับประโยชน์เท่านั้น โจทก์ทั้งสองจึงไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในถนนดังกล่าว และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยมิให้ใช้ถนนพิพาท ส่วนการที่โจทก์ที่ 2 ได้ซื้อที่ดินที่สร้างถนนพิพาทส่วนที่ติดถนนใหญ่มาในภายหลังนั้น เมื่อปรากฏว่าถนนพิพาทดังกล่าวได้มีประชาชนใช้เดินผ่านสู่ถนนใหญ่ตั้งแต่เริ่มสร้างมาจนถึงเวลาที่ซื้อเกินกว่าสิบปีโดยเจ้าของที่ดินไม่หวงห้าม อันทำให้ฟังได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศที่ดินส่วนที่เป็นถนนพิพาทดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์โดยปริยายแล้วโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิจะยึดถือเอาถนนพิพาทเป็นของตนและไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องจำเลยมิให้ใช้ถนนพิพาทดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับ น.ส.3 ที่มีเนื้อที่ดินไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยออกน.ส.3ให้โจทก์ไม่เต็มตามเนื้อที่ดินของโจทก์ข้อเท็จจริงที่ยุติมีว่าน.ส.3ที่โจทก์รับมานั้นไม่เต็มเนื้อที่ดินที่โจทก์อ้างขาดไป16ตารางวาซึ่งส่วนที่ขาดนี้ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองอยู่ไม่ได้ยกให้เป็นทางสาธารณะจำเลยให้การว่าโจทก์ยกส่วนนี้ให้เป็นทางสาธารณะจึงเป็นข้อเท็จจริงที่โต้แย้งกันอยู่ต้องฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่อไปการที่โจทก์ยอมรับเอาน.ส.3ไปทั้งที่เนื้อที่ดินตามน.ส.3ขาดไป16ตารางวานั้นข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้จะถือว่าที่ดินที่ไม่อยู่ในน.ส.3ของโจทก์นั้นถูกแย่งการครอบครองยังมิได้ถึงแม้โจทก์จะรับน.ส.3ไปเกิน1ปีเมื่อมิใช่กรณีแย่งการครองครองจึงถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับ น.ส.3 ที่มีเนื้อที่ดินไม่ตรงกับที่ครอบครอง ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยออก น.ส.3 ให้โจทก์ไม่เต็มตามเนื้อที่ดินของโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ยุติมีว่า น.ส.3 ที่โจทก์รับมานั้นไม่เต็มเนื้อที่ดินที่โจทก์อ้างขาดไป 16 ตารางวา ซึ่งส่วนที่ขาดนี้ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองอยู่ไม่ได้ยกให้เป็นทางสาธารณะ จำเลยให้การว่าโจทก์ยกส่วนนี้ให้เป็นทางสาธารณะ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่โต้แย้งกันอยู่ ต้องฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่อไป การที่โจทก์ยอมรับเอาน.ส.3 ไปทั้งที่เนื้อที่ดินตาม น.ส.3ขาดไป 16 ตารางวานั้นข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้จะถือว่าที่ดินที่ไม่อยู่ใน น.ส.3ของโจทก์นั้นถูกแย่งการครอบครองยังมิได้ ถึงแม้โจทก์จะรับน.ส.3 ไปเกิน1 ปี เมื่อมิใช่กรณีแย่งการครองครอง จึงถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินไม่ตรงกับ น.ส.3 ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง ทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยออก น.ส.3 ให้โจทก์ไม่เต็มตามเนื้อที่ดินของโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ยุติมีว่า น.ส.3 ที่โจทก์รับมานั้นไม่เต็มเนื้อที่ดินที่โจทก์อ้างขาดไป 16 ตารางวา ซึ่งส่วนที่ขาดนี้ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองอยู่ไม่ได้ยกให้เป็นทางสาธารณะ จำเลยให้การว่าโจทก์ยกส่วนนี้ให้เป็นทางสาธารณะ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่โต้แย้งกันอยู่ ต้องฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่อไป การที่โจทก์ยอมรับเอา น.ส.3 ไปทั้งที่เนื้อที่ดินตาม น.ส.3 ขาดไป 16 ตารางวานั้น ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้จะถือว่าที่ดินที่ไม่อยู่ใน น.ส.3 ของโจทก์นั้นถูกแย่งการครอบครองยังมิได้ ถึงแม้โจทก์จะรับ น.ส.3 ไปเกิน 1 ปีเมื่อมิใช่กรณีแย่งการครองครอง จึงถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3532/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนตามกฎหมายอาญา: การประกาศข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของศาลเจ้าและการกุศลสาธารณะ
เดิมโจทก์เป็นผู้เช่าอาคารและบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีต่อมาสัญญาเช่าหมดอายุ ทางราชการได้อนุมัติให้ ธ เป็นผู้เช่าในนามของคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมือง โจทก์ก็ยังคงอยู่ในที่เช่าและคงขายธูป เทียน และทองอีกต่อไปจำเลยได้ออกประกาศมีข้อความว่า 'โปรดทราบ ดอกไม้ ธูป เทียนทอง น้ำมัน ของเจ้าพ่อมีจำหน่ายที่ศาลาเพียงแห่งเดียว รายได้ทั้งนำมาบำรุงเจ้าพ่อ ร้านที่ขายอยู่เก่าหมดสัญญาแล้ว แต่ยังดื้อขายอยู่เพื่อเอารายได้เป็นของตัวเอง คณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี' เมื่อโจทก์ยอมรับว่าตั้งแต่ครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว โจทก์ไม่เคยนำเงินรายได้และค่าเช่าไปมอบให้ทางราชการเลย แสดงว่าโจทก์จำหน่ายสิ่งของดังกล่าวแล้วเอารายได้เป็นของตนเอง พฤติการณ์ของโจทก์จึงเป็นความจริงตามประกาศของจำเลย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นกรรมการในคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีมีหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินกิจการศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จำเลยที่ 5 ที่ 6 เป็นลูกจ้างคนงานของศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จำเลยทั้งหกจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินกิจการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองซึ่งเป็นการกุศลสาธารณประโยชน์และประชาชนทั่วไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องด้วย การที่จำเลยทั้งหกประกาศข้อความดังกล่าวโดยสุจริตเพื่อชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3532/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของศาลเจ้าฯ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
เดิมโจทก์เป็นผู้เช่าอาคารและบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีต่อมาสัญญาเช่าหมดอายุทางราชการได้อนุมัติให้ธเป็นผู้เช่าในนามของคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองโจทก์ก็ยังคงอยู่ในที่เช่าและคงขายธูปเทียนและทองอีกต่อไปจำเลยได้ออกประกาศมีข้อความว่า'โปรดทราบดอกไม้ธูปเทียนทองน้ำมันเจ้าพ่อมีจำหน่ายที่ศาลาเพียงแห่งเดียวรายได้ทั้งนำมาบำรุงเจ้าพ่อร้านที่ขายอยู่เก่าหมดสัญญาแล้วแต่ยังดื้อขายอยู่เพื่อเอารายได้เป็นของตัวเองคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี'เมื่อโจทก์ยอมรับว่าตั้งแต่ครบกำหนดสัญญาเช่าแล้วโจทก์ไม่เคยนำเงินรายได้และค่าเช่าไปมอบให้ทางราชการเลยแสดงว่าโจทก์จำหน่ายสิ่งของดังกล่าวแล้วเอารายได้เป็นของตนเองพฤติการณ์ของโจทก์จึงเป็นความจริงตามประกาศของจำเลยจำเลยที่1ถึงที่4เป็นกรรมการในคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีมีหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินกิจการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจำเลยที่5ที่6เป็นลูกจ้างคนงานของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจำเลยทั้งหกจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินกิจการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองซึ่งเป็นการกุศลสาธารณประโยชน์และประชาชนทั่วไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องด้วยการที่จำเลยทั้งหกประกาศข้อความดังกล่าวโดยสุจริตเพื่อชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา329(1)จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
of 104