คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดำริ ศุภพิโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและการคืนเงินค่าก่อสร้าง ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
โจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลย โดยยอมชำระเงินค่าก่อสร้างให้จำเลยเป็นการตอบแทนที่จำเลยยอมให้เช่าห้องพิพาทต่อมาจำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์และได้ออกเช็ค 2 ฉบับกับตั๋วแลกเงิน 1 ฉบับ เป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินค่าก่อสร้างคืนให้โจทก์ แสดงว่าจำเลยประสงค์แต่จะเลิกสัญญากับโจทก์เท่านั้นโดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จึงได้ยอมคืนเงินค่าก่อสร้างแก่โจทก์ทั้งหมดปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมรับเช็คและตั๋วแลกเงินดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีหนังสือยืนยันและคืนเช็คพร้อมตั๋วแลกเงินให้โจทก์อีก แม้ต่อมาโจทก์ยอมรับตั๋วแลกเงินและเช็คไว้ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้นำไปขึ้นเงินจึงเป็นการบอกเลิกสัญญาของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใดภายหลังโจทก์จึงนำตั๋วแลกเงินและเช็ค 2 ฉบับของจำเลยไปขึ้นเงินแต่ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้เพราะเช็คขาดอายุความแสดงว่าโจทก์ตกลงเลิกสัญญากับจำเลยแล้วและยินดีรับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยคืนให้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิในฐานะผู้เช่าห้องพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต สัญญาเช่าห้องพิพาทเป็นอันระงับ จำเลยจึงต้องชำระเงินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและการคืนเงินค่าก่อสร้าง สัญญาเช่าระงับเมื่อยินยอมรับเงินคืน
โจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลย โดยยอมชำระเงินค่าก่อสร้างให้จำเลยเป็นการตอบแทนที่จำเลยยอมให้เช่าห้องพิพาท ต่อมาจำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์และได้ออกเช็ค 2 ฉบับกับตั๋วแลกเงิน 1 ฉบับ เป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินค่าก่อสร้างคืนให้โจทก์ แสดงว่าจำเลยประสงค์แต่จะเลิกสัญญากับโจทก์เท่านั้น โดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จึงได้ยอมคืนเงินค่าก่อสร้างแก่โจทก์ทั้งหมดปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมรับเช็คและตั๋วแลกเงินดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีหนังสือยืนยันและคืนเช็คพร้อมตั๋วแลกเงินให้โจทก์อีก แม้ต่อมาโจทก์ยอมรับตั๋วแลกเงินและเช็คไว้ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้นำไปขึ้นเงิน จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด ภายหลังโจทก์จึงนำตั๋วแลกเงินและเช็ค 2 ฉบับของจำเลยไปขึ้นเงิน แต่ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้เพราะเช็คขาดอายุความ แสดงว่าโจทก์ตกลงเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว และยินดีรับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยคืนให้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิในฐานะผู้เช่าห้องพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต สัญญาเช่าห้องพิพาทเป็นอันระงับ จำเลยจึงต้องชำระเงินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้มีส่วนได้เสียร้องขอถอนผู้จัดการมรดกในคดีเดิมได้ก่อนปันมรดกเสร็จสิ้น
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1727ให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกโดยทำเป็นคำร้องขอก่อนการปันมรดกเสร็จสิ้นหมายความว่าผู้ร้องขอมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีเดิมนั่นเองส่วนปัญหาที่ว่าการจัดการมรดกรายนี้เสร็จสิ้นแล้วผู้จัดการมรดกมิได้ปฏิบัติผิดหน้าที่และผู้ร้องไม่มีส่วนได้ทรัพย์มรดกรายนี้จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนั้นเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นจะไต่สวนแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนผู้จัดการมรดก: สิทธิผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องในคดีเดิม
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 ให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกโดยทำเป็นคำร้องขอก่อนการปันมรดกเสร็จสิ้น หมายความว่าผู้ร้องขอมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีเดิมนั่นเอง ส่วนปัญหาที่ว่าการจัดการมรดกรายนี้เสร็จสิ้นแล้วผู้จัดการมรดกมิได้ปฏิบัติผิดหน้าที่และผู้ร้องไม่มีส่วนได้ทรัพย์มรดกรายนี้จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนั้นเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นจะไต่สวนแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องถอนผู้จัดการมรดก: ผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิยื่นคำร้องในคดีเดิม
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 ให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกโดยทำเป็นคำร้องขอก่อนการปันมรดกเสร็จสิ้น หมายความว่าผู้ร้องขอมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีเดิมนั่นเอง ส่วนปัญหาที่ว่าการจัดการมรดกรายนี้เสร็จสิ้นแล้ว ผู้จัดการมรดกมิได้ปฏิบัติผิดหน้าที่และผู้ร้องไม่มีส่วนได้ทรัพย์มรดกรายนี้ จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนั้นเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นจะไต่สวนแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดาต่อการปล่อยปละละเลยให้บุตรผู้เยาว์ขับรถยนต์โดยประมาท
การที่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบิดายอมให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นบุตรอายุเพียง 15 ปี ขับขี่รถยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะออกไปตามถนนสาธารณะ อันเป็นการเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรผู้เยาว์ จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดาต่อการปล่อยปละละเลยให้บุตรผู้เยาว์ขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุ
การที่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบิดายอมให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นบุตรอายุเพียง 15 ปี ขับขี่รถยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะออกไปตามถนนสาธารณะอันเป็นการเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรผู้เยาว์จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดาต่อการปล่อยให้บุตรผู้เยาว์ขับรถยนต์ประมาท
การที่จำเลยที่2ผู้เป็นบิดายอมให้จำเลยที่1ผู้เป็นบุตรอายุเพียง15ปีขับขี่รถยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะออกไปตามถนนสาธารณะอันเป็นการเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายย่อมถือได้ว่าจำเลยที่2มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรผู้เยาว์จำเลยที่2จึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดกับจำเลยที่1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2927/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำ: ถอนฟ้องก่อนไต่สวนมูลฟ้อง ไม่สามารถฟ้องคดีเดิมได้อีก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จหมิ่นประมาทและดูหมิ่น เมื่อโจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จอีกหาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36แม้โจทก์จะถอนฟ้องก่อนที่ศาลจะไต่สวนมูลฟ้องก็อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะมาฟ้องใหม่อีกไม่ได้เช่นกันเพราะถือว่าได้มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลโดยถูกต้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องฐานชิงทรัพย์-พยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา339,288,80โดยบรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายหลายครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บความผิดฐานชิงทรัพย์นั้นมีการกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายรวมอยู่ด้วยแม้ข้อเท็จจริงจะไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยได้ร่วมทำร้ายผู้เสียหายศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคท้าย.
of 104