พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอในการส่งต่อเรื่องร้องเรียนไปยังผู้ว่าฯ ไม่ถือเป็นการละเว้นหน้าที่ตาม ม.157
โจทก์เป็นกำนัน ปัญหาที่ว่าการที่จำเลยซึ่งเป็นนายอำเภอได้รับหนังสือร้องเรียนจากราษฎรกล่าวหาว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แล้วเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดโดยมิได้สืบสวนข้อเท็จจริงเสียก่อนว่าราษฎรที่ร้องเรียนมีภูมิลำเนาอยู่ตามหนังสือร้องเรียนจริง เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่นั้น โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในคำฟ้องว่า จำเลยมีหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวอย่างไร ซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นความผิดตามมาตรา 157 อนึ่ง หน้าที่ในการดำเนินการตามหนังสือร้องเรียนนั้น ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะพิจารณาสั่งการต่อไป การที่จำเลยเสนอหนังสือร้องเรียนโดยมิได้สืบสวนเรื่องภูมิลำเนาของผู้ร้องเรียน จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิยาม 'ศิลปอุตสาหกรรม' และ 'พ่อค้า' ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กับอายุความในการเรียกร้องค่าสินค้า
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานพ.ศ.2525อธิบายความหมายของคำว่า'ศิลป'ว่า'ฝีมือฝีมือทางการช่างฯลฯ'และ'อุตสาหกรรม'หมายถึง'การทำสิ่งขิงเพื่อให้เกิดประโยชน์เป็นกำไร'ดังนั้นคำว่า'ศิลปอุตสาหกรรม'ในประมวลกำหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(1)จึงหมายถึงการทำสิ่งของด้วยฝีมือทางการช่างเพื่อให้เกิดผลกำไรกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการประดิษฐ์หรือผลิตหรือทำสิ่งของด้วยฝีมือทางการช่างให้เป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายหากำไร โจทก์เป็นทบวงการเมืองมีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นนครหลวงและมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2518(ที่ใช้บังคับในขณะนั้น)โจทก์ไม่ได้ผลิตปุ๋ยเพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปแต่โจทก์เป็นผู้สั่งซื้อปุ๋ยจากต่างประเทศมาขายให้แก่จำเลยที่1เป็นการขายตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มผลผลิตในการทำนาและขายถูกกว่าท้องตลาดไม่ได้คิดกำไรโจทก์จึงมิใช่บุคคลจำพวกประกอบศิลปอุตสาหกรรมและมิใช่ประกอบการค้าโดยซื้อสินค้ามาแล้วขายไปเพื่อหากำไรตามปกติจึงมิใช่พ่อค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(1)การที่โจทก์ฟ้องเรียกราคาค่าปุ๋ยจากจำเลยไม่อยู่ในบังคับของอายุความ2ปีและ5ปีตามมาตรา165(1)และวรรคท้ายและเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องถืออายุความ10ปีตามมาตรา164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีซื้อขายปุ๋ย: ทบวงการเมืองไม่ใช่พ่อค้าหรือผู้ประกอบศิลปอุตสาหกรรม
โจทก์เป็นทบวงการเมืองได้สั่งซื้อปุ๋ยจากต่างประเทศมาขายให้จำเลยในราคาถูกกว่าท้องตลาดโดยมิได้มุ่งหากำไรแต่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มผลผลิตในการทำนาโจทก์จึงมิใช่พ่อค้าหรือบุคคลจำพวกประกอบศิลปอุตสาหกรรมและประกอบการค้าเพื่อหากำไรตามปกติเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าซื้อปุ๋ยจากจำเลยกรณีจึงไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงไม่อยู่ในบังคับอายุความตามป.พ.พ.มาตรา165(1)และวรรคท้ายแต่อยู่ในบังคับของมาตรา164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามคำพิพากษา เนื่องจากโฉนดอยู่กับธนาคารจำนอง ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมจดทะเบียนโอนโฉนดให้ตามคำพิพากษาเพราะจำเลยจำนองที่ดินพิพาทไว้กับธนาคารซึ่งไม่ยอมส่งโฉนดที่ดินมาให้เช่นนี้โจทก์จะร้องขอให้ศาลในคดีเดิมมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนให้โดยไม่ต้องมีโฉนดคู่ฉบับมาแสดงหาได้ไม่เพราะเจ้าพนักงานที่ดินเป็นบุคคลภายนอกและกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้คำพิพากษามีผลผูกพันบุคคลภายนอกได้ตามป.วิ.พ.มาตรา145หากโจทก์เห็นว่าการที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่กระทำการตามที่โจทก์ประสงค์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ก็ชอบที่โจทก์จะดำเนินการว่ากล่าวกับเจ้าพนักงานที่ดินตามกฎหมายต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งบังคับเจ้าพนักงานที่ดิน: บุคคลภายนอก-ข้อยกเว้นผลผูกพันตามคำพิพากษา
โจทก์ของจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาตามยอมที่ถึงที่สุดแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งแก่โจทก์ว่าโอนที่ดินให้ไม่ได้ เพราะจำเลยจำนองที่ดินดังกล่าวไว้แก่ธนาคารและธนาคารไม่ยอมส่งโฉนดคู่ฉบับมาให้ ดังนี้ เจ้าพนักานที่ดินเป็นบุคคลภายนอกและกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้คำพิพากษามีผลผูกพันบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 ศาลจึงไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ประสงค์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาต่อบุคคลภายนอก: กรณีจำนองที่ดิน
โจทก์ของจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาตามยอมที่ถึงที่สุดแล้วเจ้าพนักงานที่ดินแจ้งแก่โจทก์ว่าโอนที่ดินให้ไม่ได้เพราะจำเลยจำนองที่ดินดังกล่าวไว้แก่ธนาคารและธนาคารไม่ยอมส่งโฉนดคู่ฉบับมาให้ดังนี้เจ้าพนักานที่ดินเป็นบุคคลภายนอกและกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้คำพิพากษามีผลผูกพันบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145ศาลจึงไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ประสงค์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่ดินเช่า เมื่อผู้ซื้อไม่แจ้งการโอนสิทธิ และผลกระทบของมติคณะกรรมการภายหลัง
โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทจากจำเลยที่1เจ้าของเดิมโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517มาตรา41และเมื่อจำเลยที่2รับว่าเป็นผู้ซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่1ในปีพ.ศ.2522และไปจดทะ่เบียนโอนเมื่อวันที่24เมษายน2523โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนโจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2ได้นับแต่วันจดทะเบียนโอนดังกล่าว คณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดมีมติเมื่อวันที่15เมษายน2524ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่2เนื่องจากจำเลยที่2กล่าวหาว่าโจทก์ตัดดินในนาพิพาทไปขายและขอเลิกการเช่ามติของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นมติซึ่งมีในภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2และเป็นเรื่องต่างประเด็นกันจึงไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้ทั้งโจทก์ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา59แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับในภายหลังโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่นาของผู้เช่าช่วงเมื่อมีการโอนสิทธิการเช่า และผลกระทบของมติคณะกรรมการควบคุมการเช่านา
จำเลยที่1ให้จำเลยที่2เช่านาพิพาทและยอมรับรู้ในการที่จำเลยที่2เอานาพิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงด้วยโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517มาตรา41เมื่อจำเลยที่2ซื้อนาพิพาทจากจำเลยที่1โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนโจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2ได้นับแต่วันที่จำเลยที่1จดทะเบียนโอนขายนาพิพาทให้จำเลยที่2ส่วนมติคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดที่ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่2เพราะโจทก์ตักดินไปขายมีขึ้นภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2จึงมิอาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่ดินเช่าเมื่อมีการซื้อขายโดยไม่แจ้งผู้เช่า: คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา แม้มีมติคณะกรรมการเช่านาภายหลัง
โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทจากจำเลยที่ 1 เจ้าของเดิมโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 และเมื่อจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นผู้ซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1 ในปี พ.ศ.2522 และไปจดทะเบียนโอนเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2523 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อน โจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 ได้นับแต่วันจดทะเบียนโอนดังกล่าว
คณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดมีมติเมื่อวันที่15 เมษายน 2524 ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่ 2 เนื่องจากจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ตัดดินในนาพิพาทไปขาย และขอเลิกการเช่ามติของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นมติซึ่งมีในภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 และเป็นเรื่องต่างประเด็นกัน จึงไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับในภายหลัง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดมีมติเมื่อวันที่15 เมษายน 2524 ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่ 2 เนื่องจากจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ตัดดินในนาพิพาทไปขาย และขอเลิกการเช่ามติของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นมติซึ่งมีในภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 และเป็นเรื่องต่างประเด็นกัน จึงไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับในภายหลัง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2641/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาความผิดลิขสิทธิ์: จำเลยเข้าใจผิดว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นมีสิทธิพิมพ์หนังสือได้ ฎีกายืนยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างและผู้จัดการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จ้างจำเลยอื่นให้พิมพ์ปลอมหนังสือแบบเรียนและแบบพิมพ์ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีลิขสิทธิ์ เอาชื่อในการประกอบการค้าและรูปเสมาธรรมจักรซึ่งเป็นเครื่องหมายราชการของกระทรวงศึกษาธิการมาใช้ แล้วส่งไปจำหน่ายแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรมพ.ศ. 2474 มาตรา 25,27 พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 24,43 พระราชบัญญัติเครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482มาตรา 6,7,8 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 19,57ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,265,268,272(1)กรณีเป็นเรื่องการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเมื่อบทหนักตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ พระราชบัญญัติการพิมพ์ฯและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,268 ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแล้วความผิดบทอื่น ๆ แม้จะมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทก็ย่อมไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย จำเลยที่ 4 เป็นหัวหน้าแผนกจำหน่าย จำเลยที่ 5เป็นผู้จัดการฝ่ายการพิมพ์โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นแม้จะทราบว่ากรมการปกครองต้องขออนุญาตจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนต่อกระทรวงศึกษาธิการก่อนจึงจะจัดพิมพ์ได้ ก็เฉพาะในช่วงที่งบประมาณจัดพิมพ์เป็นของกรมการปกครองเมื่อกระทรวงมหาดไทยโอนงบประมาณในการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนเพื่อแจกแก่นักเรียนที่ยากจนยืมเรียนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจำเลยอาจเข้าใจว่าหน้าที่การขออนุญาตจัดพิมพ์เป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดก็ได้การที่จำเลยได้สั่งจ้างจำเลยที่ 1 จัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนเตรียมไว้ก่อนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจะสั่งจ้างพิมพ์นั้นเป็นดุลยพินิจของจำเลยที่จะกระทำได้ ดังนี้ จำเลยที่ 4 ที่ 5กระทำไปโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดย่อมขาดเจตนาในการกระทำความผิดตามฟ้อง บริษัทจำเลยที่ 1 มีจำเลยอื่นอีก 5 คน เป็นกรรมการ และลูกจ้างย่อมเข้าใจว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนราชการ สังกัดกระทรวงมหาดไทยเมื่อส่วนราชการมาจ้างพิมพ์ในนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งพิมพ์ในรูปแบบเดียวกับ สมัยที่กรมการปกครองจัดพิมพ์ มีชื่อผู้จัดการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นผู้พิมพ์ผู้โฆษณาเหมือนกันจำเลยย่อมจะต้องเข้าใจว่าส่วนราชการผู้ว่าจ้าง มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะจ้างพิมพ์ได้ ย่อมไม่จำต้องไปตรวจสอบว่าผู้ว่าจ้างพิมพ์มีลิขสิทธิ์ในการสั่งพิมพ์ตามกฎหมายหรือไม่การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องเพราะขาดเจตนา