พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4872/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติสัมพันธ์บัญชีเดินสะพัด แม้ฟ้องเป็นการกู้ยืม ศาลปรับบทกฎหมายได้ อายุความ 10 ปี
โจทก์ฟ้องเรื่องกู้ยืมเงิน แต่บรรยายฟ้องและนำสืบว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับโควต้าเป็นผู้ส่งอ้อยให้แก่โรงงานน้ำตาล โจทก์ตกลงให้จำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นลูกไร่ส่งอ้อยให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์นำไปขายให้แก่โรงงานน้ำตาล โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ออกทุนให้จำเลยทั้งสองก่อนโดยจ่ายเป็นเงินสดบ้างเป็นเช็คบ้าง ทั้งได้จ่ายค่าไถ่ที่ดินค่าปุ๋ย และของอื่น ๆ เพื่อให้จำเลย ใช้ในการทำไร่อ้อย โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยลงลายมือชื่อกำกับหนี้ทุกรายการเมื่อตัดอ้อยแล้วจำเลยทั้งสองส่งให้โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 จะนำอ้อยดังกล่าวไปขายให้โรงงานน้ำตาล ครั้นโจทก์ที่ 2 ได้รับเงินค่าขายอ้อย จากโรงงานจึงมาคิดหักทอนบัญชีกับจำเลยทั้งสองหากค่าอ้อยที่ จำเลยทั้งสองได้รับไม่พอกับจำนวนเงินที่จำเลยเบิกไปก็ยกยอดไป ในปีต่อไปและโจทก์คิดดอกเบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งจำเลยทั้งสองรับว่า เป็นผู้ปลูกอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลในโควต้าของโจทก์ โจทก์จ่ายค่าปุ๋ย ให้จำเลยเมื่อโจทก์นำอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลและได้รับเงินมาแล้วก็มาคิดบัญชีกันเป็นรายปี แต่หลังจากจำเลยเลิกเป็นลูกไร่ของโจทก์แล้ว ไม่ได้คิดเงินกัน โจทก์จำเลยจะเป็นหนี้ลูกหนี้กันเท่าใดจึงไม่ทราบ กรณีเช่นนี้นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยจึงเข้าลักษณะ บัญชีเดินสะพัดซึ่งไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
แม้โจทก์จะฟ้องเรื่องกู้ยืม แต่ก็ได้บรรยายฟ้องเข้าลักษณะ บัญชีเดินสะพัด ศาลมีอำนาจยกบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับแก่คดีได้ และการฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีกำหนด 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้โจทก์จะฟ้องเรื่องกู้ยืม แต่ก็ได้บรรยายฟ้องเข้าลักษณะ บัญชีเดินสะพัด ศาลมีอำนาจยกบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับแก่คดีได้ และการฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีกำหนด 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4683/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญาที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีต่อกระทง และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็น 2 กระทงแต่ละกระทงมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทำร้าย และไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน กับฎีกาขอให้ลดโทษและขอรอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทำร้าย และไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน กับฎีกาขอให้ลดโทษและขอรอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4683/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218 ว.พ.พ. เนื่องจากคดีมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีต่อกระทง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็น 2 กระทงแต่ละกระทงมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทำร้าย และไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน กับฎีกาขอให้ลดโทษ และขอรอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทำร้าย และไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน กับฎีกาขอให้ลดโทษ และขอรอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4592/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพ-พยานหลักฐานไม่เพียงพอ-การปฏิเสธในชั้นพิจารณา
แม้โจทก์จะมีพนักงานสอบสวน 2 ปากเบิกความประกอบบันทึกการจับกุม บันทึกการทำแผนประทุษกรรม บันทึกการยึดของกลางและคำให้การของจำเลยทั้งสามในชั้นสอบสวนว่า จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน กับแสดงท่าทางในขณะกระทำผิดและนำชี้ที่เกิดเหตุ และจำเลยที่ 1 นำไปยึดอาวุธปืนพร้อมด้วยปลอกกระสุนปืน กับรับว่าเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงผู้เสียหายก็ตาม แต่เมื่อคำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์และพยานโจทก์คนอื่นๆ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดตามฟ้อง และในชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าลงชื่อในเอกสารต่างๆ โดยไม่ทราบข้อความแล้วพยานโจทก์จึงยังไม่พอให้รับฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4584/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลเช่าทรัพย์สิน: สัญญาเช่ายังไม่สมบูรณ์หากตกลงเงื่อนไขสำคัญไม่ได้
จำเลยจัดให้มีการประมูลด้วยวาจาให้เช่าอาคารซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โจทก์เป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอค่าธรรมเนียมการเช่าให้แก่จำเลยสูงสุด ปรากฏว่าตามเงื่อนไขการประมูลการเช่า ผู้เสนอราคาสูงสุดอาจมิใช่เป็นผู้ได้เข้าทำสัญญาเช่ากับจำเลยเพราะจำเลยอาจยกเลิกการประมูลการเช่าเสียได้ และตามประกาศเปิดประมูลการเช่าก็ถือว่าเป็นเพียงคำชี้ชวนซึ่งระบุเงื่อนไขไว้เพียงสังเขปมิได้กล่าวถึงรายละเอียดไว้ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าเมื่อโจทก์ผู้ยื่นคำเสนอเข้าประมูลเป็นผู้ประมูลในราคาสูงสุดและจำเลยได้สนองรับคำเสนอของโจทก์แล้ว โจทก์จำเลยจะได้ตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขรายละเอียดและเข้าทำสัญญากันอีกชั้นหนึ่ง ต่อมาเมื่อปรากฏว่าโจทก์จำเลยยังตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับเงื่อนไขและรายละเอียดซึ่งโจทก์จำเลยถือว่าเป็นสาระสำคัญ ดังนั้นกรณีจึงถือได้ว่าโจทก์จำเลยยังมิได้มีสัญญาต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4573/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชนสี่แยก: ผู้ขับขี่ทางเอกต้องหลีกเลี่ยงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินกระชั้นชิด แม้ใช้ความเร็วตามกฎหมาย
ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยก จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ตามถนน ซึ่งเป็นทางเอกเข้ามาในทางร่วมก่อน แล้วรถยนต์เก๋งที่จำเลยที่ 3 ขับตามถนนซึ่งเป็นทางโทแล่นเจ้ามาในทางร่วมชนรถจักรยานยนต์ บริเวณท้ายรถรถจักรยานยนต์แฉลบเข้าไปในช่องทางเดินรถยนต์โดยสาร ที่จำเลยที่ 2 ขับสวนทางมาเป็นเหตุกระทันหันกระชั้นชิด แม้จำเลยที่ 2 จะใช้ความเร็วตามกฎหมาย ก็ไม่อาจห้ามล้อลดความเร็วหลีกเลี่ยง การชนรถจักรยานยนต์ได้ การที่เกิดชนกันขึ้นทำให้ผู้เสียหายซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ได้รับอันตรายสาหัส จึงมิใช่เพราะความประมาท ของจำเลยที่ 1 และที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4540/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรมสรรพากรยึดทรัพย์สินเพื่อชำระภาษีค้าง โดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล และสิทธิของโจทก์ในการฟ้อง
กรมสรรพากรจำเลยสั่งยึดที่พิพาทโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ที่บัญญัติว่า "ภาษีอากรซึ่งต้องเสียหรือนำส่งตามลักษณะนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้ามิได้เสียหรือนำส่งให้ถือเป็นภาษีอากรค้าง" วรรคสอง บัญญัติว่า"เพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้างให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักรโดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อำนาจดังกล่าวอธิบดีจะมอบให้รองอธิบดีหรือสรรพากรเขตก็ได้" จำเลยจึงมีอำนาจสั่งยึดที่พิพาทอันเป็นทรัพย์สินของบริษัท บ. เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่บริษัทค้างชำระจำเลยได้ และตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ทวิ ได้บัญญัติบังคับไว้ว่า "เมื่อได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 12 แล้ว ห้ามผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดดังกล่าว" โจทก์อ้างสิทธิจากการซื้อขายที่ตกเป็นโมฆะ ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยถอนการยึดที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4524-4525/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อลูกหนี้มีรายได้ในอนาคตไม่แน่นอนและไม่สามารถชำระหนี้ได้โดยสิ้นเชิง
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 5 ตามคำพิพากษาจำนวนเงิน175,322 บาท 63 สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 5มีรายได้สุทธิจากกิจการของจำเลยที่ 5 เพียงปีละ 60,000 บาท โดยรายได้ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ในอนาคตไม่แน่นอนผู้ร้องจึงไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้โดยสิ้นเชิงในขณะยื่นคำร้อง จึงมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ยึดทรัพย์จำเลยที่ 5 ไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4474/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์: ลายพิมพ์นิ้วมือต้องมีพยานรับรอง 2 คนจึงจะใช้บังคับได้
ผู้กู้รับว่าลงลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ซึ่งมีพยานลงชื่อรับรอง ลายพิมพ์นิ้วมือหนึ่งคน และมีผู้ให้กู้ลงชื่อไว้ในช่องผู้ให้กู้ แม้จะได้ความ ว่าผู้ให้กู้รู้เห็นการลงลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้ก็ตาม แต่เมื่อผู้ให้กู้ มิได้ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้ด้วย จึงถือไม่ได้ว่า ผู้ให้กู้ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้ ดังนี้พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้จึงมีไม่ถึงสองคน จะถือเสมอกับว่าผู้กู้ ลงลายมือชื่อในสัญญากู้แล้วไม่ได้ขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4474/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ต้องมีพยานรับรอง 2 คน หากไม่ครบ สัญญาเป็นโมฆะ
ผู้กู้รับว่าลงลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ซึ่งมีพยานลงชื่อรับรอง ลายพิมพ์นิ้วมือหนึ่งคน และมีผู้ให้กู้ลงชื่อไว้ในช่องผู้ให้กู้แม้จะได้ความ ว่าผู้ให้กู้รู้เห็นการลงลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้ก็ตามแต่เมื่อผู้ให้กู้ มิได้ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้ด้วยจึงถือไม่ได้ว่า ผู้ให้กู้ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้ดังนี้พยานรับรอง ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้จึงมีไม่ถึงสองคน จะถือเสมอกับว่าผู้กู้ ลงลายมือชื่อในสัญญากู้แล้วไม่ได้ขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา9 วรรคสาม