คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดำริ ศุภพิโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4473/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน แม้ภริยาอนุญาต แต่ผู้เสียหายมีสิทธิหวงห้ามได้ หากจำเลยมีเจตนาชู้สาว
จำเลยมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภริยาผู้เสียหาย ก่อนเกิดเหตุจำเลยเคยเข้าไปนอนกับภริยาผู้เสียหายในบ้านผู้เสียหาย และผู้เสียหายแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เรียกตัวจำเลยมาตักเตือนให้เลิกเกี่ยวข้องกับภริยาผู้เสียหายและไม่ให้เข้าไปในบ้านผู้เสียหายอีก ซึ่งจำเลยก็ยอมรับที่จะปฏิบัติตาม โดยมีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจถึงสองครั้ง การที่จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายในเวลากลางคืน โดยมีเจตนาในทางชู้สาวกับภริยาผู้เสียหายอีก ถือได้ว่าจำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรจึงมีความผิดฐานบุกรุก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) อันเป็นบทเฉพาะแล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 364 ซึ่งเป็นบททั่วไปขึ้นปรับบทลงโทษอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4471/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ก่อนศาลตัดสิน การไม่นำเสนอคำร้องต่อศาลถือว่าจำเลยมิได้ขาดนัด
ระหว่างศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวทนายจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่โดยยื่นต่อพนักงานรับฟ้อง กรณีจึงเป็นการขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง การที่พนักงานรับฟ้องไม่ได้นำคำร้องเสนอต่อศาล ก่อนที่ศาลจะชี้ขาดตัดสินคดี จะถือว่าทนายจำเลยไม่มาศาลหาได้ไม่ คำร้องของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 อันจะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยขาดนัด และต้องแสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นไม่พิจารณาคำร้องของจำเลยแล้วพิพากษาคดีไป จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4471/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ก่อนศาลตัดสิน และหน้าที่ของพนักงานรับฟ้องในการนำเสนอคำร้องต่อศาล
ระหว่างศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวทนายจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่โดยยื่นต่อพนักงานรับฟ้องกรณีจึงเป็นการขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง การที่พนักงานรับฟ้องไม่ได้นำคำร้องเสนอต่อศาล ก่อนที่ศาลจะชี้ขาดตัดสินคดี จะถือว่าทนายจำเลยไม่มาศาลหาได้ไม่คำร้องของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 อันจะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยขาดนัด และต้องแสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา208 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นไม่พิจารณาคำร้องของจำเลยแล้วพิพากษาคดีไป จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4462/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องขัดทรัพย์ทำให้คำร้องเดิมสิ้นผล ผู้มีสิทธิไม่สมบูรณ์ไม่มีส่วนได้เสียในบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่ทนายผู้ร้องยื่นคำบอกกล่าวขอถอนคำร้องขัดทรัพย์นั้นเป็นโดยชอบแล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อนี้ เมื่อผู้ร้องมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในปัญหาเรื่องคำบอกกล่าวถอนคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของทนายผู้ร้องว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ย่อมต้องถือว่าปัญหาดังกล่าวได้ยุติลงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว
คำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้น มีสภาพเหมือนกับคำฟ้องดังนั้นการถอนคำร้องดังกล่าวย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องนั้น รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่นๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำร้อง และกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องเลย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 จึงถือได้ว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น ไม่มีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์อยู่ในศาลแล้ว ผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองทรัพย์พิพาทบางส่วนเท่านั้น ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 280(2) ผู้ร้องจึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าหรือไม่: การพิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และพฤติการณ์แห่งคดีเพื่อตัดสินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
สาเหตุที่เกิดการทำร้ายกันขึ้นเนื่องจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหายจำเลยเดินถือมีดสำหรับปอกผลไม้ไม่ปรากฏขนาด เพราะไม่ได้มีดเป็นของกลางออกมาจากบ้านแทงผู้เสียหายหลายครั้ง ในทันทีทันใด มีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว 2 แผล ลึกถึงภายในท้อง แต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายในที่ตะโพกซ้าย 1 แผลแพทย์ลงความเห็นว่า ใช้เวลารักษาประมาณ 17 วัน พักต่ออีก 7 วัน ก็หายเป็นปกติดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าคงผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า - ทำร้ายร่างกาย - ลักษณะบาดแผล - พฤติการณ์แห่งคดี - ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า
สาเหตุที่เกิดการทำร้ายกันขึ้นเนื่องจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหาย จำเลยเดินถือมีดสำหรับปอกผลไม้ไม่ปรากฏขนาดเพราะไม่ได้มีดเป็นของกลางออกมาจากบ้าน แทงผู้เสียหายหลายครั้งในทันทีทันใด มีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว 2 แผล ลึกถึงภายในท้อง แต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายใน ที่ตะโพกซ้าย 1 แผล แพทย์ลงความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 17 วัน พักต่ออีก 7 วัน ก็หายเป็นปกติ ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่า คงผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4417/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นคู่ความแทนที่ และอำนาจศาลฎีกาในการกำหนดค่าทนายความ
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว ส. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ถึงแก่กรรม บ.ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้าน แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งคำร้องของ บ. โดยพิพากษาคดีไปเลย ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ บ. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์แล้ว การที่ศาลล่างกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เกินกว่าอัตราค่าทนายความตามตาราง 6ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกามีอำนาจกำหนด เสียใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4417/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นคู่ความแทนที่และการกำหนดค่าทนายความเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว ส. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ถึงแก่กรรม บ.ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้าน แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งคำร้องของ บ. โดยพิพากษาคดีไปเลย ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ บ. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์แล้ว
การที่ศาลล่างกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เกินกว่าอัตราค่าทนายความตามตาราง 6 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกามีอำนาจกำหนด เสียใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4410/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่: ผู้เช่ามีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกแม้มิได้ครอบครอง พร้อมเรียกโจทก์ร่วมเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้อาศัยออกจากที่ดินพิพาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ในคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ในอัตราเดือนละเท่าใด แต่ปรากฏจากคำให้การจำเลยว่าอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 50 บาท ซึ่งไม่มีการโต้แย้งเป็นอย่างอื่น จึงถือได้ตามคำให้การจำเลยว่าอัตราค่าเช่าเดือนละ 50 บาท จำเลยจึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีสิทธิขอเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ร่วมได้เพราะตามระเบียบของโจทก์ร่วมจะต้องให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและโจทก์ส่งสำเนาคำฟ้องแต่มิได้ส่งสำเนาคำร้องขอให้เรียกโจทก์ร่วมเข้ามาในคดีเป็นการไม่ชอบนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง การที่โจทก์เช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ร่วมแต่เข้าครอบครองใช้ประโยชน์ไม่ได้เพราะมีบ้านจำเลยปลูกอยู่ โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาหาประโยชน์ในที่ดินพิพาทและมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยผู้มีฐานะเป็นเพียงผู้อาศัยสิทธิผู้เช่าที่ดินพิพาทเดิมปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทโดยขอให้ศาลเรียกโจทก์ร่วมผู้ให้เช่าเข้าเป็นโจทก์ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 549 ประกอบด้วยมาตรา 477

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4283/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: การพบกระบือที่ถูกลักไปแต่ไม่แจ้งเจ้าของและเรียกค่าตอบแทนเข้าข่ายความผิด
จำเลยทั้งสองติดตามไปพบกระบือผู้เสียหายที่ถูกลักไปแต่ไม่นำมาให้ผู้เสียหายหรือบอกให้ผู้เสียหายทราบตามที่ขอให้ช่วยเป็นเพียงปกปิดความจริงที่ควรบอกให้ผู้เสียหายทราบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้รับกระบือไว้จากคนร้ายหรือเอากระบือที่พบไปไว้ที่อื่นก่อนหรือร่วมรู้กับคนร้ายมาเรียกค่าไถ่กระบือจากผู้เสียหายไม่มีความผิดฐานรับของโจร
of 104