คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดำริ ศุภพิโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4283/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพบกระบือที่ถูกลัก แต่ไม่แจ้งเจ้าของและเรียกค่าตอบแทนเข้าข่ายรับของโจร
จำเลยทั้งสองติดตามไปพบกระบือผู้เสียหายที่ถูกลักไป แต่ไม่นำมาให้ผู้เสียหายหรือบอกให้ผู้เสียหายทราบตามที่ขอให้ช่วย เป็นเพียงปกปิดความจริงที่ควรบอกให้ผู้เสียหายทราบ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้รับกระบือไว้จากคนร้าย หรือเอากระบือที่พบไปไว้ที่อื่นก่อน หรือร่วมรู้กับคนร้ายมาเรียกค่าไถ่กระบือจากผู้เสียหาย ไม่มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4269/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังการโอนทรัพย์สินยึด: ศาลไม่สามารถสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายจากผู้โอนได้ หากเจ้าหนี้ไม่ได้ขอให้บังคับคดีต่อทรัพย์สินที่โอน
การดำเนินกระบวนพิจารณาในกรณีที่มีการโอนไปซึ่งทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายหลังการยึดนั้นเป็นกรณีต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) ซึ่งบัญญัติไว้ความว่า การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิด โอนหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดภายหลังที่ได้ทำการยึดไว้แล้วนั้น หาอาจใช้ยันแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่ ฉะนั้น การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมาสอบถามถึงการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ที่ศาลมีคำสั่งยึดและได้โอนไปยังนายดนัยแล้วเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป จึงเป็นการไม่ถูกต้องและหาเป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์แต่อย่างใดไม่โจทก์ชอบที่จะดำเนินการเกี่ยวกับการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ที่ศาลมีคำสั่งยึดไว้แล้วดังกล่าวให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายต่อไป การที่ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งให้องค์การโทรศัพท์ผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ก็เป็นการสั่งนอกเหนือไปจากคำขอท้ายคำร้องของโจทก์อีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4268/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางต่อเนื่องโดยเปิดเผย ย่อมก่อให้เกิดภาระจำยอมได้
โจทก์ฟ้องว่าได้ภาระจำยอมโดยอายุความซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทำการประมงและบรรทุกปลาจากท่าเทียบเรือและจากโรงดองเค็มจากที่ดินของโจทก์ผ่านทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินจำเลยเพื่อออกสู่ถนนสาธารณะเป็นเวลา 5 ปีก็เลิกแล้วให้นางบ.เช่าโรงดองเค็มนางบ.ขนปลาจากท่าเทียบเรือและโรงดองเค็มดังกล่าวผ่านทางพิพาทไปสู่ถนนสาธารณะเป็นเวลา8 ปีก็เลิกเช่าแต่ก็ยังใช้ท่าเทียบเรือและเดินผ่านทางพิพาทอยู่ การเดินผ่านทางพิพาทดังกล่าวทั้งโจทก์และนางบ. ไม่ได้ขออนุญาตผู้ใดและโดยที่จำเลยกับเจ้าของที่ดินเดิมที่จำเลยซื้อมาไม่เคยห้ามปรามนับแต่โจทก์และนางบ.ใช้ทางพิพาทมาเป็นเวลา 13 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4268/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางต่อเนื่องโดยเปิดเผยและเจ้าของที่ดินไม่ห้าม
โจทก์ฟ้องว่า ได้ภาระจำยอมโดยอายุความ ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทำการประมงและบรรทุกปลาจากท่าเทียบเรือและจากโรงดองเค็มจากที่ดินของโจทก์ผ่านทางพิพาท ซึ่งอยู่ในที่ดินจำเลยเพื่อออกสู่ถนนสาธารณะเป็นเวลา 5 ปีก็เลิกแล้วให้นาง บ. เช่าโรงดองเค็มนาง บ. ขนปลาจากท่าเทียบเรือและโรงดองเค็มดังกล่าวผ่านทางพิพาทไปสู่ถนนสาธารณะเป็นเวลา 8 ปีก็เลิกเช่าแต่ก็ยังใช้ท่าเทียบเรือและเดินผ่านทางพิพาทอยู่ การเดินผ่านทางพิพาทดังกล่าวทั้งโจทก์และนาง บ. ไม่ได้ขออนุญาตผู้ใดและโดยที่จำเลยกับเจ้าของที่ดินเดิมที่จำเลยซื้อมาไม่เคยห้ามปรามนับแต่โจทก์และนาง บ.ใช้ทางพิพาทมาเป็นเวลา 13 ปีแล้วทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4252/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมแทนการวางมัดจำ: มูลหนี้, การผิดนัด, ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญากู้ยืมไว้แก่โจทก์แทนการวางมัดจำเป็นเงินสดตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสัญญากู้ยืมดังกล่าวจึงมีมูลหนี้มาจากการที่จำเลยมีหนี้ที่จะต้องวางมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อจำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินมัดจำโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้ยืมได้เพราะมีมูลหนี้ต่อกันและกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าได้มีการส่งมอบเงินให้ผู้กู้แล้ว เมื่อสัญญากู้ยืมครบกำหนด จำเลยไม่ชำระหนี้โจทก์ผู้ให้กู้มีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินได้โดยถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญากู้ยืมเป็นต้นไปและเรียกค่าเสียหายร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่ากับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่วันผิดนัดได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4252/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมแทนการวางมัดจำ: มูลหนี้และสิทธิเรียกร้องเมื่อผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญากู้ยืมไว้แก่โจทก์แทนการวางมัดจำเป็นเงินสดตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สัญญากู้ยืมดังกล่าวจึงมีมูลหนี้มาจากการที่จำเลยมีหนี้ที่จะต้องวางมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อจำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินมัดจำ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้ยืมได้เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน และกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าได้มีการส่งมอบเงินให้ผู้กู้แล้ว
เมื่อสัญญากู้ยืมครบกำหนด จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ผู้ให้กู้มีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินได้โดยถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญากู้ยืมเป็นต้นไป และเรียกค่าเสียหายร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่ากับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่วันผิดนัดได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4235/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิคัดค้านการรังวัดที่ดินของผู้อื่นและการชดใช้ค่าเสียหายตามความเป็นจริง
โจทก์นำรังวัดเข้าไปในโฉนดที่ดินของจำเลย จำเลยมีสิทธิที่จะคัดค้านได้ ไม่เป็นการกระทำละเมิดอันจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เพราะจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่โจทก์มิได้กล่าวในคำฟ้อง จึงเป็นการพิพากษาให้โจทก์ได้ค่าเสียหายเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรก แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ก็ตาม แต่ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลอุทธรณ์มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ากับบุคคลภายนอกที่รู้ข้อจำกัดในสัญญาจำนอง: สิทธิเจ้าหนี้จำนองในการเพิกถอนสัญญา
ผู้รับจำนองฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาเช่าทรัพย์ ซึ่งผู้จำนองสมคบร่วมกับผู้เช่ากระทำลงโดยรู้อยู่ว่าเป็นการผิดสัญญาจำนองและข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนอง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบังคับคดีของผู้รับจำนองเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนอง กรณีเช่นนี้ไม่อาจนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 722 มาใช้ปรับแก่คดีได้ เพราะสัญญาเช่าทรัพย์เป็นบุคคลสิทธิไม่ใช่ภาระจำยอมหรือทรัพย์สิทธิอย่างอื่น จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 มาใช้ปรับแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4225/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ของกลางที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ไม่สามารถริบได้ แม้จะเกี่ยวข้องกับการหลบหนี
เสื้อของกลางคนร้ายมิได้ใช้ในการกระทำความผิด ส่วนการถอดเสื้อของกลางทิ้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าเป็นการพรางตาให้พ้นจากการจับกุมหรือเพื่อสะดวกแก่การเอาทรัพย์ไปรับฟังไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดดังที่โจทก์ฎีกาอีกเช่นกัน ศาลจึงสั่งริบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การและการพิจารณาคดีแพ่งที่มิใช่คดีเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยานจำเลยย่อมจะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้และการยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าคำให้การเดิมบกพร่อง ไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง ขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้องเมื่อคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิม เป็นแต่เพียงเพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้นจึงชอบที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาตการดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคารที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
of 104