พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากความผิดพลาดในการยื่นบัญชีพยาน ศาลพิจารณาเหตุผลและไม่คัดค้านของฝ่ายจำเลย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ อัยการโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานและขอหมายเรียกพยาน อ้างว่าพลั้งเผลอ ทั้งทนายจำเลยไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดี และเป็นการเลื่อนคดีครั้งแรกของโจทก์ กรณีมีเหตุสมควรเลื่อนคดีเพื่อให้โอกาสโจทก์นำพยานเข้าสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ซื้อปุ๋ย: องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรไม่ใช่พ่อค้า จึงใช้ อายุความ 10 ปี
องค์การตลาดเพื่อการเกษตรกรจัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร พ.ศ.2517 มี วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 6(1) ถึง (8) หาใช่ประกอบการค้าโดยทำการซื้อสินค้ามาแล้วขายเป็นปกติธุระไม่จึงมิใช่เป็นพ่อค้าตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) จะนำอายุความ2 ปีมาใช้บังคับในกรณีขอให้ลูกหนี้ชำระค่าปุ๋ยไม่ได้ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดีละเมิดจากความประมาทเลินเล่อ: เพียงแสดงการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็เพียงพอแล้ว
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่งนั้น ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาทซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัดสำหรับคดีแพ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็พอทำให้เข้าใจได้แล้วว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกเรืออวนลากสูงกว่ากฎหมายกำหนดและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถ เป็นเหตุให้เรืออวนลากซึ่งบรรทุกอยู่บนรถชนสายโทรศัพท์และเสาโทรศัพท์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกเรืออวนลากสูงกว่ากฎหมายกำหนดและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถ เป็นเหตุให้เรืออวนลากซึ่งบรรทุกอยู่บนรถชนสายโทรศัพท์และเสาโทรศัพท์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดีละเมิด: เพียงแสดงการกระทำโดยประมาทเลินเล่อก็เพียงพอแล้ว
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่งนั้น ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาทซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัด สำหรับคดีแพ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็พอทำให้เข้าใจได้แล้วว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกเรืออวนลากสูงกว่ากฎหมายกำหนดและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถ เป็นเหตุให้เรืออวนลากซึ่งบรรทุกอยู่บนรถชนสายโทรศัพท์และเสาโทรศัพท์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกเรืออวนลากสูงกว่ากฎหมายกำหนดและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถ เป็นเหตุให้เรืออวนลากซึ่งบรรทุกอยู่บนรถชนสายโทรศัพท์และเสาโทรศัพท์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้ทำตามฟอร์มตามกฎหมาย ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ
ผู้ตายบอกขายบ้านพิพาท จำเลยรับซื้อไว้และได้ชำระราคาบ้านบางส่วนให้ผู้ตาย ผู้ตายได้ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าอยู่อาศัย โดยไม่ได้ความว่าขณะตกลงซื้อขายกันได้มีการพูดจากันถึงเรื่องการไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายบ้านพิพาทจึงถือว่าเป็นการซื้อขายกันโดยเด็ดขาด เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ แม้จะได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็จะถือว่าสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ได้ จำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทรับเงินราคาบ้านส่วนที่เหลือแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่จำเลยมิได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้ทำตามแบบตามกฎหมายเป็นโมฆะ แม้มีการชำระเงินบางส่วน
ผู้ตายบอกขายบ้านพิพาทจำเลยรับซื้อไว้และได้ชำระราคาบ้านบางส่วนให้ผู้ตาย ผู้ตายได้ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าอยู่อาศัย โดยไม่ได้ความว่าขณะตกลงซื้อขายกันได้มีการพูดจากันถึงเรื่องการไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายบ้านพิพาทจึงถือว่าเป็นการซื้อขายกันโดยเด็ดขาด เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ แม้จะได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็จะถือว่าสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ได้ จำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทรับเงินราคาบ้านส่วนที่เหลือแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่จำเลยมิได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3997/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทกฎหมายอาญาที่ถูกต้องโดยไม่เพิ่มโทษ: ศาลอุทธรณ์แก้ข้อหาได้ แต่ต้องไม่หนักกว่าเดิม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 มิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษแก่จำเลย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสอง การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม แต่กำหนดโทษของจำเลยยังคงเดิมนั้น เป็นเพียงปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษแก่จำเลยเท่านั้น หาได้พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยแต่อย่างใดไม่ จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3997/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทกฎหมายอาญาที่ถูกต้องโดยไม่เพิ่มโทษ ไม่ขัดต่อหลักวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 มิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษแก่จำเลย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสองการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม แต่กำหนดโทษของจำเลยยังคงเดิมนั้น เป็นเพียงปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษแก่จำเลยเท่านั้นหาได้พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยแต่อย่างใดไม่ จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3992/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี แม้สำคัญผิดเรื่องกรรมสิทธิ์ก็มีผลผูกพัน
การที่โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1เกินกว่า 10 ปี แม้เดิมโจทก์จะสำคัญผิดว่าเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่งโดยเป็นคันนาแบ่งเขตที่ดินของทั้งสองฝ่าย แต่โจทก์มีเจตนาถือเอาทางพิพาททั้งหมดเป็นทางเดินผ่าน ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาททั้งหมดโดยความสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาใช้เป็นทางของโจทก์ ทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์ของโจทก์ก่อนแล้ว การที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้ว ปรากฏว่าทางพิพาทอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 โจทก์ก็ยังคงใช้ทางพิพาทต่อมาโดยมิได้สละสิทธิ ทางพิพาทจึงยังคงเป็นทางภารจำยอมเช่นเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3971/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่ล่วงหน้า การรับอาวัล และสิทธิเรียกร้องเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บได้
จำเลยให้การว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ถูกต้อง เป็นหนังสือปลอมแต่มิได้อ้างว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ปลอมอย่างไร จำเลยไม่มีสิทธินำสืบว่าใบมอบอำนาจนั้นปลอม เมื่อโจทก์นำสืบว่าได้มีการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามนั้น
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์และจำเลยอีกคนหนึ่งคบคิดกันฉ้อฉลหลอกให้จำเลยลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาท แต่ในชั้นพิจารณากลับนำสืบว่า เช็คพิพาทมีมูลจากการพนันจึงไม่ต้องใช้เงิน ดังนี้เป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ก่อนถึงกำหนดวันสั่งจ่ายในเช็คย่อมกระทำได้ เป็นเรื่องที่ธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คและธนาคารตามเช็คจะพิจารณาจ่ายเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนด เพราะไม่มีบทกฎหมายบังคับให้ต้องนำเช็คเข้าบัญชีต่อเมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายก่อน
บัญชีของจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายปิดไปแล้วก่อนที่เช็คพิพาทถึงกำหนด โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าเช็คลงวันที่ล่วงหน้า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และมาตรา 989 และเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดแล้วไม่มีการใช้เงิน จำเลยที่ 2ผู้รับอาวัลย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิต้องบอกกล่าวก่อน
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์และจำเลยอีกคนหนึ่งคบคิดกันฉ้อฉลหลอกให้จำเลยลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาท แต่ในชั้นพิจารณากลับนำสืบว่า เช็คพิพาทมีมูลจากการพนันจึงไม่ต้องใช้เงิน ดังนี้เป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ก่อนถึงกำหนดวันสั่งจ่ายในเช็คย่อมกระทำได้ เป็นเรื่องที่ธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คและธนาคารตามเช็คจะพิจารณาจ่ายเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนด เพราะไม่มีบทกฎหมายบังคับให้ต้องนำเช็คเข้าบัญชีต่อเมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายก่อน
บัญชีของจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายปิดไปแล้วก่อนที่เช็คพิพาทถึงกำหนด โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าเช็คลงวันที่ล่วงหน้า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และมาตรา 989 และเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดแล้วไม่มีการใช้เงิน จำเลยที่ 2ผู้รับอาวัลย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิต้องบอกกล่าวก่อน