พบผลลัพธ์ทั้งหมด 134 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสามีในการโต้แย้งสัญญากู้ของภรรยา: ศาลไม่อนุญาตให้เข้าเป็นจำเลยร่วมหากสิทธิยังไม่ถูกโต้แย้ง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหญิงมีสามีเป็นจำเลยเรียกเงินตามสัญญากู้นั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด คดียังไม่แน่ว่าโจทก์จะชนะหรือไม่ ถึงหากชนะ จะยึดทรัพย์ส่วนตัวของหญิงสามีก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านเช่นนี้ สามีก็ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอย่างไร ฉะนั้นการที่สามีร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับภรรยาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 57(1) ในขณะนี้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเป็นจำเลยร่วมในคดีกู้ยืมเงิน: สิทธิของสามีเมื่อภรรยาทำสัญญาโดยไม่ได้รับความยินยอม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหญิงมีสามีเป็นจำเลยเรียกเงินตามสัญญากู้นั้นเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดคดียังไม่แน่ว่าโจทก์จะชนะหรือไม่ ถึงหากชนะ จะยึดทรัพย์ส่วนตัวของหญิงสามีก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านเช่นนี้สามีก็ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอย่างไรฉะนั้นการที่สามีร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับภรรยาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ในขณะนี้ศาลจึงไม่จำเป็นต้องอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินบริคณห์ โมฆียะ การครอบครองทำประโยชน์ และความรับผิดทางละเมิด
ภริยาโจทก์นำที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับภริยาไปแลกเปลี่ยนกับที่นาของจำเลย นิติกรรมแลกเปลี่ยนนี้เป็นแต่เพียงโมฆียะ ซึ่งถ้าโจทก์ผู้เป็นสามีไม่บอกล้าง นิติกรรมนี้ย่อมสมบูรณ์ตามกฏหมาย การที่จำเลยเข้าครอบครองทำนาพิพาทย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือภริยาโจทก์แต่ประการใด จนกว่าโจทก์จะบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวและศาลชี้ขาดว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมแล้ว
ม. 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นแต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
ม. 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นแต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมโมฆียะสินบริคณห์: การบอกล้างนิติกรรมและการละเมิด
ภริยาโจทก์นำที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับภริยาไปแลกเปลี่ยนกับที่นาของจำเลย นิติกรรมแลกเปลี่ยนนี้เป็นแต่เพียงโมฆียะ ซึ่งถ้าโจทก์ผู้เป็นสามีไม่บอกล้าง นิติกรรมนี้ย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย การที่จำเลยเข้าครอบครองทำนาพิพาท ย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือภริยาโจทก์แต่ประการใด จนกว่าโจทก์จะบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวและศาลชี้ขาดว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมแล้ว
มาตรา 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น แต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
มาตรา 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น แต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินสินบริคณฑ์โมฆียะเมื่อทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคู่สมรส การบอกล้างสิทธิและผลกระทบต่อค่าเสียหาย
ที่พิพาทเป็นมรดกได้มาระหว่างจำเลยกับสามีเป็นสามีภรรยากันจึงเป็นสินบริคณฑ์เมื่อจำเลยเอาที่พิพาทไปขายให้โจทก์โดยสามีไม่รู้เห็น สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นโมฆียะ เมื่อสามีบอกล้างตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายแก่จำเลย
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอก แต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใด โจทก์ไม่ต้องรับผิดใช่ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยแต่เงิน (มัดจำ) ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอก แต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใด โจทก์ไม่ต้องรับผิดใช่ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยแต่เงิน (มัดจำ) ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายสินบริคณฑ์โมฆียะเมื่อสามีไม่ยินยอมและบอกล้างได้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่มี
ที่พิพาทเป็นมรดกได้มาระหว่างจำเลยกับสามีเป็นสามีภรรยากันจึงเป็นสินบริคณฑ์เมื่อจำเลยเอาที่พิพาทไปขายให้โจทก์โดยสามีไม่รู้เห็น สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นโมฆียะเมื่อสามีบอกล้างแล้วตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกคู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายแก่จำเลย
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอกแต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใดโจทก์ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลย แต่เงิน (มัดจำ)ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอกแต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใดโจทก์ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลย แต่เงิน (มัดจำ)ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆียะของนิติกรรมที่ภริยาทำโดยสามีไม่รู้เห็น การบอกล้างทำให้ตกเป็นโมฆะ
นิติกรรมที่หญิงมีสามีไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมนั้นย่อมเป็นโมฆียะเมื่อสามีบอกล้างแล้วก็ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138
การใดที่สามีหรือภริยากระทำซึ่งต้องรับความยินยอมจากกันนั้นเมื่อกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือแล้วผู้ใดจะอ้างว่าการนั้นได้รับความยินยอมแล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออันเป็นการฝืนหลักกฎหมายเช่นนี้ฟังไม่ได้
การใดที่สามีหรือภริยากระทำซึ่งต้องรับความยินยอมจากกันนั้นเมื่อกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือแล้วผู้ใดจะอ้างว่าการนั้นได้รับความยินยอมแล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออันเป็นการฝืนหลักกฎหมายเช่นนี้ฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมภริยาต้องได้รับความยินยอมจากสามี หากสามีไม่ยินยอม นิติกรรมเป็นโมฆียะและอาจตกเป็นโมฆะได้
นิติกรรมที่หญิงมีสามีไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมนั้นย่อมเป็นโมฆียะ เมื่อสามีบอกล้างแล้วก็ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 138
่การใดที่สามีหรือภริยากระทำซึ่งต้องรับความยินยอมจากกันนั้นเมื่อกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือแล้ว ผู้ใดจะอ้างว่าการนั้นได้รับความยินยอมแล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออันเป็นการฝืนหลักกฎหมายเช่นนี้ ฟังไม่ได้
่การใดที่สามีหรือภริยากระทำซึ่งต้องรับความยินยอมจากกันนั้นเมื่อกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือแล้ว ผู้ใดจะอ้างว่าการนั้นได้รับความยินยอมแล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออันเป็นการฝืนหลักกฎหมายเช่นนี้ ฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมขายฝากสินสมรสต้องได้รับความยินยอมจากสามี หากไม่ได้รับความยินยอมและสามีบอกล้างได้ โมฆียะ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาขายฝากที่จำเลย(ภริยาผู้ร้องสอด) ทำไว้กับโจทก์ จำเลยและผู้ร้องสอด(สามีจำเลย) ต่อสู้ยืนยันว่าเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ร้องสอดและไม่ได้ให้สัตยาบันจึงบอกล้างโมฆียะกรรมเมื่อโจทก์กล่าวแก้แต่เพียงว่าผู้ร้องสอดมิได้เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ประเด็นคงมีว่าผู้ร้องสอดกับจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เท่านั้น ไม่มีประเด็นไปถึงเรื่องภริยาร้างในระหว่างภริยาทำนิติกรรมขายฝากให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่
เมื่อภริยาทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์โดยมิได้รับความยินยอมจากสามีและสามีไม่ได้ให้สัตยาบันสามีจึงบอกล้างนิติกรรมนั้นได้
เมื่อภริยาทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์โดยมิได้รับความยินยอมจากสามีและสามีไม่ได้ให้สัตยาบันสามีจึงบอกล้างนิติกรรมนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากสินบริคณห์ต้องได้รับความยินยอมจากสามี/ภริยา หากไม่ได้รับความยินยอมเป็นโมฆียะกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาขายฝากที่จำเลย(ภริยาผู้ร้องสอด)ทำไว้กับโจทก์จำเลยและผู้ร้องสอด(สามีจำเลย)ต่อสู้ยืนยันว่าเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ร้องสอดและไม่ได้ให้สัตยาบันจึงบอกล้างโมฆียะกรรมเมื่อโจทก์กล่าวแก้แต่เพียงว่าผู้ร้องสอดมิได้เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้ประเด็นคงมีว่าผู้ร้องสอดกับจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เท่านั้นไม่มีประเด็นไปถึงเรื่องภริยาร้างในระหว่างภริยาทำนิติกรรมขายฝากให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่
เมื่อภริยาทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์โดยมิได้รับความยินยอมจากสามีและสามีไม่ได้ให้สัตยาบัน สามีจึงบอกล้างนิติกรรมนั้นได้
เมื่อภริยาทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์โดยมิได้รับความยินยอมจากสามีและสามีไม่ได้ให้สัตยาบัน สามีจึงบอกล้างนิติกรรมนั้นได้