พบผลลัพธ์ทั้งหมด 705 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: การฟ้องเกินจำนวนเงินที่แจ้งข้อหาเดิม แต่เป็นข้อหาเดิม ไม่ถือเป็นฟ้องไม่ชัดเจน
ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเงิน 419,235.40 บาทพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฐานยักยอกทรัพย์ให้จำเลยทราบ แล้วก่อนทำการสอบสวน แม้ต่อมาปรากฏว่าจำเลยถูกกล่าวหา ความผิดฐานเดียวกันหลายกระทงและกระทำต่อเนื่องกันรวมเป็นเงิน 674,653.65บาท พนักงานสอบสวนก็ไม่จำต้องแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบทุกกระทงถือได้ว่าคดีได้มีการสอบสวนโดย ถูกต้อง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงิน 674,653.65 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าครองชีพตามข้อตกลงสภาพการจ้าง: เงื่อนไขการจ่ายและขอบเขตการบังคับใช้
แม้เงินค่าครองชีพซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายแก่ลูกจ้างเป็น รายเดือนจะถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างก็ตาม แต่เมื่อการที่นายจ้างตกลงจะจ่ายเงินค่าครองชีพแก่ลูกจ้างเกิดจาก ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ไม่ใช่จ่ายตามข้อผูกพัน หรือ สัญญาจ้างแรงงานที่มีอยู่เดิม ดังนั้น การจ่ายเงินค่าครองชีพ จำต้องอยู่ภายใต้บังคับของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของข้อตกลง เกี่ยวกับสภาพการจ้าง
เมื่อคดีไม่มีประเด็นว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างขัดต่อกฎหมายหรือมีผลใช้บังคับหรือไม่ การที่คู่ความ อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์นอกประเด็น แม้จะเป็นปัญหา อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็น ไม่สมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่วินิจฉัยให้
เมื่อคดีไม่มีประเด็นว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างขัดต่อกฎหมายหรือมีผลใช้บังคับหรือไม่ การที่คู่ความ อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์นอกประเด็น แม้จะเป็นปัญหา อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็น ไม่สมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าครองชีพตามข้อตกลงสภาพการจ้าง: เงื่อนไขการจ่ายและขอบเขตของข้อตกลง
แม้เงินค่าครองชีพซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายแก่ลูกจ้างเป็น รายเดือนจะถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างก็ตาม แต่เมื่อการที่นายจ้างตกลงจะจ่ายเงินค่าครองชีพแก่ลูกจ้างเกิดจากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ไม่ใช่จ่ายตามข้อผูกพัน หรือ สัญญาจ้างแรงงานที่มีอยู่เดิม ดังนั้น การจ่ายเงินค่าครองชีพจำต้องอยู่ภายใต้บังคับของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของข้อตกลง เกี่ยวกับสภาพการจ้าง
เมื่อคดีไม่มีประเด็นว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างขัดต่อกฎหมายหรือมีผลใช้บังคับหรือไม่ การที่คู่ความอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์นอกประเด็น แม้จะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็นไม่สมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่วินิจฉัยให้
เมื่อคดีไม่มีประเด็นว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างขัดต่อกฎหมายหรือมีผลใช้บังคับหรือไม่ การที่คู่ความอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์นอกประเด็น แม้จะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็นไม่สมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1892/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายเงินทดแทนกรณีลูกจ้างเสียชีวิตจากการถูกยิงขณะละทิ้งหน้าที่ ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่เข้าข่ายประสบอันตรายจากการทำงาน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ซึ่งวินิจฉัยว่าลูกจ้างได้รับอันตรายถึงแก่ความตายมิใช่เนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาจึงอยู่ที่ว่าคณะกรรมการได้ปฏิเสธการจ่ายเงินทดแทนหรือไม่ คำวินิจฉัยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดังนี้ เมื่อโจทก์ระบุว่าคณะกรรมการวินิจฉัยอย่างไร ลูกจ้างถูกยิงตายที่ใดและเมื่อใดซึ่ง จำเลยก็ให้การต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ส่วนโจทก์จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนหรือไม่ ลูกจ้างถูกยิงตายเนื่องจากมูลกรณีใดและได้รับค่าจ้างเดือนละเท่าใด เป็นรายละเอียด หากจำเลยให้การโต้เถียงก็อาจนำสืบในชั้นพิจารณาได้ แม้ลูกจ้างจะถูกยิงตายในช่วงเวลาที่มีหน้าที่เป็นยามและสถานที่เกิดเหตุอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของลูกจ้างแต่การที่ลูกจ้างหลีกเลี่ยงหน้าที่ไปนั่งเสพสุราร่วมกับพวกและ จ. มิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เป็นการละทิ้งหน้าที่ จะถือว่าระหว่างที่ลูกจ้างเสพสุราร่วม กับพวกเป็นการปฏิบัติหน้าที่เป็นยามควบคู่ไปด้วยหาได้ไม่ จึงไม่ใช่เป็น กรณีที่ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ อีกประการหนึ่ง คนร้ายที่ เข้ามาทำร้าย จ. มิใช่เข้ามาทำร้ายลูกจ้างหรือประสงค์ต่อทรัพย์สิน ของนายจ้าง มูลกรณีที่ลูกจ้างถูกยิงตายมิได้เกิดจากเหตุที่ทำงานให้ แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง ถือไม่ได้ว่าลูกจ้าง ประสบอันตรายตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีแล้วกลับมาพิจารณาต่อ เมื่อคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่เป็นผล และการไต่สวนข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไปตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเข้าดำเนินคดีแทนจำเลย เมื่อโจทก์ได้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายแล้วเท่ากับเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องต่อเนื่องเกี่ยวโยงกับคดีนี้หากการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่อาจดำเนินไปจนถึงที่สุดได้เพราะศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องใน คดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยกคำขอของโจทก์เสีย โจทก์ ก็ชอบที่จะกลับมาดำเนินคดีต่อไปได้ คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้น หาได้ประสงค์ให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลทีเดียวไม่ โจทก์ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์เนื่องจากศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในคดีล้มละลาย โจทก์ จึงขอให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป จำเลยยื่นคำคัดค้านว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์และทำความเห็นเสนอต่อศาลจนกระทั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์อ้างและพิพากษายกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ คดีถึงที่สุดไปแล้ว ดังนี้ หากได้ความจริงตามคำคัดค้านของจำเลยโจทก์ก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่มีมูลหนี้ในคดีนี้อีก ย่อมไม่มีเหตุที่จะให้ ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะทำการไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังคำร้องของโจทก์หรือคำคัดค้านของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยมิได้ทำการไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญก่อนและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ถือว่าศาลล่างทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาและมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินมรดก: การเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับซ้อน และการคุ้มครองสิทธิผู้ครอบครอง
โจทก์และจำเลยต่างครอบครองที่ดินมรดกเป็นส่วนสัด ที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองจึงเป็นของโจทก์ การที่โจทก์มิได้นำสำรวจที่ดินหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิครอบครอง และการที่โจทก์มิได้คัดค้านกรณีที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือขอออกโฉนดที่ดิน มิได้หมายความว่าโจทก์ยอมรับโดยปริยายว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ที่จำเลยขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยแล้วรังวัดรวมที่ดินพิพาทของโจทก์เข้าไปด้วย เป็นการไม่ชอบ แม้โจทก์จะฟ้องขอให้แบ่งแยกที่พิพาท ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับ ที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินมรดก: การเพิกถอนโฉนดที่ดินทับซ้อนและการคุ้มครองสิทธิผู้ครอบครอง
โจทก์และจำเลยต่างครอบครองที่ดินมรดกเป็นส่วนสัด ที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองจึงเป็นของโจทก์ การที่โจทก์มิได้นำสำรวจที่ดินหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิครอบครอง และการที่โจทก์มิได้คัดค้านกรณีที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือขอออกโฉนดที่ดินมิได้หมายความว่าโจทก์ยอมรับโดยปริยายว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ที่จำเลยขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยแล้วรังวัดรวมที่ดินพิพาทของโจทก์เข้าไปด้วย เป็นการไม่ชอบแม้โจทก์จะฟ้องขอให้แบ่งแยกที่พิพาท ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีหยุดพักผ่อนประจำปี ต้องมีการโต้แย้งสิทธิก่อน การให้การต่อสู้ภายหลังไม่ถือเป็นการโต้แย้ง
ลูกจ้างไม่เคยยื่นความจำนงขอหยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิของตนมาก่อน และไม่ปรากฏว่านายจ้างปฏิเสธมิให้ลูกจ้างหยุดพักผ่อนประจำปี ดังนี้ นายจ้างยังมิได้โต้แย้งสิทธิของลูกจ้าง ลูกจ้างจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนที่นายจ้างให้การว่าลูกจ้างไม่มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีเพราะมีวันลา เกินกำหนดเป็นเพียงข้อต่อสู้ที่ยกขึ้นภายหลังลูกจ้างฟ้องคดีแล้ว จะถือเป็นข้ออ้างว่านายจ้างโต้แย้งสิทธิของลูกจ้างหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องหยุดพักผ่อน: จำเลยต้องโต้แย้งสิทธิลูกจ้างก่อน จึงจะถือว่าลูกจ้างมีอำนาจฟ้องบังคับให้หยุดพักผ่อนได้
ลูกจ้างไม่เคยยื่นความจำนงขอหยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิของตนมาก่อน และไม่ปรากฏว่านายจ้างปฏิเสธมิให้ลูกจ้างหยุดพักผ่อนประจำปีดังนี้ นายจ้างยังมิได้โต้แย้งสิทธิของลูกจ้าง ลูกจ้างจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนที่นายจ้างให้การว่าลูกจ้างไม่มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีเพราะมีวันลาเกินกำหนด เป็นเพียงข้อต่อสู้ที่ยกขึ้นภายหลังลูกจ้างฟ้องคดีแล้ว จะถือเป็นข้ออ้างว่านายจ้างโต้แย้งสิทธิของลูกจ้างหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสภาพการจ้างคุ้มครองลูกจ้างใหม่ได้ สัญญาจ้างขัดแย้งข้อตกลงเดิมเป็นโมฆะ
การที่บทบัญญัติในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯกำหนดห้ามมิให้นายจ้างทำสัญญาจ้างแรงงานกับลูกจ้างขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เว้นแต่ สัญญาจ้างแรงงานจะเป็นคุณแก่ลูกจ้างยิ่งกว่านั้น ก็มุ่งหมายที่จะป้องกันมิให้นายจ้างหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามข้อตกลง เกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ทำไว้และลูกจ้างที่จะได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้รวมถึงลูกจ้างที่เข้าทำงานภายหลังข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับแล้วด้วย ส่วนที่มาตรา 19 วรรคแรกบัญญัติว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลผูกพันเฉพาะผู้ที่ลงลายมือชื่อในข้อเรียกร้องหรือมีส่วนในการเลือกตั้งผู้แทนเข้าร่วมเจรจาด้วยนั้น เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับผู้ที่เป็นลูกจ้างอยู่แล้ว หารวมถึงผู้เข้าเป็น ลูกจ้างในภายหลังซึ่งไม่มีโอกาสลงชื่อด้วยไม่